บทที่12 มาให้พ่อแม่ส่งตัวเข้าหอที่เมืองบังบด

4339 คำ
จักราพาเมริกาเดินลัดเลาะและใช้พระเวทย์ร่นระยะทางทำให้มาถึงหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำด้านหลังเป็นภูเขาสูง เมื่อไปถึงหมู่บ้านเมริกาสังเกตุว่ามีบ้านเรือนที่พักอาศัยเหมือนและคล้ายคลึงกับบ้านเมืองของตัวเองที่ตำบลชัยบุรี จะต่างกันก็ตรงที่บ้านเรือนที่นี่สร้างแบบเรียบง่ายกว่าและสร้างติดๆกันไม่ห่างกันมากนัก  "เรามาถึงหมู่บ้านที่ปากแม่น้ำสีหมุขแล้วหรือคะ" เมริกาถามจักรา "ใช่ พี่พาเจ้ามาถึงหมู่บ้านแล้ว พร้อมจะไปเจอพ่อแม่ของผัวเจ้าแล้วหรือยัง"จักราถามยิ้มๆ "บ้าจริงพูดจาอะไรคะท่านจ้าว ฉันยังไม่ได้ยินยอมตกลงเป็นเมียท่านจ้าวเลยนะ" เมริกาพูดเถียงจักรา  "อ้าวก็เป็นไปตั้งนานแล้วนะ ยังไม่ยินยอมอีกหรือ" จักราถามและส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มให้เมริกา "ไม่ได้ยินยอมฉันเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะท่านจ้าว พาตัวฉันมาท่านจ้าวขอกับพ่อแม่ฉันแล้วยังคะ" เมริกาพูดเหน็บอย่างน้อยใจที่จักราทำกับตนเองแบบนี้ "แล้วพี่ต้องทำอย่างไร ต้องไปขอกับพ่อแม่เจ้าหรือ" จักราถาม "ไปขออะไรกันเล่าก็ท่านจ้าวพาฉันมาถึงไหนต่อไหนแล้ว ท่านจ้าวต้องพาฉันไปส่งต่างหาก แม่กับพ่อของฉันคงรอฉันกลับบ้านแย่แล้ว" เมริกาพูดเสียงเศร้าคิดถึงพ่อกับแม่ของตัวเอง  "แต่เจ้าเคยเป็นของพี่มาก่อน ก่อนที่พ่อแม่เจ้าจะขอเจ้าไปต่างหาก แล้วมันผิดตรงไหนถ้าพี่จะเอาเจ้าคืนกลับมาเป็นของพี่" จักราถามเมริกาทำให้เมริกาไม่พอใจและยิ่งอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าตัวเองเป็นใคร มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับท่านจ้าวจักราอย่างไรมาก่อน "ท่านจ้าวชอบพูดว่าฉันเป็นของคุณ แต่ฉันจำไม่ได้ ฉันจำได้แค่ว่าฉันเป็นลูกของพ่อแม่ แม่ผกาและพ่อสิงห์ของฉันเขาเลี้ยงฉันมาจนโตแล้วคุณก็มาปล้นความสาวของฉันไป ในเมื่อฉันจำไม่ได้คุณก็ช่วยเล่าให้ฉันฟังสิคะ เล่าว่าเรื่องนี้มันคืออะไร ตอนนี้ฉันฝันไปหรือฉันตายแล้ว" เมริกาพูดอย่างไม่ชอบใจและอึดอัดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง "เจ้ายังไม่ตายและเจ้าก็ไม่ได้ฝันไปด้วยพี่แค่ไปพาเจ้ามา แล้วข้ามมาอีกมิติหนึ่งเท่านั้น จริงๆแล้วเจ้าเคยอยู่ในมิตินี้ ส่วนพี่นั้นเดิมเคยอยู่วิมานชั้นสูงสุดของสวรรค์ชั้นจาตุมาราชิกาแต่ว่าพี่กับเจ้านั้น......" จักรากำลังจะเล่าต่อแต่บังเอิญมีกลุ่มเด็กชายหญิงวิ่งมายังจุดที่จักรากำลังยืนคุยกับเมริกาอยู่พร้อมกับส่งเสียงเรียกมาแต่ไกลว่า "ท่านจ้าว เจ้าข้า พ่อใหญ่ให้พวกเรามาตามเจ้าข้า" เด็กผู้ชายตัวน้อยน่าตาน่ารักร้องบอกจักรา "ข้ารู้แล้ว กำลังจะเข้าไปข้างในหมู่บ้าน พวกเจ้าไปวิ่งเล่นกันเถอะ" จักราบอกเหล่าเด็กๆ "เจ้าข้า ไปเล่นกันเถอะพวกเรา" เด็กชายตัวน้อยรับคำและพากันวิ่งเล่นไปกับกลุ่มเพื่อนอีกสามสี่คนมุ่งหน้าไปทางเชิงเขา พอพ้นสายตาไปเด็กน้อยทั้งห้าคนก็กลับกลายเป็นลูกเสือ วิ่งเกลือกกลิ้งกันไปอย่างสนุกสนานไปในทุ่งหญ้าริมเชิงเขา เมื่อเมริกาเห็นเช่นนั้นก็รีบกระโดดเกาะแขนจักราแล้วพูดด้วยความตกใจว่า "ท่านจ้าว เด็กพวกนั้น เด็กพวกนั้นกลายเป็นลูกเสือฉันกลัว" เมริกาพูดด้วยความตกใจและรีบเดินมาเกาะแขนจักราไว้ "ก็ที่นี่เป็นดินแดนของเสือและราชสีห์ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าผัวเจ้าก็เป็นเสือ เจ้าจะกลัวไปไย ไม่ต้องกลัวไปหรอกที่นี่เป็นดินแดนของมนุษย์กายสิทธิ์ เขาเรียกกันว่าเมืองบังบด" จักราพูดเตือนสติและปลอบขวัญเมริกาในแบบของตัวเอง "แล้วเสือที่นี่กินคนไหมคะ" เมริกาถามด้วยความกลัว "กิน แต่มีเสือแค่ตัวเดียวที่กินเจ้าได้นั่นก็คือพี่ ผัวของเจ้าอย่างไรเล่า ไปกันได้แล้วให้พ่อผัวแม่ผัวรอนานแล้วนะ พี่ให้คนไปแจ้งพ่อไว้ว่าจะพาลูกสะใภ้มาหาที่นี่แม่ของพี่คงดีใจที่ได้เจอกับเจ้า" "ไอ้เสือบ้า! เจ้าเล่ห์ คิดอยู่เรื่องเดียวเลย...." เมริกาบ่นอุบอิบกับตัวเองไม่ให้จักราได้ยิน "พี่มีหูทิพย์ อย่าว่าแต่กระซิบเลยเจ้าคิดอะไรอยู่ในใจพี่ก็ล่วงรู้ แล้วไอ้เสือบ้าที่เจ้าว่าก็คือผัวของเจ้านะ เจ้าก็คิดถูกแล้วแหละเพราะพี่ก็คิดเรื่องเดียวกับที่เจ้าพูดอยู่ ตั้งใจไว้ว่าวันนี้จะพาเจ้ามากินที่เมืองบังบดแห่งนี้" จักราพูดขึ้นเมื่อได้ยินที่เมริกาบ่นเบาๆ "ท่านจ้าวจักรา......" เมริกากระทืบเท้าเบาๆ ด้วยความขัดใจที่จักราคิดจะเอาเปรียบตัวเองอยู่ตลอดเวลา และออกเดินนำหน้าจักราเข้าหมู่บ้านไป "อ้าวแล้วนั่นเดินนำหน้าพี่ไป เจ้าไปถูกหรือรู้หรือว่าบ้านพ่อกับแม่พี่หลังไหน" จักรายิ้มและเดินตามเมริกาไป ในใจก็คิดไปว่าไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันปีที่เมริกาจากเขาไปจุติ นางก็ยังเป็นทิพย์มณฑาคนเดิมของเขา ยามเมื่อแง่งอนไม่ได้ดังใจทิพย์มณฑาจะกระทืบเท้าเป็นเด็กๆ แสดงถึงความขัดเคืองใจแบบนี้เสมอ เมื่อจักราและเมริกาเดินมาถึงชานเรือนพ่อแม่ของจักราก็ออกมาต้อนรับลูกชายของตัวเอง แต่เมริกาเห็นว่ามันแปลกตรงที่แม่ของจักรานำน้ำมาล้างเท้าให้ลูกชายและเอาน้ำนั้นไปรดที่โคนต้นไม้และเรียกลูกชายของตัวเองว่าท่านจ้าว "ล้างเท้าเสียก่อนนะเจ้าคะท่านจ้าว แม่เตรียมไว้ให้แล้ว" แม่เพ็งแม่ของท่านจ้าวพูดกับลูกชาย ท่านจ้าวจึงเอาเท้าลงไปจุ่มในภาชนะที่เตรียมไว้ "แม่เพ็งอยู่สุขสบายดีหรือไม่ ลูกมีกิจและภาระงานต้องสอดส่องดูแลเยอะมาก เดี๋ยวนี้คนชั่วมีเยอะมากขึ้นพวกละโมบโลภมากก็มีเยอะ มนุษย์นับวันจะยิ่งเสื่อมทรามลักลอบเข้ามาตัดไม้และฆ่าสัตว์คดโกงอยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง ลูกจึงมีภาระหน้าที่ต้องทำมากขึ้น" จักราพูดกับแม่เพ็ง "แม่สบายดีเจ้าค่ะท่านจ้าว" นางเพ็งบอกลูกชาย "ท่านพ่อเล่า สบายดีใช่หรือไม่" จักราถามผู้เป็นพ่อบ้าง "พ่อสบายดี ว่าแต่ท่านเจ้าเถิดไปพานางผู้นี้มาจากที่ใด พ่อได้กลิ่นความเป็นมนุษย์ของนาง นางเป็นเช่นเดียวกับแม่ของเจ้าหรือ" ท่านศารกูลพ่อของท่านจ้าวถามและปรายตาไปมองเมริกาและส่งยิ้มให้อย่างมีมิตรไมตรี "นางชื่อเมริกาเป็นเมียของลูก นางเป็นมนุษย์ลูกเป็นผู้ไปพานางเข้ามาที่นี่เองท่านพ่อ เมย์ไหว้ท่านพ่อท่านแม่ของพี่เสียสิ" จักราตอบผู้เป็นพ่อและหันไปสั่งเมียของตัวเอง เมริกาจึงยกมือไหว้พ่อแม่ของจักรา "สวัสดีค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่ เมย์เรียกท่านทั้งสองว่าท่านพ่อท่านแม่ตามท่านจ้าวได้ใช่ไหมคะ" เมริกาไหว้พร้อมกับถามถึงความเหมาะสมในการเรียกชื่อ "ได้สิลูก" แม่เพ็งแม่ของท่านจ้าวพูดขึ้นและยิ้มให้อย่างใจดี "นางสวยน่ารักเหมาะกับท่านจ้าว พ่อเคยอยากให้ท่านจ้าวมีคู่แต่ท่านจ้าวบอกพ่อว่า มีคนรักแล้วและท่านจ้าวรอคอยนางอยู่ นางใช่คนเดียวกันกับนางที่ท่านจ้าวรอคอยหรือไม่" ศารกูลถามลูกชาย "ใช่ท่านพ่อนางคือทิพย์มณฑาเมียของลูกเมื่อครั้งที่ลูกยังเป็นเทพอินทรชิต เมื่อต้องอาญาลูกมาจุติเป็นลูกของท่านพ่อท่านแม่เพื่อทำหน้าที่สำคัญ ลูกจึงยังไม่โดนลบความทรงจำมันเป็นคำสาปที่ทำให้ลูกไม่ลืมและทุกข์ทรมานเพราะความคิดถึงนาง แต่ทิพย์มณฑาไปเกิดเป็นมนุษย์หลายภพหลายชาติแล้วนางลืมลูกไปหมดสิ้นแล้ว" จักราบอกพ่อของตัวเอง "แม่หนูคนนี้คือนางฟ้าทิพย์มณฑาหรือ แล้วท่านจ้าวไปพานางมากี่วันในมิตินี้แล้วแม่กลัวว่านางจะไม่สามารถกลับออกไปได้อีก กลัวจะเป็นเช่นเดียวกันกับแม่เวลาในมิตินี้กับเมืองมนุษย์มันห่างกันมากนะท่านจ้าว" แม่เพ็งพูดขึ้นด้วยความกังวลใจแทนเมริกา "พ่อก็กังวลนะท่านจ้าวดูอย่างแม่ของเจ้าสิ เป็นลูกหลานเจ้าเมืองมีชื่อ บ้านเมืองเกิดสงครามในยุคนั้นหนีข้าศึกหลงเข้ามาในมิตินี้มาเจอกับพ่อ แล้วก็ไม่ได้ออกไปอีกเลย" ศารกูลเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งก่อน "ก็ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ใดพอมาพบกับท่านข้าคิดว่าท่านเป็นชาวบ้านทั่วไป ข้าแต่งงานอยู่กับท่านมาจนตั้งท้องท่านจ้าวถึงได้รู้ว่าตัวเองมาอยู่อีกมิติหนึ่ง หลงเข้ามาในเมืองบังบดเสียแล้ว มาอยู่ครบ1ปีจนคลอดลูก แล้วข้าก็กลับออกไปยังบ้านเมืองที่ข้าจากมาไม่ได้แล้ว ข้าอยู่ที่นี่หนึ่งปีแต่ข้างนอกนั้นถ้านับเวลาข้าหายมา 30 ปีแล้ว พอข้าคลอดลูกแล้วข้าก็ต้องเลี้ยงดูท่านจ้าวให้โตก่อน ถึงตอนท่านจ้าวเติบโตข้าคิดจะกลับออกไปพ่อแม่ของข้าก็ไม่อยู่แล้ว ข้าจะกลับไปหาผู้ใดได้" แม่เพ็งพูดเล่าเรื่องราวของตัวเอง "เดี๋ยวนะคะเมื่อกี้ท่านแม่บอกเมย์ว่า 1 ปีที่นี่เท่ากับ 30ปีข้างนอก ถ้าอย่างนั้นการที่หนูหายมาสองวันกว่านี่คือหนูหายเข้าป่ามาจะสามเดือนแล้วหรือคะ แล้วป่านนี้แม่ของเมย์ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง" เมริกาถามด้วยความตกใจ "ใช่แล้วลูกเจ้าหายมาจะสามเดือนแล้ว แต่แม่ว่าวันนี้เจ้ามาถึงกันเหนื่อยๆ อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย เจ้ากับท่านจ้าวพักผ่อนกันให้สบายเนื้อสบายตัวเสียก่อนเถิด ไว้ค่อยคิดอ่านกันต่อเรื่องที่จะตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อหรือจะกลับออกไป" แม่เพ็งพูดให้สติและกำลังใจลูกสะใภ้ไม่ให้วิตกกังวลใจมาก "ท่านแม่ ท่านพ่อศารกูลคะเมย์อยากกลับบ้าน ช่วยบอกท่านจ้าวให้เมย์หน่อยสิคะเมย์เป็นห่วงแม่กับพ่อ พวกท่านมีเมย์เป็นลูกคนเดียวไม่รู้ว่าแม่ของเมย์กับพ่อของเมย์จะทุกข์ถึงเพียงใดเรื่องที่เมย์หายมา" เมริกาอ้อนวอนขอให้พ่อแม่ของจักราช่วยพูดกับจักราให้พาตนไปส่งบ้าน "เจ้าหยุดพูดได้แล้วเมริกา เจ้าเป็นเมียพี่แล้วเมียก็ต้องอยู่กับผัวเราจะไม่พูดเรื่องพาเจ้าไปอีก" จักราพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจ  "ท่านจ้าว" เมริกาพูดเสียงกระเง้ากระงอด   "เจ้าไม่ต้องพูดสิ่งใดอีก ท่านแม่เมย์บอกกับข้าว่าที่บ้านเมืองของนางถ้าผู้ชายจะเอาผู้หญิงมาเป็นเมียเขาต้องไปสู่ขอกับพ่อแม่ของนางก่อน ในยุคสมัยของท่านแม่เขาต้องสู่ขอกันด้วยใช่หรือไม่เจ้าข้า" จักราปรามไม่ให้เมียพูดและหันไปถามแม่ของตัวเอง "เมื่อหลายร้อยปีก่อนแม่เป็นลูกสาวของเจ้าเมืองสิงหนคร ตอนนั้นเจ้าเมืองชัยบุรีมาสู่ขอแม่ไปเป็นพระสนมแต่แม่ไม่ยินยอมจึงได้ทำสงครามกันขึ้น บ้านเมืองของแม่โดนข้าศึกจอมตีจนแตกพ่าย แม่ต้องหนีสงครามแล้วหลงเข้ามาเจอกับท่านพี่ศารกูลพ่อของเจ้า เป็นดังที่แม่หนูเมย์พูดเจ้าข้าท่านจ้าวที่บ้านเมืองของนางและของแม่เรามีพิธีการสู่ขอลูกสาวเขามาเป็นเมียหรือชายา เราต้องไปสู่ขอกับพ่อแม่ของนางจริงๆ มีการจัดพิธีแต่งงาน มีพิธีการมากมายรวมถึงพิธีการส่งตัวเข้าหอและรับขวัญลูกสะใภ้" แม่เพ็งพูดเล่าเรื่องอดีตให้ฟัง "เป็นเยี่ยงนั้นหรือท่านแม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านแม่ช่วยข้าเรื่องหนึ่งจะได้ไหม ข้าอยากให้คืนนี้เป็นคืนแต่งงานของข้ากับเมย์ ท่านแม่กับท่านพ่อช่วยเป็นธุระเป็นผู้ใหญ่ทำพิธีแต่งงานและส่งตัวเข้าหอให้ข้ากับเมียของข้าได้หรือไม่" จ้าวจักราพูดขึ้น "ท่านจ้าวจะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณฉันไม่แต่งงานกับคุณนะคะ" เมริกาโวยวายทันที "จะไม่ตกลงได้อย่างไร ก็เจ้าเป็นเมียของพี่แล้ว แค่คืนนี้พี่พยายามทำตามใจเจ้าให้แม่ของพี่ทำพิธีรับขวัญเจ้าและส่งตัวเข้าหอตามประเพณีอย่างที่เจ้าพูดถึงก็เท่านั้น เลือกเอาแล้วกันจะเป็นเมียแบบใดจะให้พ่อแม่พี่ทำพิธีหรือไม่เพราะต่อให้ไม่มีพิธีใดๆเจ้าก็เป็นเมียพี่อยู่ดี" จ้าวจักราพูดน้ำเสียงเอาแต่ใจ  "ท่านจ้าว" เมริกาขึ้นเสียงไม่พอใจบ้าง "เอาละๆแม่หนู พ่อว่าที่ท่านจ้าวพูดก็มีเหตุมีผลนะ ให้แม่ของท่านจ้าวเขาได้ทำในสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำได้ต้อนรับลูกสะใภ้ตามประเพณีที่เขาว่าเถิด อย่างไรเสียแม่หนูก็เป็นเมียท่านจ้าวแล้ว" ศารกูลพ่อของจักราพูดสรุปสนับสนุนความคิดของจักรา "แต่เมย์" เมริกาจะพูดแต่พอหันไปสบตาของจักรา เห็นดวงตาสีทองคมดุคู่นั้นจึงยอมอ่อนลง "ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องมองฉันด้วยสายตาดุแบบนี้ก็ได้ จะทำอะไรกับฉันก็แล้วแต่ท่านจ้าวเถอะ" เมริกาพูดอย่างยอมจำนน "ถ้าเป็นเยี่ยงนั้น แม่คงต้องข้ามขั้นตอนงานเลี้ยงฉลองงานมงคล เพราะเมืองบังบดเราจะไม่จัดงานรื่นเริง เราจะมีการประโคมมโหรีในวันเพ็ญซึ่งเป็นวันพระใหญ่เท่านั้น แม่จะขอรับขวัญเจ้าด้วยธำรงวงนี้มันเป็นสมบัติที่ติดตัวแม่มาจากบ้านเมืองของแม่ แม่ให้ท่านจ้าวสวมให้แม่หนูเมย์และนับว่าแม่หนูเมย์เป็นลูกสาว เป็นลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่แล้วนะลูก" แม่เพ็งพูดและถอดแหวนที่นิ้วชี้ส่งให้จักราสวมให้เมริกา แหวนวงนี้เป็นแหวนทับทิมล้อมเพชรเป็นสมบัติของมีค่าที่ช่างทองชาวสิงหลได้ทำขึ้น แม่เพ็งหรือเจ้าจันทราวดีนางได้ใส่ติดนิ้วของนางมานานแล้ว จ้าวจักรารับแหวนวงนั้นมาจากแม่แล้วหันไปพูดกับเมริกาว่า "ยื่นมือของเจ้ามาให้พี่สิเมริกา สวมแหวนแล้วจะได้ให้แม่ส่งตัวเข้าหอ" จ้าวจักราสั่ง เมริกา เมริกาจึงยื่นมือให้จักรา เมื่อสวมแหวนเสร็จศารกูลพ่อของจักราก็พูดขึ้น "สวมแหวนเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่ท่านจ้าวรอคอย ส่งตัวเข้าหอกันเลยนะลูก"ศารกูลพูดยิ้มๆ "ขอรับท่านพ่อ" จักรารับคำยิ้มๆ "ถ้าเยี่ยงนั้น แม่กับพ่อจะเข้าไปทำพิธีปูผ้าที่นอนให้และส่งแม่หนูเมย์เข้าหอให้ท่านจ้าวเลยก็เป็นอันเสร็จพิธีแต่งงานนะลูก วันพรุ่งแม่จะนิมนต์พระมาลัยมาให้ศีลให้พร ท่านจะเดินทางมาเทศน์โปรดสัตว์และเทวดาทั้งหลายทุกวันพระใหญ่อยู่แล้ว" เจ้าจันทราวดีพูดขึ้นจักราและเมริกาจึงก้มลงกราบพ่อแม่ทั้งสอง "ลูกกราบท่านพ่อท่านแม่ทั้งสอง" จักราและเมริกาก้มลงกราบศารกูลและเจ้าจันทราวดี เมื่อเสร็จสิ้นพิธีส่งตัว จ้าวจักราก็เรียกเมริกาที่นั่งนิ่งๆอยู่หน้าเตียงนอน อย่างคนที่กำลังใช้ความคิดให้มานอน "เมริกาเจ้าหยุดคิดได้แล้วเสียงดังพี่รำคาญแล้วนะ มานอนใกล้ๆพี่นี่มา" จ้าวจักราเรียกเมียของตนเองและใช้ฝ่ามือตบลงบนเตียงเบาๆ "นี่ท่านจ้าวแอบฟังความคิดของเมย์อีกแล้วหรือค" เมริกาถามด้วยความตกใจก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงก็ตนกำลังคิดอยู่ว่าทำยังไงถึงจะได้กลับบ้านไปหาแม่ จะคิดหนีจ้าวจักรายังไงดี "พี่มิได้แอบฟัง มันได้ยินเอง" จักราบอกเมริกา "ไม่ต้องคิดหาทางเอาตัวรอดด้วย อย่างไรเสียเจ้าก็โดนพี่กินแน่ มาทำหน้าที่ของเจ้าเสียดีๆ ถ้าไม่ดื้อ เอาใจพี่ดีๆ ไม่แน่นะพี่อาจจะพาเจ้าออกไปเยี่ยมแม่กับพ่อของเจ้าก็ได้" จักราพูดจี้จุดความต้องการของเมียเพราะอยากให้เมียทำตามใจตัวเองตามประสาคนเจ้าเล่ห์ "จริงนะคะ พี่จักรไม่หลอกเมย์ใช่ไหมคะ" เมริการีบผวาไปที่เตียงและรีบเปลี่ยนสรรพนามจากท่านจ้าวเป็นพี่จักร ถือเป็นการเอาใจขั้นที่หนึ่ง เมริกาคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นเมียไปแล้วเสียตัวให้เขาไปแล้ว ถ้าต้องเสียตัวอีกคราวนี้ก็ต้องได้ประโยชน์ "จริงหรือไม่ก็ต้องมาดูกันก่อนว่าขั้นที่สองของเจ้าจะทำถูกใจพี่เหมือนขั้นที่หนึ่งที่ยอมเรียกพี่ว่าพี่หรือไม่" จักราพูดยิ้มๆอย่างรู้ทันความเจ้าเล่ห์ของเมริกา จ้าวจักรานั่นชอบใจในความฉลาดและการเอาตัวรอดของเมีย แต่เมียเขาจะมาเจ้าเล่ห์และฉลาดกว่าเขาไปไม่ได้หรอกจักราคิดในใจ เมื่อจักราพูดเช่นนั้นเมริกาจึงข่มความอาย ค่อยๆแกะกระดุมเสื้อผ้าฝ้ายออกทีละเม็ด ๆ เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบอิ่ม สร้างความพึงพอใจให้แก่จักราจนต้องเผลอยิ้มออกมาด้วยความพอใจกับกิริยาอันแสนน่ารักของนางยั่วไร้เดียงสาตรงหน้าของตัวเอง "เจ้ายั่วพี่เองนะ แล้วอย่าหาว่าพี่ใจร้ายกับเจ้านะ" จักราค่อยๆดึงร่างของเมียให้ล้มลงไปบนฟูกนอน "เมย์ยั่วพี่จักรเองก็ได้ แต่พี่จักรอย่าทำเมย์เจ็บนะ ที่นี่มันไม่มีบ่อน้ำเหมือนในถ้ำนะคะ" เมริกาต่อรองเสียงแผ่วเรียกเสียงหัวเราะจากจักราออกมา "เจ้านี่เหมือนเด็ก มีผัวแล้วยังจะกลัวเจ็บอีกหรือพี่ไม่ทำเจ้าเจ็บหรอกแต่จะทำให้เจ้านั้นมีสุข" จักราหัวเราะชอบใจและลงมือกอดจูบและจับร่างบางไปไว้ใต้ร่างหนาของตัวเอง เฝ้าวนเวียนดูดดึงสองเต้าสวยของเมียอย่างหลงในความสวยและเผลอกัดดูดดึงแรงจนเมียร้องประท้วงขึ้นว่า "เมย์เจ็บ ไหนพี่จักรบอกว่าจะไม่ทำให้เจ็บไงคะ" เมริกาประท้วงเมื่อจักราดึงดูดหน้าอกสวยของตัวเองแรงด้วยความลืมตัว "พี่ขอโทษ พี่ลืมตัว" จักราพูดและจูบปิดปากคนช่างพูดเสีย พร้อมกับใช้มืออีกข้างปลดอาภรณ์ที่เมริกาสวมใส่อยู่ออกและลงมือรักเมียดังใจปรารถนา "อือ พี่จักร โอ๊ย" เมริกาเผลอรักออกมาเสียงซาบซ่านแผ่วเบาเมื่อจักรานำพาตัวตนเข้าไปสำรวจโจนจ้วงในช่องทางรักคับแคบของเมริกา โยกเบาๆ และค่อยๆแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ "น้องเมย์ เจ้าสวยเหลือเกิน ของเมย์มันแน่นตอดรัดพี่ดีเหลือเกินเมย์" "พี่จักรเมย์เสียว" เมริกาบอกสามีใช้มือเรียวสวยลูบไล้ไปยังจุดประสานและลูบท่อนลำใหญ่โตนั้นเบาๆ เพราะตอนนี้มันกำลังโยกย้ายตอกอัดเป็นจังหวะเข้ามาช่องสวาทของเมริกาอยู่ "พี่ก็กระสันเสียวเหลือเกินเมย์จ๋า ขอพี่รักเจ้าแรงขึ้นกว่าเดิมหน่อยนะ" จักราพูดขออนุญาตแต่ยังไม่ทันฟังคำตอบเขาก็โหมสะโพกโยกเข้าออกในช่องทางสวาทอย่างหนักหน่วงและจับเมียลงนอนคว่ำหน้าลงกับหมอน ออกแรงโยกรักเมียเบาๆและค่อยๆแรงขึ้น ๆ จนสุขสมอารมณ์รัก เมื่อบทรักในคืนเข้าหอสงบลง เมริกาที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของจักราก็เอ่ยทวงสัญญาเบาๆ "พี่จักร เมย์ทำตามใจพี่จักรแล้วนะคะ พรุ่งนี้พี่จักรจะพาเมย์กลับไปหาแม่ใช่ไหมคะ" เมริกาทวงถามสัญญามือเรียวก็ลูบไล้หน้าอกหนัดแน่นของสามีไปมาเบาๆ "เจ้าทำอะไรตอนไหน เจ้าแค่ช่วยพี่ปลดกระดุมเสื้อที่เหลือพี่เป็นผู้ถอดและเป็นคนออกแรงทำเองแต่เพียงผู้เดียวเลยนะ เจ้ายังจะกล้ามาทวงสัญญาอีกหรือ"จักรายิ้มถามและหัวเราะเมียของตัวเอง เสร็จแล้วก็ขยับตัวขึ้นจูบซอกคอขาวเนียนของเมียอย่างแสนรักแสนหลง "แล้วจะให้ฉันทำอย่างไรเล่าคะ ฉันก็ยอมเป็นเมียของคุณแล้ว" เมริกาต่อว่าน้ำเสียงไม่พอใจที่จักรามาพูดแบบนี้พร้อมกับปัดป้องไม่ยอมให้จักราจูบไซ้ซอกคอของตัวเองอีก "เวลาเจ้างอน เจ้าน่ารักน่าใคร่เสียจริง พี่อยากจะรักเจ้าอีกไม่รู้อิ่มเลยรู้หรือไม่" จักรายิ้มและปล้ำจูบปากบางของเมีย "ไม่ต้องมาพูดเลย คุณมันเจ้าเล่ห์ขี้โกง" เมริกาต่อว่าด้วยความไม่พอใจ "ใครกันแน่ที่เจ้าเล่ห์เอารสสวาทมาหลอกล่อผัว ให้ผัวหลงแล้วจะขอให้ผัวพากลับไปส่งบ้าน" จักราต่อว่าเมริกากลับอย่างรู้ทัน "ก็ จ้าวจักราคุณแอบฟังความคิดของฉันอีกแล้วหรือไอ้เสือบ้า" เมริกาโมโหจักราที่รู้ทันตัวเองพูดต่อว่าจักราเสียงดัง "เอาละๆ พี่ไม่แกล้งเจ้าแล้ว มานี่มาขอพี่ชื่นใจหน่อย แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมแม่ของเจ้า" จักราหัวเราะและพูดตัดรำคาญไม่ให้เมริกาโวยวายเสียงดัง "พูดจริงๆใช่ไหมคะ จะพาฉันกลับบ้านจริงๆนะ" เมริกาถามย้ำ "จะพากลับไปเยี่ยม แต่พี่ขอดูก่อนว่าเมียพี่จะน่ารักขนาดไหน" จักราพูด และลงมือทำรักกับเมียอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความน่ารักของเมีย "พี่จักร ไม่เอาแล้วเมย์ยังเจ็บหน่วงอยู่เลยนะ ที่นี่ไม่มีบ่อน้ำทิพย์ด้วยเมย์จะช้ำเป็นรอยแน่ๆ" "ถ้าดื้อก็ไม่ต้องไปเยี่ยมแม่ของเจ้านะ เอาอย่างนี้ถ้าเจ้ากลัวพี่ทำแรงเจ้าก็ทำให้พี่เองสิเจ้าจะทำพี่แรงแค่ไหนก็ได้นะพี่ไม่ว่า พี่จะไม่ร้องว่าเจ็บด้วยแต่จะร้องเพราะความกระสันเสียวแทน" "ท่านจ้าว! ก็เมย์ทำไม่เป็นต้องทำอย่างไรเล่า" เมริกาพูดเสียงดัง แต่ด้วยความที่อยากกลับบ้านจึงยอมพูดเสียงอ่อนลงและยอมรับไปตามตรงว่าตนนั้นทำรักให้จักราไม่เป็น ทำให้จักราหัวเราะชอบใจในความไร้เดียงสาของเมีย "ทำไม่เป็นพี่ก็จะสอนให้ ถ้าเจ้าทำเป็นพี่คงอกแตกตายไม่เป็นแบบนี้พี่สบายใจมากกว่า แต่พี่รับรองนะว่าเจ้าจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ เอาผ้าแถบออกไปจากอกสวยของเจ้าก่อนสิ แล้วเจ้าก็ช่วยป้อนให้พี่ได้ลิ้มรสทับทิมสีสวยของเจ้าหน่อย" จักราสั่งเมียของตัวเอง เมริกาจึงดึงผ้าแถบออกและนำพาบัวตูมสองเต้างามป้อนให้สามีได้ดื่มกิน จักรดูดแม่มและเลียเม็ดทับทิมสีสวยเบาๆ "อุ้ย เมย์เสียวพี่จักร" "กระสันเสียวแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นเจ้าขึ้นมาควบขี่พี่บ้างสิเมย์" จักราพาแก่นกายลำใหญ่ไปจ่อที่ร่องสวาทของเมียโดยให้เมียนั่งควบจากด้านบน "โยกตัวสิเมย์ ทำตามสิ่งที่ใจและความปราถนาของเจ้าอยากทำ" จักราสั่งเมียของตัวเองมือหนาก็ทำหน้าที่บิดบี้ติงเสียวให้เมียของตัวเองด้วย เมริกาเสียวจนสติหลุดแทนทีด้วยความต้องการที่สามีพยายามจุดให้ติดขึ้นจนสำเร็จ "อ้าย อือ เสียว พี่จักร" เมริกาโยกตัวควบขี่อยู่ด้านบนกายหนาของจักรา จุดเชื่อมประสานมีแท่งเนื้อร้อนท่อนใหญ่ของจักรากำลังผลุบเข้าผลุบออกตามจังหวะแรงโยกและแรงส่งของทั้งสองคน "อ้าย พี่จักรขา เมย์เสียว" "พี่ก็กระสันเสียวเหลือเกิน เมย์ปลดปล่อยมันออกมาเถอะพี่จะได้ปล่อยความรักของพี่เข้าไปในกายของเจ้าบ้าง" จักราสั่งเมีย เมื่อเมริกาเสร็จสมแล้วจักราจึงเปลี่ยนท่ารักให้เมริกานอนตะแคงและส่งท่อนเนื้อร้อนเข้าไปทำรักและปลดปล่อยความสุขออกมาทุกหยาดหยด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม