เทือกเขาหลงเมิ่ง
เทือกเขาสูงเสียดฟ้าถูกปกคุลมด้วยสายหมอกเมฆาเห็นเป็นทะเลหมอกไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือกพาดผ่านไปมาอยู่เป็นระยะ กระทบอาภรณ์ขาวจนชายผ้าพลิ้วไหวสะบัดไปมา
เส้นผมสีดำสนิทยาวถึงบั้นเอวถูกเกล้าครึ่งศีรษะปล่อยส่วนปลายให้ทิ้งตัวลงในวันสบายๆ เช่นนี้ มวยผมถูกจัดให้เป็นทรงได้รูปสวยงามเสียบปิ่นปักผมทำจากหยกสีขาว กำลังยืนเอามือไพล่หลังพร้อมคลึงหยกสีขาวทรงกลม เหมือนกับอาภรณ์ไปมาอยู่ตลอดเวลา พลางทอดสายตามองขุนเขาสูงตรงหน้าที่เพิ่งจะกลับมาพำนักอยู่ได้เพียงแค่สามปีเท่านั้น
ร่างสูงใหญ่ท่ามกลางอาภรณ์ขาวสวมใส่อยู่บนเรือนกาย เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลคู่โศก ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มรับกับจมูกโด่งสูงและริมฝีปากหยักได้รูปสวยโครงหน้าประหนึ่งรูปสลัก หล่อเหลางดงามเป็นที่เลื่องลือไปทั่วหล้าว่าเป็นบุรุษรูปงามที่หาพบได้ยากยิ่ง
หากแต่บุรุษผู้ลือนามอันเป็นที่กล่าวขานไปทั่วแผ่นดินผู้นี้ กับมีสมญานามที่ผิดไปจากรูปลักษณ์ภายนอกอันงดงามอย่างสิ้นเชิง อุปราชอำมหิต นามนี้เลื่องลือที่ผู้คนต่างสะพรึงกลัวและหวาดหวั่น อุปราชอินอวิ๋นหยางแห่งหยวนเป่ย ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีชีวิตที่ลึกลับและน่าพิศวงเป็นยิ่งนัก
ท่ามกลางทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วขุนเขาสูง อินทรีทองสื่อสารแหวกว่ายเมฆหมอกหนาดังกล่าว สยายปีกกว้างบินตรงเข้าไปหาอุปราชรูปงามที่กำลังยืนอยู่ด้านนอกของตำหนัก
ท่อนแขนใหญ่ยกขึ้นค้างไว้เพื่อรอรับอินทรีทองตัวดังกล่าวกำลังนำข่าวสารสำคัญทั่วทุกสารทิศมารายงาย และถ้าหากเป็นอินทรีทองที่มีกลักไม้ประทับตราประจำพระองค์ของอุปราชลือชื่อ นั้นหมายถึงเป็นข่าวสำคัญที่ส่งมาจากวังหลวง
อินทรีทองถูกปล่อยให้บินกลับไปเช่นเดิมหลังจากกลักไม้ถูกถอดออกจากขาของมัน พร้อมข่าวสารที่เขียนใส่ผ้าแพรผืนน้อยรายงานข่าวสำคัญให้แก่อุปราชหนุ่มได้ทรงล่วงรู้ทั้งหมด รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นที่มุมปาก
หึหึหึหึ!!! เสียงหัวเราะกึ่งเสียงคำรามดั่งอยู่ในลำคอเมื่ออ่านรายงานบนผ้าแพรผืนนั้นจบลง
“เจ้าโตขึ้นมากเลยนะฉวี่เอ๋อ รู้จักวางแผนกำจัดข้าได้แล้ว! ช่างไม่แตกต่างจากบิดาของเจ้าแม้แต่น้อย”อุปราชหน้าหยกกล่าวพร้อมหันกายกลับเข้าพระตำหนัก
อินอวิ๋นหยาง อุปราชผู้ลือนามบัดนี้ได้เสด็จกลับมาประทับอยู่ในจวนส่วนพระองค์ซึ่งสร้างขึ้นอยู่กลางเทือกเขาสูงหลงเมิ่งพระองค์พานพบสถานที่แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ
ด้วยทำเลที่ตั้งลึกลับและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามยิ่ง ทำให้อุปราชหนุ่มพึงพอพระทัยที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบหนีความวุ่นวาย อีกทั้งเป็นสถานที่ซ่อนเร้นพระองค์ได้เป็นอย่างดียากยิ่งนักที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ จึงทรงมีพระบัญชาให้สร้างจวนที่ประทับขึ้นบนเทือกเขาหลงเมิ่งแห่งนี้
จวนแห่งนี้สร้างด้วยไม้ทั้งหมดและกำลังคนที่นำมาสร้าง ล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่จงรักภักดีต่ออินอวิ๋นหยางเพียงระยะเวลาแค่หกเดือน จวนขนาดใหญ่บนเนื้อที่นับร้อยหมู่เสร็จสมบูรณ์โดยใช้เวลาสร้างรวดเร็วยิ่งนัก แรงงานจากกองทัพพื้นฐานเดิมคือชาวนาชาวไร่ ชาวประมงและช่างฝีมือต่างๆ ล้วนอยู่ภายในกองทัพของอุปราชรูปงามทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้การสร้างจวนบนเทือกเขาสูงจึงไม่ยากแม้แต่น้อย และจวนดังกล่าวถูกสร้างขึ้นตามพระบัญชาของอินอวิ๋นหยางที่ได้ออกแบบด้วยตัวเอง เต็มไปด้วยความประณีตสวยงามสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรม ตลอดจนถึงความเชื่อดั้งเดิมภายใต้จารีตประเพณีของหยวนเป่ยที่สืบสานต่อๆ กันมา
จวนอุปราชผู้ลือนามหรืออีกชื่อหนึ่ง จวนสกุลอินนับได้ว่าตั้งอยู่อย่างลึกลับ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าท่ามกลางเทือกเขาสูงเสียดฟ้าจะมีจวนใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เช่นนั้น และอินอวิ๋นหยางได้เข้ามาพำนักหลังจากหยวนเป่ยปลอดจากสงครามจนก้าวเข้าสู่ปีที่สาม
ในเวลานี้ พระองค์ประทับอยู่ที่นี่ตลอดโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ นอกจากกองทหารที่ถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดีจำนวนสามพันนาย ทำหน้าที่คอยอารักขาบริเวณรอบจวนดังกล่าว
ในขณะที่กองทัพของพระองค์ล้วนอยู่ในค่ายทหาร และกระจายไปตามเมืองต่างๆ และเฝ้าระวังรักษาชายแดนรวมไปถึงกระจายไปตามแคว้นที่อยู่ภายใต้การปกครอง โดยมีฐานบัญชาทัพที่เมืองอันหยางเต็มไปด้วยกองกำลังทหารสองแสนชีวิตอยู่ภายในนั้นภายใต้พระบัญชาของอุปราชอินอวิ๋นหยางเท่านั้น จึงจะสามารถเดินทัพไปที่ใดๆ ได้ หากไม่มีพระบัญชาจากอุปราชลือชื่อ กองทัพจะไม่เคลื่อนพลออกมาเป็นอันขาด
พระตำหนักใหญ่ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกอันเป็นทิศมงคล และที่ตั้งของตำหนักนี้สามารถเห็นเทือกเขาสูงเสียดฟ้าและทะเลหมอกปกคลุมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะยามเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและในยามเมื่อพระอาทิตย์ตก สวยงามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมราวกับว่าตำหนักดังกล่าวอยู่บนสวรรค์ไม่มีผิด เป็นตำหนักที่อุปราชหนุ่มโปรดปรานยิ่งนัก
“หรงเฉิน!”เสียงเรียกหาคนสนิทดังขึ้นทันทีที่เสด็จกลับเข้าสู่พระตำหนัก
ครืดดดด!!!! ประตูทางเข้าถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมร่างสูงขององค์รักษ์หรงเฉินก้าวเข้ามาภายในพระตำหนัก
“กระหม่อมอยู่ตรงนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์หนุ่มขานรับสั่ง
ในขณะที่อินอวิ๋นหยางประทับลงนั่งบนตั่งที่ยกสูงจากพื้นขึ้นมาเล็กน้อย โต๊ะตัวยาวตรงพระพักตร์วางกู่ฉินตัวโปรด บริเวณด้านข้างตั้งโต๊ะตัวเตี้ยสำหรับวางเตาและกาน้ำพร้อมชุดชงชาที่กำลังส่งไอควันขาวพวยพุ่งออกมาอยู่ในขณะนั้น ก่อนจะถูกเทลงถ้วยพร้อมถูกนิ้วมือเรียวของอุปราชรูปงามยกขึ้นจิบอย่างละเมียดละไม
อินอวิ๋นหยางนิ่งเงียบไปชั่วขณะด้วยกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในใจ สายตาจับจ้องอยู่ที่หยกสีขาวก้อนกลมขนาดพอดีมือกำลังถูกคลึงไปมายามเมื่อใช้ความคิด
ท่ามกลางสายตาของหรงเฉินที่คอยติดตามรับใช้อุปราชหนุ่มตั้งแต่พระองค์มีชันษาเพียงแค่ 15 เท่านั้น จวบจนตอนนี้ชันษาเข้าสู่ปีที่ 29 แล้ว ดังนั้นจึงล่วงรู้ดีว่าหากอินอวิ๋นหยางมีลักษณะเช่นนี้ หมายถึงกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ
“หรงเฉิน!”รับสั่งหาองครักษ์ขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”องค์รักษ์คนสนิทขานโดยพลัน
“จงทำหน้าที่ส่งสาสน์สำคัญนี้ของข้าไปที่วังหลวง และเข้าพบฝ่าบาทแทนข้าบอกว่า ไม่ปฏิเสธสมรสพระราชทานที่พระองค์มอบให้แต่อย่างใด”สิ้นเสียงของอุปราชหนุ่ม
“อะไรนะ! พระองค์ยินยอมสมรสอย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ!”หรงเฉินเอ่ยถามกลับไปด้วยไม่คาดคิดว่า อุปราชผู้กล้าจะตอบรับได้อย่างง่ายดายเหนือความคาดหมายยิ่งนัก
“เหตุใดพระองค์จึงยอมรับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ทรงปฏิเสธได้เหตุใดจึงไม่บอกปัดไปทำไมต้องทำตามความต้องการของฝ่าบาทด้วย นี่คงจะต้องถูกผู้อื่นยุยงมาเป็นแน่”หรงเฉินเอ่ยตามความเห็นของตัวเอง
อุปราชรูปงามยังคงยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างละเมียดละไมอยู่เช่นเดิม หากแต่พระเนตรคู่โศกกลับปรากฏสายพระเนตรแข็งกร้าวรังสีอำมหิตลุกโชนขึ้นมาทันทีพร้อมแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ
“เจ้ายังคิดว่าภายในวังหลวงยามนี้จะหลงเหลือผู้ที่จะสามารถยุแยงอวิ๋นฉวี่ได้อยู่อีกเหรอ ในเมื่อพระเชษฐาของข้าทั้งหมดล้วนถูกฮองไทเฮากำจัดไปหมดสิ้นแล้ว ที่หลงเหลือรอดชีวิตอยู่ก็คือเหล่าพระชายาหม้ายและสนมเท่านั้น ซึ่งล้วนอยู่ทางฝ่ายข้าทั้งสิ้น พวกที่คอยยุแยงเกรงว่าจะเป็นฝ่ายศัตรูที่รวมตัวกันเพื่อจะกำจัดข้าเสียมากกว่า หาไม่แล้วลำพังอวิ๋นฉวี่ไม่กล้าคิดที่จะมอบองค์หญิงจากแคว้นซางและแคว้นต้าเหลียงให้อภิเษกกับข้าหรอก และข้าคิดว่าสองแคว้นนี้กำลังจับมือกันเพื่อหวังโค่นล้มหยวนเป่ย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นหรงเฉิน มีประกายตาลุกวาววับขึ้นมาทันที หากอุปราชรูปงามมีรับสั่งเช่นนี้แสดงว่าสายข่าวที่แทรกซึมไปทั่วหล้าได้กรองข่าวมาแล้วเป็นอย่างดี ร่างสูงขององครักษ์หนุ่มทรุดลงนั่งคุกเข่าตรงพระพักตร์อย่างรวดเร็ว
“ถ้าเช่นนั้นรับสั่งมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ต้องการให้กระหม่อมลงมืออย่างไรบ้าง”หรงเฉินขันอาสาทันที
ใบหน้างามดั่งรูปสลักยกยิ้มตรงมุมปากพร้อมวางถ้วยชาลง บนโต๊ะเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรคนสนิท
“ข้าจะทำให้ต้าเหลียงและต้าซางล่วงรู้ว่า ผลของการคิดโค่นล้มข้าเพื่อหวังครอบครองหยวนเป่ยจะได้ผลตอบแทนอย่างไรกลับไป องค์หญิงจากสองแคว้นที่ถูกส่งมานั้น ผู้ใดที่คาดว่าจะมาถึงวังหลวงก่อนให้จัดการฆ่าทิ้ง! ทำให้แนบเนียนเหมือนว่านางตายเอง ผู้ที่ถึงวังหลวงภายหลังผู้นั้นจะถูกส่งตัวมาหาข้าที่นี่!”
รับสั่งของอุปราชหนุ่มทำให้หรงเฉินที่กำลังตั้งใจฟังเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์หล่อเหลาตรงหน้าทันที
“อะไรนะ! พระองค์จะทรงนำมาที่นี่! จะเป็นการดีอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”หรงเฉินกราบทูลกลับไป
“ดีหรือไม่ต่อไปเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง! ข้าจะทำให้นางมีสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย การที่นางมาที่นี่แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาของข้าแต่ก็เพียงในนามเท่านั้น”รับสั่งเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก ก่อนจะยื่นหยกทรงกลมสีขาวให้กับหรงเฉินพร้อมมีรับสั่งกำชับ
“จงนำหยกขาวนี้ไปยังบ้านที่ตั้งอยู่หลังเขาหลงเมิ่ง มีคนผู้หนึ่งอยู่ที่นั่นเจ้าจงไปรับของบางอย่างเพื่อนำไปใช้กับองค์หญิงที่จะถูกนำมาหาข้าที่นี่ วิธีการใช้ผู้ที่พำนักอยู่หลังเขาจะอธิบายให้เจ้าฟัง ข้าจะส่งอินทรีสื่อสารไปให้คนผู้นั้นล่วงรู้ก่อนที่เจ้าจะไปพบ แล้วจงจัดเตรียมสินสอดของข้ามอบให้กับผู้ที่จะมาเป็นพระชายาให้อย่างสมเกียรติด้วย”
รับสั่งของอุปราชรูปงามทำให้หรงเฉินขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เหตุใดพระองค์จำต้องจัดหาสินสอดมอบให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”หรงเฉินทูลถามกลับไป
“ในเมื่ออีกฝ่ายวางแผนหญิงงามล่มเมืองเช่นนี้ ข้าก็จะลงเล่นแก้เหงาสักหน่อย อยู่ว่างๆ มานานสามปีแล้ว ห่างเหินการวางแผนมานาน เกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้ข้ามีอะไรทำขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน ข้าจะทำให้แผนของอวิ๋นฉวี่ที่อุตส่าห์ขบคิดแทบตายเป็นไปด้วยดีตามความคิดของหลานข้า! และจะใช้เหตุการณ์ครั้งนี้ ทวงทุกอย่างของข้ากลับคืน!”รับสั่งคำรามลั่นอยู่ในลำคอ
“เช่นนั้นก็หมายความว่าพระองค์....”หรงเฉินกล่าวออกมาเพียงแค่นั้นก็เงียบงันไม่ต้องพูดต่อไปก็ล่วงรู้จนหมดสิ้น
“ถึงเวลาที่หยวนเป่ยต้องผลัดเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ได้แล้ว! ข้าไม่เคยผิดสัญญาตามที่เคยรับปากไว้กับฮองไทเฮาแต่อย่างใดยินดีและเต็มใจที่จะเฝ้าดูแลหยวนเป่ยและอวิ๋นฉวี่อย่างเงียบๆ แต่เพราะหลานข้ากลับเป็นฝ่ายฉีกสัญญาใจที่เคยรับปากไว้กับฮองไทเฮาก่อน เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาสัตย์สัญญาที่เคยให้ไว้เช่นกัน”รับสั่งสุรเสียงเบาแฝงเร้นความผิดหวัง
ภาพเหตุการณ์ในอดีตหวนคืนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง ในวันที่ฮองไทเฮาส่งพระราชสาสน์กลับมาหาอินอวิ๋นหยางอีกเป็นครั้งที่สองโดยเนื้อความในสาสน์ดังกล่าว ขอร้องพระองค์ให้ดูแลอินอวิ๋นฉวี่อยู่รอดปลอดภัยต่อไป
และทรงขอคำมั่นจากอุปราชหนุ่มให้รักษาราชบัลลังก์นี้ตกอยู่กับสายสกุลอินเท่านั้น และถ้าวันใดอวิ๋นฉวี่สมคบกับศัตรูเพื่อหวังกำจัดผู้รักษาราชบัลลังก์หยวนเป่ย ให้อินอวิ๋นหยาง ทำทุกอย่างเพื่อรักษาบัลลังก์นี้ให้อยู่รอดปลอดภัยสืบต่อไปให้ได้
และเพราะด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้อุปราชหนุ่ม ยินยอมที่จะลงนามในคำสัตย์ปฏิญาณพร้อมกรีดเลือดสาบานส่งกลับไปถวายฮองไทเฮา ซึ่งทันทีที่พระนางได้อ่านพระราชสาสน์จากอินอวิ๋นหยางที่ส่งกลับมาดังกล่าว
จึงทำให้พระนางจากไปอย่างสงบและหมดห่วงเพราะเชื่อมั่นว่าตราบใดที่อุปราชหนุ่มผู้นี้ยังคงอยู่ บัลลังก์ของหยวนเป่ยจะยังคงอยู่รอดปลอดภัยสืบต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้อินอวิ๋นฉวี่เป็นฝ่ายผิดสัญญาเข้าให้เสียเอง
“ดูท่าฉวี่เอ๋อในเวลานี้ไม่แตกต่างไปจากพระเชษฐาของข้าเสียแล้ว อวิ๋นโฉท่านช่างถ่ายทอดสายเลือดความเกลียดชังที่มีต่อข้าไปถึงโอรสของตัวเองได้ถอดแบบกันมาเลยทีเดียว ราวกับว่าเป็นคนเดียวกันไม่มีผิด แต่ก็ดีในเมื่อไม่เคยมีผู้ใดคิดเห็นว่าข้าก็เป็นสายเลือดของเสด็จพ่อเช่นเดียวกัน อีกทั้งหลานชายของข้ากล้ามีความคิดเช่นนี้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเอาไว้ดูเล่นอีกต่อไป”อุปราชรูปงามรำพึงอยู่ภายในใจพร้อมมีรับสั่งออกมา
“ข้าจะไม่ให้มันผู้ใดที่คิดจะทำลายข้าและหยวนเป่ยมีชีวิตรอดกลับไปสักคน! แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นหลานของข้า ที่มีสายเลือดเดียวกันก็ตาม! ข้าจะให้ต้าซางและต้าเหลียงพังพินาศและล่มแคว้นสิ้นชื่อหายไปจากบันทึกของชนรุ่นหลัง และนางผู้ที่จะก้าวเข้ามาเป็นพระชายาของข้า จะมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย มาที่นี่ได้แต่ออกไม่ได้จะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตายคาจวน!!!!”สุรเสียงรับสั่งเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวและอำมหิตอย่างยิ่งยวด
พระเนตรสีน้ำตาลคู่โศกของบุรุษผู้ลือนาม อุปราชหน้าหยกรูปงามลือเลื่องสำหรับผู้ที่ไม่ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง ทว่าในความเป็นจริงแล้วอำมหิตและโหดเหี้ยมเหลือจะกล่าว
เพราะนับตั้งแต่จำความได้ต้องใช้ปัญญาของตัวเองทุกวิถีทางเพื่อดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ไม่เคยไว้วางใจผู้ใด ไร้รักและเย็นชาเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งบนเทือกเขาภูหิมะ สมดั่งชื่อฉายานามอันเลื่องลือ อุปราชอำมหิต
วิธีการดังกล่าวเป็นหนึ่งในขั้นตอนการทรมานอย่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็นยิ่งนักของอุปราชหน้าหยกที่ไม่เหมือนผู้ใดและไม่มีผู้ใดเหมือนกับพระองค์ ที่สามารถคิดแผนการทรมานศัตรูอีกฝ่ายได้อย่างพรั่นพรึง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นสตรี หรือเด็กไม่เว้นแม้กระทั่งคนชรา อินอวิ๋นหยางผู้นี้ก็ไม่เคยที่จะละเว้นผู้ใด คำตอบของทุกคนที่ได้รับคือ ตายสถานเดียวเท่านั้น!!!
และชะตากรรมอันโหดร้ายกำลังคืบคลานเข้าไปใกล้ว่าที่พระชายาที่ถูกส่งมาจากสองแคว้นซึ่งจับมือทำสัญญาต่อกัน หวังที่จะกำจัดอุปราชลือชื่อผู้นี้ให้จงได้ เพื่อหวังเข้าครอบครองหยวนเป่ยอันมั่งคั่ง และกองทัพที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งเป็นยิ่งนักเหนือกว่าทุกแคว้นในขณะนั้น
ชะตาชีวิตขององค์หญิงพระองค์ใดจะรันทดมากกว่ากัน ระหว่างถูกฆ่าทิ้ง! ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานหรือตกอยู่ในสภาพอยู่ไม่สู้ตายจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่เคยมีผู้ใดรอดพ้นเงื้อมมือของอุปราชผู้นี้ไปได้ ไม่เคยมีเลยแม้แต่เพียงผู้เดียว!