บทที่ 9 จ่ายก่อนค่อยด่า

3340 คำ
หลายวันต่อมา ร้านของไป๋เหมยเหม่ยก็ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย ยามนี้เป็นช่วงที่นางกำลังจัดแต่งร้านให้ดูงดงาม นางใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลที่มีอยู่ประดับตกแต่งไปทั่วทั้งร้าน ร้านค้าของนางเป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ถ้าหากกิจการไปได้ดี นางเองก็ตั้งใจที่จะขยายกิจการเพิ่ม ไป๋เหมยเหม่ยยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตน ก่อนจะยื่นมือไปรับถ้วยชาจากเฉียวเลียนขึ้นมาดื่ม ยามนี้ร้านของนางตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเปิดขายเท่านั้น "คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะตั้งชื่อร้านว่าอย่างไรดีเจ้าคะ" ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองเฉียวเหลียนคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย "หม้อไฟคนงาม" "เอ๋" "ทำไม ข้าไม่อยากตั้งชื่อเหมือนคนอื่น เอาชื่อนี้แหละ ไปๆ เจ้ากับข้าไปเลือกซื้อวัตถุดิบกันเถิด วันนี้พี่ใหญ่ไม่มาด้วย เราคงต้องไปกันสองคนแล้ว" "เจ้าค่ะ" เฉียวเหลียนยิ้มตาหยี นางชื่นชอบคุณหนูที่สมองกระทบกระเทือนเช่นนี้เป็นที่สุด เพราะนางจะไม่ต้องถูกทุบตีเช่นแต่ก่อนอีก ยามนี้คุณหนูของนางอารมณ์ดี ไม่ทุบตีบ่าวไพ่่ บ่าวในเรือนก็เริ่มไม่หวาดกลัวคุณหนูอีกแล้ว เฉียวเหลียนเดินตามไป๋เหมยเหม่ยมาซื้อของที่ตลาดอย่างสนุกสนาน ระหว่างทางไป๋เหมยเหม่ยก็แบ่งขนมให้นางกิน ไม่รู้ว่าเมื่อใดกันที่ความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันมากขึ้น "กลับกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว" "เจ้าค่ะคุณหนู" สองนายบ่าวเดินกลับมาที่รถม้า ก่อนจะจัดแจงเก็บของที่ซื้อมาเข้าไปวางไว้ด้านในรถม้าอย่างมีความสุข แต่ทว่ากลับมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมาเสียก่อน "น้องเหมยเหม่ย ได้ยินว่าเจ้าเป็นหม้ายหย่าสามีแล้ว คงจะหาสามีดีดีได้ยาก ข้ายินดีเป็นสามีใหม่ของเจ้าเอง เจ้าแต่งกับข้าเถิดนะ" ไป๋เหมยเหม่ยที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าพลันหยุดชะงักลง ก่อนจะหันไปมองที่บุรุษผู้นั้น ฉับพลันความทรงจำเดิมของร่างเดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คนผู้นี้คือฟ่านเหลียน เป็นพี่ชายของฟ่านกุ้ยอิง มีนิสัยไม่ได้เรื่องได้ราว วันๆ เอาแต่เมามาย เกี้ยวพาสตรีไปทั่ว ฉุดคร่าภรรยาผู้อื่นก็ทำมาแล้ว คนผู้นี้เคยตามเกี้ยวพาไป๋เหมยเหม่ยและยังเคยคิดจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับนางด้วยในงานโคมไฟปีที่แล้ว โชคดีที่พี่ชายของนางมาเห็นเข้าเสียก่อนจึงยังไม่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนาง ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกไม่ชอบหน้าฟ่านเหลียนขึ้นมาเสียแล้ว นางไม่อยากสนทนากับบุรุษเฮงซวยเช่นนี้ให้เสียเวลา จึงคิดจะหลีกหนีเขาเสีย แต่ทว่าฟ่านเหลียนกลับไร้มรรยาท เขาก้าวเดินเข้ามาหานางและคว้าจับแขนของนางอย่างถือวิวสาสะ "จะรีบไปที่ใดเล่าน้องเหมยเหม่ย" "ปล่อย" "อย่าทำหน้าตาเช่นนั้นสิ อีกไม่นานเราก็จะเป็นสามี..โอ๊ย" "สามีกับผีเจ้าน่ะสิ!!!!" ไป๋เหมยเหม่ยยกเข่าขึ้นกระทุ้งไปที่หว่างขาของฟ่านเหลียนอย่างเต็มแรงจนเขาจุกหน้าเขียวคล้ำ เท่านั้นไม่พอนางยังหักแขนเขาจนหักโทษฐานที่กล้าเข้ามาล่วงเกินนาง ให้มันรู้ซะบ้างว่าข้าก็สู้บุรุษได้!!! ฟ่านเหลียนทั้งเจ็บทั้งจุก เขาล้มลงไปนอนกองกับพื้น ผู้คนที่ผ่านไปมาพลันจ้องมองเขาด้วยแววตาที่หลากหลาย ไป๋เหมยเหม่ยยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย "ข้าเกลียดที่สุดคือบุรุษที่ไม่ให้เกียรติสตรี ถึงแม้ข้าจะใจดีอ่อนหวานงดงามแต่ข้าก็ไม่ยอมถูกผู้ใดเอาเปรียบ ข้าเป็นหม้ายแล้วอย่างไร มันหนักศีรษะส่วนใดของเจ้ากันหรือ อย่ามายุ่งกับข้าอีกจำไว้ มิเช่นนั้นคราหน้าข้าไม่ออมมือเป็นแน่ เฉียวเหลียนกลับจวน" “เจ้าค่ะคุณหนู” ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะก้าวขึ้นรถม้ากลับจวนไป ทิ้งให้ฟ่านเหลียนเจ็บแค้นในใจและอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เมื่อกลับมาถึงจวนไป๋เหมยเหม่ยก็ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางตั้งใจเตรียมอาหารเอาไว้ขายในวันต่อไปอย่างขยันขันแข็ง ด้านตระกูลฟ่านที่รู้ว่าบุตรชายของตนถูกหยามเกียรติ เดิมทีคิดจะไปเอาคืนให้สาสม แต่เมื่อรู้ว่าบุตรชายตัวดีไปหาเรื่องไป๋เหมยเหม่ยก็จำต้องอดกลั้นระงับโทสะของตนเอาไว้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเสนาบดีฟ่านก็กำหมัดแน่น แค้นนี้สักวันเขาจะเอาคืนแทนบุตรชายให้สาสม แต่ยามนี้จำต้องอดทนสงบปากสงบคำเอาไว้เสียก่อน!!! ข่าวที่ฟ่านเหลียนถูกไป๋เหมยเหม่ยซ้อมจนบาดเจ็บลอยมาเข้าหูของฟ่านกุ้ยอิงอย่างรวดเร็ว นางกำมือแน่นพลางโกธรแค้นแทนพี่ชายตน สตรีหน้าด้านผู้นั้น ออกจากจวนไปแล้วก็แล้วไปเถิด แต่เหตุใดยังตามรังควานคนในจวนของนางไม่เลิก ได้ยินว่าไป๋เหมยเหม่ยคิดจะเปิดร้านอาหาร เห็นทีนางคงจะต้องส่งของขวัญไปให้นางเสียแล้้ว ฟ่านกุ้ยอิงยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปสั่งการสาวใช้คนสนิทตนคราหนึ่ง เช้าวันต่อเสียงปะทัดก็ดังกึกก้องไปทั่งทั้งตลาด ไป่เหมยเหม่ยเปิดร้านวันแรกนางยังไม่ได้คิดจะขาย เพียงอยากจะให้ลูกค้าได้ลองชิมอาหารเสียก่อน ผู้คนที่รู้ข่าวจึงรีบแวะเวียนไปชิมอาหารที่ร้านของนางทันที "คุณหนูเจ้าคะ ปลาตัวนี้.." เฉียวเหลียนหันมาเอ่ยถามไป๋เหมยเหม่ยที่ยามนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบเพิ่ม นางใช้ผ้าผืนเล็กโพกศีรษะเอาไว้เพื่อป้องกันเส้นผมหลุดร่วงลงไปในอาหาร "มานี่มา ข้าหั่นเอง เจ้าไปหั่นมันฝรั่งเตรียมไว้เถิด" "เจ้าค่ะ" ไป๋เหมยเหม่ยหยิบมีดขึ้นมาหั่นปลาออกเป็นริวๆ ชิ้นขนาดพอดีคำ อีกทั้งยังมีเลือดเป็ด เนื้อไก่ และผัตามฤดูกาลอีกไม่กี่ชนิด ยามนี้เพิ่งเปิดร้านครั้งแรก นางจึงไม่ได้ใช้วัตถุดิบมากเท่าใดนัก อย่างไรก็จะต้องลองดูก่อนว่าจะถูกปากคนในยุคสมัยนี้หรือไม่ ไป๋เหมยเหม่ยจัดวัตถุดิบวางใส่ชามใบเล็ก แยกผักและเครื่องเคียงเอาไว้ตางหาก และจัดให้ดูสวยงามน่ากิน ก่อนจะหันไปทำมันฝรั่งเส้นผัดพริกในกะทะต่อ จากนั้นจึงนำไปมอบให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านได้ลองชิม "แม่นางไป๋ น้ำซุปของเจ้านี่มันยอดเยี่ยมยิ่งนัก มีรสชาติ เผ็ดจนชาลิ้น อีกทั้งยังหอมน้ำมันมากด้วย ดูสิ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้น้ำมันงาของเจ้านี่เลิศรสยิ่งนัก ข้าไม่เคยกินมาก่อนเลย" ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มตาหยี นางนำสูตรอาหารจากโลกปัจจุบันมาผสมผสานกับอาหารในสมัยโบราณ บางชนิดเครื่องปรุงไม่ครบนางก็พลิกแพลงจนมันออกมามีรสชาติอย่างที่เห็น ผู้คนที่ได้แวะมาลองชิมก็ค่อนข้างที่จะชื่นชอบไม่น้อยเลย "ได้ยินว่าหม้อไฟร้านนี้รสชาติดี ข้าจึงอยากลองมาชิมดูเสียหน่อย" เสียงแหลมเล็กของสาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นทำให้ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมอง ก่อนจะพบกับฟ่านกุ้ยอิงที่เดินเข้ามาในร้านของนาง ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างลอบซู๊ดปาก จะเพราะอันใดเล่า ในอดีตนางกับฟ่านกุ้ยอิงเคยใช้สามีร่วมกันมาก่อน!!! ความจริงนางไม่เคยจะหลับนอนกับอดีตสามีบัดซบผู้นั้นเลยสักครา!!!! แม้ในใจจะไม่ชอบใจฟ่านกุ้ยอิงเท่าใดนัก แต่ว่าไป๋เหม่ยเหม่ยก็ต้อนรับนางอย่างดี "เชิญ" ฟ่านกุ้นอิงปรายตามองไป๋เหมยเหม่ยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้ามากินร้านของนาง นางทุบตีพี่ชายข้า ทั้งที่พี่ชายของข้าทำดีกับนางมาโดยตลอด หวังจะรับนางเป็นภรรยาไม่คิดใส่ใจเรื่องที่นางเคยหย่าสามีมาก่อน ก่อนจะออกจากจวนตระกูลหยางนางก็ทุบตีบ่าวไพร่ในจวน จนทุกคนต่างหวาดกลัวนาง โอะ!! แล้วยามที่นางไม่ชอบหน้าใครนางก็มักจะถ่มน้ำลายลงไปในอาหารให้คนผู้นั้นได้กิน พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางจะไม่ถ่มน้ำลายใส่ลงไปในหม้อไฟให้พวกเจ้ากิน พวกเจ้าไม่คิดบางหรือ ร้อยวันพันนางไม่เคยเผื่อแผ่ผู้ใด วันนี้กลับแจกจ่ายอย่างใจกว้าง คนเช่นนางน่ะหรือ จะไว้ใจได้" ผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มตื่นตระหนก บางคนถึงกับล้วงคออาเจียน ไป๋เหมยเหม่ยจ้องมองฟ่านกุ้ยอิงด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย "เจ้าต้องการอันใด" ฟ่านกุ้ยอิงยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ย "จะทุบตีข้าหรือ อย่านะ ไป๋เหมยเหม่ยที่เจ้าถูกท่านพี่มอบหนังสือหย่าก็เป็นเพราะตัวเจ้าเอง ที่ข้ามาทีนี่ก็เพราะห่วงใยชาวบ้านตาดำๆ ที่ถูกเจ้าเอาเปรียบกลั่นแกล้ง คนเช่นเจ้าใจดำคับแคบ ชอบรังแกคนต่ำกว่า ข้าเคยอยู่ใกล้เจ้ามาก่อนย่อมรู้นิสัยเจ้าดีดีกว่าใคร เจ้าอย่าเอาความโกธรของตนมาลงกับผู้อื่นเลยนะ ข้าขอร้อง!!!" "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ดูนี่สิเจ้าคะ ในน้ำซุบมีซากหนูตายลอยขึ้นมาด้วย ช่างน่าอาเจียนยิ่งนัก!!!" "ตายแล้ว จริงหรือ!!!!" ไป๋เหมยเหม่ยปรายตามองสาวใช้ของฟ่านกุ้ยอิงที่ยื่นมือชี้ไปในหม้อ ก่อนจะเทหม้อน้ำซุปของนางออกมาจนหกกระจัดกระจายไปทั้งร้านทันที เมื่อน้ำซุปถูกเทจนหกเลอะเทอะก็มีคนเห็นซากหนูตายในหม้อที่รวงหล่นออกมาจากหม้อน้ำซุปตรงหน้า ไป๋เหมยเหม่ยกำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ นางเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไป๋เหมยเหม่ยคนเดิมยังอยู่ ฟ่านกุ้ยอิงคงถูกจับกดลงไปในหม้อน้ำซุปแล้ว ผู้คนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ด่าทอไป๋เหมยเหม่ยอย่างไม่ไว้หน้า หาว่านางรังแกคน หาว่านางไร้สมอง ไป๋เหมยเหม่ยแววตาเย็นเยียบ แต่ทว่านางยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน "ข้าเป็นคนเฝ้าน้ำซุบหม้อนี้เอง ไม่เห็นว่าจะมีซากหนูตาย แต่พอแม่นางผู้นี้กับสาวใช้ลิ่วล้อของนางมาถึง กลับมีซากหนูตายเสียได้ ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก ข้าเฝ้าน้ำซุปไปดื่มสุราไปยังไม่เห็นว่ามันจะมี อ้อ ข้านึกขึ้นได้แล้ว เมื่อครู่ข้าเห็นว่าสาวใช้ของแม่นางนำของบางอย่างติดมือมาด้วยนี่ ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่ เผื่อว่าเป็นกับแกล้มชั้นดีจะได้แบ่งข้ากินบ้าง" ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองจางเหยียนเหวยคราหนึ่ง นางไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ฟ่านกุ้ยอิงที่ได้ยินเช่นนั้นหน้าซีดเผือดไปชั่วขณะ นางจ้องมองจางเหยียนเหวยคราหนึ่ง ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้เข้ามาแทรกในแผนการของนางได้เช่นไร นางกำลังจะเอ่ยปากตอบโต้ แต่ทว่าจางเหยียนเหวยก็ดึงตัวสาวใช้ของนางไปเสียแล้ว "จะพูดเอง หรือให้ข้าส่งเจ้าไปที่ศาลต้าหลี่ โทษฐานทำลายชื่อเสียงผู้อื่น" "เอ่อ" "พูดมาสิ เสียเวลาดื่มสุราข้า" จางเหยียนเหวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หยอกเย้า ในขณะที่มือก็บีบแขนของสาวใช้ผู้นั้นอย่างแรงจนนางตื่นตระหนก แววตาของจางเหยียนเหวยฉายแววเย็นเยียบวูบหนึ่ง สาวใช้ผู้นั้นหันไปมองฟ่านกุ้ยอิงคราหนึ่ง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น "ฮือ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าเป็นคนทำเองเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยไม่รู้เรื่องเลย ข้าเพียงอยากแก้แค้นให้ฮูหยินน้อยที่เคยถูกสตรีนางนี้ทำร้ายร่างกายและจิตใจเจ้าค่ะ!!!" ไป๋เหมยเหม่ยได้ฟังเพียงเท่านั้นนางก็พอจะรู้ถึงต้นสายปลายเหตุ เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงยื่นมือไปจับซากหนูตายตัวนั้นมาถือเอาไว้อย่างไม่รังเกียจ ก่อนจะเดินตรงไปที่สาวใช้ของฟ่านกุ้ยอิงทันที "ในเมื่อเจ้านำมันมา ก็จงนำมันคืนไปเสีย" "อื้อ!!!" ผู้คนที่เห็นภาพดังกล่าวต่างรู้สึกคลื่นไส้แล้ว ไป๋เหมยเหม่ยเล่นยัดหนูตายตัวนั้นเข้าปากสาวใช้ของฟ่านกุ้ยอิง จนนางอาเจียนออกมาและหมดสติไป จางเหยียนเหวยจ้องมองไป๋เหมยเหม่ยคราหนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ไม่เลวเลยนี่นางมารน้อย เมื่อจัดการสาวใช้ไปแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยจึงหันมามองฟ่านกุ้ยอิงทันที "ส่วนเจ้า ชดใช้ค่าเสียหายมา!!!" ไป๋เหมยเหม่ยโมโหแล้ว นางตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีไม่ไประรานผู้ใดก่อนแล้วแท้ๆ แต่ฟ่านกุ้ยอิงกลับมาหาเรื่องนาง หากไม่ได้จางเหยียนเหวยช่วยเอาไว้ นางเองก็ไร้หนทางจะแก้ตัวเช่นกันในเมื่อหลักฐานชัดเจนถึงเพียงนี้ "เจ้า!!!" "จำไว้นะ ข้าไม่เคยหาเรื่องพี่ชายเจ้า แต่พี่ชายเจ้ารนหาที่เอง แล้วอีกอย่างหนึ่งยามอยู่ในจวนตระกูลหยางเป็นเจ้าที่ยั่วโทสะข้า ทำให้ข้าทำร้ายเจ้าแล้วเจ้าก็เสแสร้งทำตัวอ่อนแอหวังเรียกร้องความสนใจจากหยางเจ๋อหยวน แต่ครั้งนี้ฝันไปเถิดข้าไม่ต่อยเจ้าให้เสียมือหรอก มือข้าเอาไว้ใช้ทำมาค้าขายไม่ได้เอาไว้ต่อยตัวอัปมงคล จ่ายเงินมาแล้วก็ไสหัวไปเสีย กลับไปออดอ้อนสามีเจ้าที่จวนอย่ามาทำตัวน่ารำคาญที่หน้าร้านของข้า!!!" ฟ่านกุ้ยอิงถูกด่าจนหน้าชา นางไม่อาจหาคำด่าใดมาตอบโต้ไป๋เหมยเหม่ยได้เลย ดูเหมือนสตรีชั่วร้ายตรงหน้าจะหาเหตุผลมาด่านางจนางไม่อาจโต้ตอบได้เช่นแต่ก่อนอีก "ไป๋เหมยเหม่ยสตรีนิสัยเสีย เจ้าหยุดรังแกฮูหยินของข้าเดี๋ยวนี้นะ!!!!" หยางเจ๋อหยวนพุ่งข้ามากอดฟ่านกุ้ยอิงเอาไว้ ฟ่านกุ้ยอิงที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องไห้โฮออกมาทันที "ไป๋เหมยเหม่ย ข้าไม่รู้จะจัดการกับเจ้าเช่นไรแล้ว!!!!” ครั้งนี้ไป๋เหมยเหม่ยก็ไม่ยอมเช่นกัน นางจึงเอ่ยกับหยางเจ๋อหยวนอย่างไม่ไว้หน้า "จัดการภรรยาจอมเสแสร้งของท่านก่อนเถิด!!!" "เจ้า!!!" "สาวใช้ของภรรยาท่านนำซากหนูตายมาใส่ในหม้อไฟของแม่นางไป๋ ข้าเห็นเองกับตาเลยล่ะ" หยางเจ๋อหยวนหันไปมองจางเหยีนเหวยคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ จวิ้นอ๋องเฮงซวยผู้นี้อีกแล้วหรือ!!! เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยางเจ๋อหยวนจึงเอ่ยขึ้นมาทันที "ท่านอ๋องคงยังไม่รู้ว่าสตรีนางนี้เสแสร้งเก่งเพียงใด นางทั้งชอบทุบตีคน ดูแคลนผู้อื่น ไร้มรรยาทไร้กฎระเบียบ ท่านอ๋องได้โปรดอย่างหลงเชื่อนาง" "นี่เจ้ากำลังด่าข้าโง่หรือ หน้าข้าเหมือนคนโง่ให้สตรีปั่นหัวได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ อันใดกันนี่?" จางเหยียนเหวยแกล้งทำท่าทีตกใจ หยางเจ๋อหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด หูไม่ดีหรือไร เขายังไม่ได้ด่าว่าคำว่าโง่ออกมาเลยสักคำ!!! "กระหม่อมมิกล้า แต่ว่านางน่ารังเกียจจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ" “เช่นนั้นหรือ แล้วที่ภรรยาเจ้ากลั่นแกล้งผู้อื่น แล้วเจ้าเข้าข้างนางแบบผิดๆ เช่นนี้ ให้ท้ายภรรยาอย่างไม่ลืมหูลืมตาไม่เรียกว่าน่ารังเกียจยิ่งกว่าหรือ แม้แต่คำพูดข้าเจ้ายังไม่เชื่อเลย หยางเจ๋อหยวนเจ้าก็เป็นถึงนักปราชญ์เหตุใดจึงไร้เหตุผลเช่นนี้เล่า บิดาเจ้าที่จวนรู้หรือไม่ว่าเจ้ามีนิสัยเช่นนี้” หยางเจ๋อหยวนเอ่ยวาจาใดไม่ออก ด้านฟ่านกุ้ยอิงที่ได้รู้ว่าจางเหยียนเหวยคือจวิ้นอ๋องก็ตกใจเช่นกัน นางพอรู้ชื่อเสียงของเขามาบ้างว่าเก่งกาจในสนามรบ แต่ไม่เคยพบหน้าสักครา เขาดูหล่อเหลาไม่น้อยเลย แต่ทว่าเหตุใดจึงมาปกป้องนังไป๋เหมยเหม่ยด้วยนะ!!! หริว่าไป๋เหมยเหม่ยยั่วยวนท่านอ๋องรูปงามผู้นี้ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!!! หึ!!!เพิ่งหย่าสามีได้ไม่นาน ก็ทำตัวน่าเกียจยิ่งว่าสตรีในหอโคมเขียวเสียอีก!!! "กุ้ยอิง ข้าจะพาเจ้ากลับจวน" "เจ้าค่ะท่านพี่" หยางเจ๋อหยวนไม่อยู่แล้ว ยิ่งต่อปากต่อคำคล้ายกับว่าเขาจะขายหน้าเพิ่มมากขึ้น จึงคิดจะพาฟ่านกุ้ยอิงกลับจวน ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปขวางหน้าคนทั้งสองเอาไว้ทันที "ช้าก่อน" "มีสิ่งใดอีก หรือเจ้าคิดจะทุบตีภรรยาข้า" หยางเจ๋อหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน ไป๋เหมยเหม่ยส่ายหน้าไปมา ก่อนจะแบมือไปตรงหน้าเขา "ชดใช้ค่าเสียหายมา" "เจ้าว่าอย่างไรนะ" "เห้อ เพิ่งหย่ากันไม่นานหูตึงเสียแล้ว ชดใช้ค่าเสียหายมา ค่าน้ำซุปหม้อไฟของข้า" "ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าหน้าเงินถึงเพียงนี้” "จ่ายมาก่อน จ่ายเสร็จแล้วค่อยด่า จะยืนด่าหน้าร้านทั้งวันทั้งคืนข้าก็ไม่ว่า" "เหอะ" "จ่ายมา!!! สองพันตำลึง" "นี่เจ้าจะปล้นข้าหรือ!!!!" หยางเจ๋อหยวนกัดฟันกรอดพลางชี้หน้าไป๋เหมยเหม่ยอย่างขุ่นเคือง ไป๋เหมยเหม่ยยื่นมือของตนมาปัดมือของหยางเจ๋อหยวนที่ชี้หน้านางออกอย่างเอาเรื่อง "ข้าไม่ได้ปล้น แต่ฮูหยินของเจ้าส่งคนมาระรานข้าก่อน ทั้งที่ข้าไม่เคยสนใจพวกเจ้า ตระกูลหยางเองก็ร่ำรวยมิใช่น้อยจ่ายเพียงเท่านี้คงไม่ถึงกับอับจนกระมัง ก็ได้ หากเจ้าไม่ยอมจ่าย เช่นนั้นก็ไปที่ศาลต้าหลี่ให้ทางการช่วยตัดสิน เจ้ากล้าแลกหรือไม่เล่า ข้าน่ะไม่อายหรอก เพราะข้าไม่ได้เป็นคนที่ทำผิด!!!" หยางเจ๋อหยวนโกธรจัดจนเลือดขึ้นหน้า เขาหันไปพยักหน้าให้บ่าวรับใช้ชายที่ติดตามมาด้วย ไม่นานนักบ่าวผู้นั้นก็กลับมาพร้อมตั๋วเงินสองพันตำลึง ไป๋เหมยเหม่ยรับมันมานับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ย "ยอดเยี่ยมดีนี่ เชิญไปยืนด่าข้าที่หน้าร้านต่อได้เลย หากคอแห้งก็ไปแวะดื่มน้ำชาที่โรงน้ำชาของท่านอ๋องตรงข้ามร้านข้าได้นะ ชาของเขารสชาติดีมาก" จางเหยียนเหวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันไม่น้อย ช่างทำการค้าได้ยอดเยี่ยมเสียจริง อีกทั้งยังมีใจมาบรรยายสรรพคุณโรงน้ำชาของเขาอีกด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม