ตอนที่4 อลัน
รถโฟร์วิล
คันใหญ่สีดำวิ่งฝ่าความมืดเลาะเลียบถนนริมแม่น้ำโขง อีกฟากของถนนเป็นป่ารกทึบสลับกับเทือกสวนของชาวบ้าน คืนนี้พระจันทร์เสี้ยวสีเหลืองนวลลอยเด่นอยู่บนฟ้าราวกับรอยยิ้มเยาะของใครบางคน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่อลัน
ชายหนุ่มนั่งกอดอกมองไปเบื้องหน้าตามแสงไฟของรถที่สาดไปเบื้องหน้า ระยะนี้เขามีเรื่องให้คิดหลายเรื่องเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นงานที่ไร่ ท่าทราย และบริษัทชิปปิ้งของบิดาที่ตกทอดมายังเขา หากยังมีอีกเรื่องที่กำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
เชลยที่ลูกหนี้รายใหญ่ส่งตัวมาขัดดอกตามข้อตกลง แต่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรนักเพราะเขาคิดวิธีจัดการกับเธอไว้แล้ว รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่กรำแดดของชายหนุ่มซึ่งในยามปกติหาได้ยากยิ่ง การงานที่รัดตัวทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาจะดูแลตัวเองมากมายนัก หนวดเครายาวรุงรังผมเผ้ายุ่งเหยิงหากยังคงเหลือเค้าความสง่างามของชายชาตรีอยู่มากโข
“เจ้านายเมาหรือเปล่าครับ โอ้ย!”
คนถามพูดไม่ทันขาดคำฝ่ามือของคนข้างๆ ก็ฟาดลงบนกบาลจนเจ้าตัวทำหน้าเหยเก
“ทะลึ่งละไอ้พล นี่ใคร…เสี่ยอลัน เหล้าแค่นี้เด็กๆ โว้ย”
“ก็ผมเห็นเจ้านายนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นึกว่าเมาหน้าสวยๆ ของเจ๊ดอกฝ้ายนะสิครับ”
ลูกน้องคนสนิทเย้าด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ในขณะที่คนเป็นเจ้านายส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“คุณดอกฝ้ายเธอไม่ใช่สเปคฉันหรอกไอ้พล”
อลันหยุดคำพูดไว้แค่นั้น
ในหัวสมองของเขาปรากฏใบหน้าหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอรูปไข่ดวงตากลมโตเป็นประกาย และรอยยิ้มของเธอราวกับจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาให้จับจรดอยู่เพียงดวงหน้าของเธอเท่านั้น
“แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่าเจ้านายของไอ้พลนี่สเปคเจ๊ดอกฝ้ายชัวร์”
“แกไม่ต้องมาทำเป็นรู้ใจคนโน้นคนนี้หรอก คนทำงานบริการก็ต้องยิ้มแย้มมีอัธยาศัยดีเป็นธรรมดา ลองทำหน้าบูดพูดจาหมาไม่แดกสิใครจะเข้าร้าน”
“โถ่ ก็มีแต่เสี่ยอลันนี่แหละคร้าบที่ดูไม่ออก เด็กห้าขวบยังดูออกเลยว่าเจ๊ดอกฝ้ายน่ะชอบเจ้านาย ผมเห็นเวลาเราไปร้านเจ๊แกทีไร ต่อให้ยุ่งมากแค่ไหนก็รีบปลีกตัวยิ้มหน้าบานออกมารับตลอดหน้างี้บานเป็นจานดาวเทียม”
เอกพลทำไม้ทำมือประกอบ
“พอเลยๆ ฉันกับคุณดอกฝ้ายอย่างมากก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันแค่นั้น”
“แหม ผมชักจะอยากรู้แล้วสิครับ ว่าสเปคของเจ้านายเป็นแบบไหน”
อลันหันไปมองหน้าเอกพลที่ทำหน้าที่เป็นพลขับก่อนจะส่ายหน้าให้อย่างเอือมระอา ความสนิทสนมของเขาทั้งสองคนมีมากกว่าความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง มากกว่าเพื่อน เจ้านายหนุ่มรู้ดีว่าถ้าถึงเวลาคับขันเกิดขึ้นเอกพลสามารถปกป้องเขาได้ด้วยชีวิตของมัน
“แกไม่ต้องมาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับฉันไปหมดทุกเรื่องหรอกไอ้พล ทำงานตามหน้าที่ของแกให้ดีเถอะ”
อลันแสร้งปรามเสียงเข้ม
“พรุ่งนี้หกโมงเช้าแกไปรับลูกหนี้ของฉันที่สถานีรถไฟแล้วพาไปบ้านสวน เมื่อเช้าฉันสั่งให้ป้าต้อยจัดห้องจัดหับไว้รอแล้วที่เหลือฉันจะจัดการเอง”
“ลูกหนี้หรอครับ? ทำไมเจ้านายไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลย”
เอกพลทวนคำของเจ้านาย
“ว่าแต่ลูกหนี้ของเจ้านายนี่ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”
“ผู้หญิง!”
เสียงแข็งๆ ที่ตอบกลับทำให้คนถามเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรต่อ เนื่องจากเอกพลพอรู้มาบ้างจากคำซุบซิบนินทาของบรรดาคนงานว่าเจ้านายมีลูกหนี้รายใหญ่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมอยู่ที่กรุงเทพ ทว่าเป็นประเภทพวกจมไม่ลงจนแล้วไม่เจียมกลัวเสียหน้า ติดหนี้เจ้านายของเขามาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ ดอกเบี้ยงอกเงยผลิบานจนไม่มีปัญญาชดใช้เลยคิดส่งตัวลูกสาวมาขัดดอก หากใครๆ ก็มองออกว่าเป็นแผนการจะใช้ลูกสาวมาจับเจ้าหนี้ เมื่อเข้าหอลงโรงกันเสร็จสรรพจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง หนี้ก็ไม่ต้องใช้แถมยังได้เป็นดองกับเจ้าหนี้ เข้าสำนวนเรือล่มในหนองทองจะไปไหน
เอกพลหันไปหาเจ้านายแล้วอมยิ้มขบขัน เขาอยู่กับ
อลันมาหลายปีกินนอนเที่ยวมาด้วยกันจนรู้นิสัยใจคอ เพียงแค่มองตาก็รู้ใจ เจ้านายคนนี้ไม่ใช่คนเขลาที่จะไม่รู้ทันเล่ห์เพทุบายตื้นๆ แบบนี้ น่าจะมีอย่างอื่นมากกว่าที่เห็น เพียงแต่เขายังไม่เกทเท่านั้น บิดาของอลันมีบุญคุณกับครอบครัวของเขามากจนกระทั่งรุ่นของเจ้านายคนนี้ เขาเคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะดูแลรับใช้คนในตระกูลนี้ด้วยความซื่อสัตย์กระทั่งลมหายใจสุดท้าย
“แล้วเรื่องที่ท่าทรายวันนี้ละครับเจ้านาย จะให้ผมทำไงยังว่ามาได้เลยนะครับไอ้พลคนนี้พร้อมลุย”
ใบหน้าขี้เล่นของเอกพลหายวับแปรเปลี่ยนจริงจัง
“ฉันกำลังจะคุยกับแกเรื่องนี้อยู่พอดี ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเราต้องกำชับคนงานและคนขับรถบรรทุกทรายของเราทุกคนให้ดี ถ้ามีใครเห็นหรือพบเจออะไรผิดปกติให้รีบมารายงานฉัน พวกมันคงเล่นเราหนักขึ้นแน่”
“แล้วพวกเราจะอยู่เฉยๆ แบบนี้หรือครับเจ้านาย”
เอกพลกัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น
“เราไม่มีพยานหลักฐานอะไรจะเอาผิดกับพวกมัน ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามลงไปตอนนี้มันจะได้ไม่คุ้มเสีย เอาเถอะฉันสัญญาว่าพวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
อลันมองฝ่าความมืดออกไป ชายหนุ่มค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ วันนี้คนงานในท่าทรายของเขาถูกลอบยิงบาดเจ็บสาหัสสองคน พวกเขามีครอบครัวมีพ่อแม่ลูกเมียต้องดูแล คนดีๆ หาเช้ากินค่ำประกอบสัมมาชีพสุจริตกลับโดนรังแกอย่างไร้หนทางตอบโต้ และที่เลวร้ายกว่าอะไรทั้งหมดเขาเองเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เพียงเพราะไม่ยอมขายท่าทรายแห่งนี้ให้กับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเท่านั้น
“เจ้านายต้องระวังตัวให้มากๆ นะครับ คนดีพากันตายยังกับใบไม้ร่วงส่วนไอ้พวกชั่วนั้นเดินลอยหน้าลอยตาอยู่กันอย่างสุขสบาย”
“ฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก แกไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเป็นอะไรไปง่ายๆ”
อลันหัวเราะหึๆ