บทที่ 7 คดีปล้นฆ่า

1303 คำ
“เหตุใดจึงต้องรอข้า? มือปราบสวีมิได้ทำหน้าที่จัดการกับโจรขโมยพวกนั้นหรือ?” โหลวซีห่าวมิได้ถามยียวนแต่เขาข้องใจจริงๆ “มือปราบสวีออกมาปราบคนพวกนี้อยู่ตลอดขอรับ เพียงแต่ว่าโจรพวกนี้น่าจะมีโขยงใหญ่ หากไม่เข้าทะลายชุมโจรก็คงจะเกิดเหตุอยู่เนืองๆ” ชายหนุ่มหันไปมองมือปราบหญิงที่มองหน้าเขานิ่งๆ โดยไม่ได้กล่าวอันใดออกมา เขาจึงนึกได้ว่าที่แท้นางวางแผนยั่วยุให้เขาตามนางออกมาตรวจท้องที่เพื่อที่เขาจะได้รับรู้ปัญหานี้และออกคำสั่งในการกวาดล้างชุมโจรโดยที่ไม่ต้องรอให้นางรายงานหรือร้องขอ “เหตุใดท่านจึงรู้ว่าพวกเขาเป็นชุมโจรเล่า?” “ทุกครั้งที่พวกเขาเข้ามาลักขโมยข้าวของพวกเขาจะทิ้งกระดาษที่วาดสัญลักษณ์ไว้ในที่เกิดเหตุหรือหากปล้นก็จะทิ้งกระดาษพวกนี้ไว้ให้กับผู้เคราะห์ร้าย” หัวหน้าหมู่บ้านหยิบกระดาษที่อยู่ในตู้ติดผนังห้องออกมาให้ โหลวซีห่าวได้ดู “ใต้เท้าโหลวเคยพบเห็นสัญลักษณ์นี้หรือไม่ขอรับ?” ชายหนุ่มก้มลงมองรูปดอกโบตั๋นสีแดงลายเส้นที่วาดลงบนกระดาษสีขาวด้วยความงุนงง “นี่มัน? สัญลักษณ์ของสำนักหรือองค์กรใดกัน?” “สำนักโบตั๋นแดงเจ้าค่ะ พวกเขาเพิ่งตั้งขึ้นไม่นานนี่เอง ตั้งแต่สองเดือนก่อนก็เริ่มออกอาละวาด ลักขโมย ปล้นชิง มีคนบาดเจ็บจำนวนมากและมีคนตายจากการปล้นหกศพ อย่างที่ใต้เท้าได้ฟัง ข้านำมือปราบออกช่วยเหลือชาวบ้านแต่ด้วยกำลังเพียงน้อยนิดจึงไม่อาจจะทำได้อย่างที่ต้องการ” “เจ้าต้องการอย่างไรหรือ?” “ทะลายรังโจรเจ้าค่ะ” “เจ้าพูดเหมือนกับรู้ว่าที่ตั้งของชุมโจรอยู่ที่ใด?” เขาขมวดคิ้วมองดูมือปราบหญิงตรงหน้าราวกับจะหยั่งเชิง “หากข้าบอกว่ารู้ล่ะเจ้าค่ะ ท่านพร้อมจะวางแผนช่วยเหลือข้าหรือไม่?” “เจ้าเคยไปซุ่มดูถึงฐานที่ตั้งของพวกเขาหรือยัง?” “ข้าเคยไปแล้ว เพียงแต่....” “เพียงแต่อะไรหรือ?” “แต่เพียงไม่อาจแฝงกายเข้าไปได้ พวกเขาควบคุมอย่างเข้มงวด หากบุกเข้าไปย่อมเป็นอันตราย” “อืม...นับว่าเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินว่าเจ้ารอบคอบ” “เอ๊ะ! ใต้เท้าว่าอย่างไรนะ?” เมื่อครู่เป็นเพราะเขาลดเสียงและพูดคล้ายจะพึมพำกับตนเองทำให้นางได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก โหลวซีห่าวยกยิ้มมุมปาก “ข้าว่าพวกเรารีบไปตรวจหมู่บ้านอื่นกันต่อเถอะ ข้าจะได้รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับทุกหมู่บ้านหรือไม่?” โหลวซีห่าวรู้สึกว่างานที่อำเภอเชียนเยาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิด ยิ่งเป็นอำเภอที่อยู่ใกล้ชายแดน ปัญหาเรื่องความหลากหลายของผู้คนที่เข้ามาในพื้นที่ยิ่งมีมาก ที่นี่มีเพียงซุ้มประตูหน้าเมืองที่หันไปทางอำเภอถัดไป และอีกประตูอยู่ทางออกไปทางชายแดนที่จะข้ามไปยังแคว้นเว่ย ครั้นไปถึงหมู่บ้านที่สองและหมู่บ้านที่สามหัวหน้าหมู่บ้านก็รายงานเช่นเดียวกับหมู่บ้านแรก พวกเขาเองก็ถูกคนของสำนักโบตั๋นแดงคอยเข้ามาลักขโมยข้าวของและดักปล้นสะดมอยู่บ่อยๆ “หมู่บ้านของข้ามีคนถูกฆ่าตายไปสองคนขอรับ พวกเขาตายระหว่างทางที่กลับมาจากเมืองเชียนเยา บนศพมีกระดาษที่มีรูปวาดโบตั๋นแดงสอดไว้ หลักฐานอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอแล้วขอรับ” เมื่อไปถึงหมู่บ้านที่สาม ดูเหมือนสถานการณ์ยิ่งเลวร้าย “เมื่อเช้ามืดวันนี้ในตำบลของข้าน้อยเพิ่งมีบ้านเศรษฐีถูกปล้นไปหยกๆ เลยขอรับ พวกมันฆ่าคนในบ้านไปสองคน ดูเหมือนตอนสายจะมีคนไปแจ้งที่ว่าการอำเภอแล้ว เห็นว่าหัวหน้ามือปราบเหลยออกมาตรวจที่เกิดเหตุ” ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งกลุ่มจึงไม่อาจจะนั่งได้ติด สวีเสี่ยวถงรีบบอกให้นายอำเภอรีบเข้าไปในตำบลข้างหน้าทันที โหลวซีห่าวยังไม่ได้ถามว่าจุดหมายอยู่ไกลเพียงใดเพราะเห็นสีหน้าของมือปราบหญิงแล้วนางเป็นกังวลยิ่งนัก กุบกับ! กุบกับ! เสียงม้าทั้งห้าตัววิ่งจนฝุ่นตลบ สวีเสี่ยวถงเกรงว่าเหลยเจียหลุนจะเก็บหลักฐานได้ไม่ครบถ้วนก็รีบกลับ นางคิดจะตรวจสอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ถี่ถ้วนเพราะนางรู้สึกในหลายคราวว่าคดีพวกนี้อาจจะไม่ได้เป็นฝีมือของสำนักโบตั๋นแดงเสียทั้งหมด มือปราบหญิงควบม้าเต็มกำลังไปเกือบครึ่งเค่อก็ผ่อนฝีเท้าม้าลงผ่านไปอีกหนึ่งหมู่บ้าน โหลวซีห่าวเห็นนางยังไม่บอกให้เขาหยุดชายหนุ่มก็ไม่หยุด นางยังคงควบม้าอย่างต่อเนื่องกระทั่งถึงเขตหมู่บ้านที่สองที่ดูจะมีบ้านเรือนหนาตาเขาจึงคาดในใจว่านี่น่าจะใช่ตำบลที่เกิดเหตุ “ถึงแล้วเจ้าค่ะ ใต้เท้า!” นางหันมาบอกก่อนจะลดฝีเท้าม้าให้ช้าลงเพราะเขาเขตชุมชน หญิงสาวเข้าไปสอบถามร้านค้าแรกก็รู้สถานที่เกิดเหตุ “ไปทางนี้เจ้าค่ะ” นางหันมาบอกสั้นๆ แล้วชักม้านำหน้า เลี้ยวไปสองถนนก็เจอะบ้านที่เกิดเหตุ ม้าหลายตัวถูกผูกอยู่หน้าทางเข้า เรือนหลังนี้น่าจะใหญ่ที่สุดในตำบล สวีเสี่ยวถงมองเลยไปก็เห็นมือปราบในชุดสีแดงเลือดหมูสะพายดาบยืนเฝ้าอยู่ ลูกน้องของนางมารับม้าไปผูก ส่วนนางก้าวเท้าไปหามือปราบที่ยืนเฝ้าข้างหน้า “เคลื่อนย้ายศพหรือยัง?” “ยังขอรับ! หัวหน้าเหลยยังตรวจสถานที่เกิดเหตุอยู่เลย” “ดี!” เหลยเจียหลุนมองเห็นสวีเสี่ยวถงก็ชักสีหน้า ทุกครั้งที่นางมาเขาก็มักจะกลายเป็นเหมือนคนที่ทำงานไม่ได้เรื่องแทบทุกครั้งเพราะสวีเสี่ยงถงมักจะเห็นรายละเอียดที่เขาไม่เห็นและนำไปเขียนรายงานได้อย่างละเอียด ครั้งนี้เหลย เจียหลุนจึงไม่อยากจะพลาดท่าให้นางอีก “ข้าตรวจที่เกิดเหตุคนเดียวก็พอแล้ว เหตุใดเจ้าจึงต้องตามมา?” มือปราบหญิงแสยะยิ้ม “ใครว่าข้าอยากมา? ท่านนายอำเภอต่างหากที่อยากจะตรวจพื้นที่ให้ละเอียด” โหลวซีห่าวที่ยืนอยู่ข้างหลังรีบแสดงตัวเพราะเกรงคนทั้งคู่จะทะเลาะกัน “เป็นข้าเองแหละ มือปราบเหลยที่อยากจะเห็นสถานที่เกิดเหตุ” เหลยเจียหลุนหน้าชา เขาลืมไปเลยว่าวันนี้นางเป็นคนพาใต้เท้าโหลวตรวจตราพื้นที่โดยรอบ “คารวะใต้เท้าโหลว ขออภัยที่ข้าน้อยล่วงเกิน” “มิได้ๆ เจ้าทำตามหน้าที่อยู่แล้ว เป็นข้าเองต่างหากที่ได้ยินข่าวก็ตื่นเต้นจึงรีบตามมา” สายตาของโหลวซีห่าวเหลือบไปเห็นศพที่นอนอยู่พื้นสองศพ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งก็ผงะหน้าซีด ถอยหลังไปสามก้าว “ผู้เคราะห์ร้ายเป็นใครหรือ?” เขาถามขณะควักเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดจมูก “พ่อบ้านกับผู้อารักขาท่านฉานขอรับ!” “ฝีมือผู้ใด?” “คาดว่าเป็นคนของสำนักโบตั๋นแดงเพราะทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ด้วยขอรับ” เหลยเจียหลุนชี้ให้โหลวซีห่าวดูแผ่นกระดาษเปื้อนเลือดที่ศพหนึ่งทับเอาไว้ สวีเสี่ยวถงมิได้สนใจฟังคนทั้งสองสนทนากัน นางเดินไปรอบๆ ห้องเพื่อดูว่าคนร้ายเข้ามาทางใดและรื้อค้นเอาสิ่งใดบ้าง? ****************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม