2
“เอาแบบนั้นเลยหรือเจ้าตัวดี แต่ไหนเมื่อกี้ใครกันนะ บอกจะไม่พูดกับคุณป๋าห้านาที นี่ยังไม่ครบเลยนะ” เอ่ยถามเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ สองมือทาบบนพวงแก้มใสและนุ่มราวกับแก้มก้นเด็ก ไล้คลึงหยอกเย้าอย่างไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างอิจฉา ผู้ชายวัยกลางคนอวบอ้วนพุงพลุ้ยนิดๆ มีสาวน้อยหน้าใสหวานเคียงข้างคอยพูดจ๊ะจ๋าให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ
มธุรสยิ้มจนเห็นฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม สอดมือจับแขนป้อม “ก็น้ำผึ้งน่ารักนี่นา แล้วคุณป๋าก็รักมากด้วย แล้วอย่างนี้จะให้สาวน้อยแสนน่ารักคนนี้งอนคุณป๋าผู้ใจดีได้หรือคะ” กระแซะอ้อนเสียงใสแจ๋วอย่างคนช่างพูดเอาตัวรอด
“ที่นี่ลมแรงจัง เรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ” มือเล็กยกขึ้นทาบทับบนศีรษะกดหมวกที่พยายามจะหลุดออกไปแต่ก็ไม่ทัน หมวกใบโปรดได้หลุดและปลิวไปตามกระแสลม
“อุ๊ย!! คุณป๋าไปเช็กอินก่อนนะคะ น้ำผึ้งขอไปเก็บหมวกก่อน” มธุรสบอกเสียงใสนุ่มหวาน รีบวิ่งตามไปเก็บหมวกใบโปรดที่หลุดปลิวออกจากศีรษะเพราะสายลมแรงๆ ที่พัดมาอย่างไม่ฟังคำทัดทานจากภาวัติ
มือหนาสอดล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เท้าพาร่างแกร่งเดินวนไปเวียนมาด้วยความอึดอัดจากยายจอมจุ้นที่ได้แรงยุจากคนใกล้ชิด คอยพาตัวเองมาวอแววนเวียนเอาใจ แทนที่จะทำให้เขารู้สึกดีกับการมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยน่ารักมาคอยเอาใจใส่ กลับกลายเป็นรำคาญเสียมากกว่า
คนที่ไม่ใช่ ต่อให้พยายามเท่าไหร่ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี จนเขาต้องหาทางเลี่ยงหลบหนีออกมายืนสงบสติอารมณ์กับธารน้ำกว้างใหญ่สีน้ำเงินให้ช่วยผ่อนคลายความเครียด แต่กลับมีภาพร่างบอบบางสะท้อนกับแพน้ำใสแจ๋วที่กำลังลิ่วล้อเล่นกับแสงแห่งพระอาทิตย์ คล้ายมีเพชรดาษดื่นเรียกความสนใจให้ต้องเหลียวไปมอง
เธอเป็นใคร?
แปลก...แม้หนทางห่างไกล อะไรก็ไม่ชัดเลยสักนิดเดียว แต่ทำไมหัวใจซึ่งมีกำแพงล้อมรอบอย่างแข็งแกร่งแน่นหนา ผู้ซึ่งอยู่ผ่านร้อนผ่านหนาว เพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบอายุสามสิบห้าปีไปหมาดๆ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง เกิดอาการที่เรียกว่ากระตุกวูบอย่างไม่มีเหตุผล จนผู้เป็นเจ้าของถึงกับแปลกใจในความรู้สึกที่แล่นลิ่ว ตรงเข้าหาเหมือนกระสุนตรงเข้าเป้า
“บ้าจริงๆ ไกลจนมองเห็นไม่ชัดเลย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ ขณะเพ่งมองไป แต่ก็เห็นเพียงด้านข้างของร่างบอบบางในเสื้อผ้าบางเบา มีเข็มขัดสีขาวเน้นเอวเล็กคอดกิ่วที่คิดว่าใช้สองมือกำรอบ กางเกงผ้าขาสั้นสีน้ำตาลไม่ได้สั้นมากมายเสริมให้น่ารักแต่ก็แอบเซ็กซี่นิดๆ เรียกว่าเย้ายวนใจจนในทรวงเขาถึงกับเต้นกระหน่ำรัวเร็ว ไหนจะปลีขาเสลาเรียวยาวเหมือนลำเทียนคู่นั้นอีกเล่า
‘เกิดอะไรขึ้นกับเขานี่?’
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ทั้งที่รอบตัวเขามีผู้หญิงสวยๆ รายล้อมมากมาย แต่ทำไมถึงได้ไปสะดุดใจอยากเห็นหน้าเธอคนนั้นเสียจริง ชายหนุ่มพยายามมองลอดหมวกปีกกว้างและแว่นตาสีดำอันใหญ่ที่ปกปิดใบหน้าไปเสียครึ่งหนึ่ง มองเห็นก็ไม่ชัด ทำให้เขาอยากรู้จนเป็นร้อนรนกระวนกระวาย แต่ถึงจะร้อนรุ่มพลุ่งพล่านราวกับไฟเผาสักเพียงใดก็ต้องข่มกลั้นไว้ เพราะสาวน้อยนางนั้นไม่ได้มาเพียงคนเดียว
เธอ...มากับชายวัยกลางคน ที่โอบประคองทะนุถนอมอย่างกับกลัวดอกไม้กลีบบางจะบอบช้ำ ท่าทีหวานซึ่งมีให้กันเหมือนต้องการประกาศให้กับผู้ชายหลายคนที่เหลียวมองรู้ว่า เธอมีเจ้าของและเขาทั้งรักทั้งห่วงอีกทั้งหวงสุดหัวใจ
แวบหนึ่งในหัวใจปวดหนึบราวกับถูกคมหินตะปุ่มตะป่ำบาดเฉือน ทำไมเขาถึงเป็นอย่างนี้...ไม่เข้าใจกับความรู้สึกแปลกๆ นี่เสียจริง ทว่าชายหนุ่มก็รีบสลัดทิ้งไปอย่างเร็ว ถึงแม้รูปกายภายนอกของหญิงสาวถูกใจเขามากโข แต่ถ้าต้องทำศึกแย่งผู้หญิงจากผู้ชายคนอื่นเขาไม่นิยม
“เฮ้อ! ดันมีเรื่องทำให้เสียอารมณ์อีกจนได้” จากที่คิดว่าจะยืนรับลมผ่อนคลายความเครียดและกังวลอยู่อีกสักครู่ แต่สิ่งที่เห็นเป็นอะไรที่ชวนขัดลูกหูลูกตา พานให้หงุดหงิดร้อนรนไปทั้งใจจนทนยืนอยู่ไม่ได้
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกจากปอดแรงๆ สอดมือล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง เมื่อหมดอารมณ์ดูความสวยงามของสถานที่และคิดเรื่องงานที่มีปัญหาค้างคาไม่จบ...
แก้ไขเรื่องหนึ่งเสร็จสิ้นก็มีอีกเรื่องให้ต้องตามแก้ไขอีก ถ้ามีแค่ปัญหาเดียวเขาก็ไม่ต้องมายืนกลุ้มอย่างนี้ แต่นี่รุมเร้าเข้ามาในคราวเดียว จนไม่รู้ว่าจะตั้งหลักอย่างไร ควรเริ่มแก้ไขปัญหาไหนก่อนดี แล้วก็มีอะไรบางอย่างแวบเข้ามา แม้ต้องคิดเพิ่มเติมแต่ก็น่าจะพอใช้ได้อยู่
ร่างหนาด้วยไหล่กว้างได้มาตรฐานหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องทำงาน ขณะนั้นเองก็มีหมวกใบโตปลิวมาทำให้ต้องยกมือขึ้นรับโดยอัตโนมัติ
“อุ๊ย!!!” เพราะเธอวิ่งด้วยความเร็ว สายตาก็มองแต่หมวก เลยไม่ทันได้เห็นสิ่งกีดขวางเป็นร่างใหญ่ราวกับแท่งหินยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า กว่าจะรู้ตัวว่าวิ่งมาปะทะเข้ากับกำแพงหนาแกร่งก็เมื่อจวนตัว จนเบรกไม่ทัน ร่างอรชรจึงถลาเข้าไปสู่อ้อมแขนใหญ่ ซึ่งก็ยกขึ้นโอบแขนรวบรอบเอวเล็กคอดกิ่วอย่างว่องไว
“โอ๊ะ!!” เตรียมตัวรับความเจ็บเต็มๆ แต่แปลกที่ไม่เจ็บตรงส่วนอื่น ยกเว้นปลายจมูกซึ่งได้ปะทะเข้ากับกำแพงเนื้อนุ่มเข้าเต็มเปานั่นเอง
“อูย...” มธุรสหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ มือเล็กยกขึ้นจับปลายจมูกโด่งอัตโนมัติ พร้อมแพขนตายาวงอนกะพริบปริบๆ แหงนหน้าขึ้นมองกำแพงหนาที่รองรับร่างอย่างเร็วไว
‘อ้าว...ตายจริง’ เธอเข้าใจผิดไปถนัดเลย ที่ชนไม่ใช่กำแพงแต่เป็นคน...ฝรั่งร่างยังกับตึกห้าชั้นเต็มๆ เลย
เมื่อความสูงของเธอเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเท่านั้น ส่วนกำแพงหนาความสูงเกือบสองเมตรเห็นจะได้ เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมา ในขณะที่เธอก็แหงนหน้าขึ้นไป ผลที่ได้คือ...
ริมฝีปากหนาร้อนประทับบนหน้าผากเนียนนุ่ม ทำเอาใจสาวน้อยที่ไม่เคยได้แนบชิดชายคนไหนมากไปกว่าคุณป๋าภาวัติสุดใจดี ถึงกับสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินซึ่งเหยียบย่างอยู่ไหวแยกแตกตัวอย่างรุนแรง
“คุณ!” รัศมีแห่งอำนาจและกลิ่นกายของบุรุษเพศทรงพลังมาพร้อมโคโลญ กลิ่นหอมอ่อนๆ ยิ่งทำให้หัวใจเล็กๆ ของสาวน้อยไม่ประสา สั่นไหวเหมือนเรือลำน้อยลอยละล่องอยู่ในลำนาวาที่มีคลื่นพายุโหมกระหน่ำ เปลวไฟร้อนผ่าวไม่รู้ว่ามาจากไหนวิ่งไหลวนในกระแสเลือด ไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียวคือใบหน้าซึ่งมองคนให้ความช่วยเหลืออย่างตื่นตะลึง
เพียงแค่ได้สบกับสายตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำและคมกริบราวกับดวงตาพญาเหยี่ยว ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนก็เหมือนกับเธอถูกสะกดจิต โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว กายอรชรอ้อนแอ้นอ่อนระทวยเหมือนถูกไฟช็อต ได้แต่ยืนนิ่งในอ้อมแขนใหญ่ เสียงในหัวใจเต้นตึกตักๆ ดังเข้ามาในหู ในลำคอแห้งผากพอๆ กับริมฝีปากที่ต้องยื่นปลายลิ้นเล็กออกมาไล้เลียอย่างไม่รู้ตัว
“เธอนี่มัน!” เมื่อได้ยลหน้าผุดผ่องขาวนวลเนียนใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด ล้อมกรอบด้วยเส้นผมหนาสีดำสนิทดูนุ่มน่าสัมผัส ทำเอาเขามองอย่างตะลึงงัน
“ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบผู้ชายแก่คราวพ่อกันนักฮึ!” ความเกรี้ยวกราดไม่รู้มาจากไหนทำให้ชายหนุ่มเผลอใส่อารมณ์กับคนตัวเล็กที่มาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะจับเธอมากดกอดและ...จูบ!
ยิ่งได้เห็นดวงตากลมโตเหมือนดวงตาสมันน้อยล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกเล็กโด่งได้รูปเชิดขึ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มอิ่มเต็มออกสีน้ำผึ้งระเรื่อน่าจูบ! กลิ่นเนื้อกายนางหอมกรุ่นเช่นดอกไม้แรกแย้มบานอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งน่าจะเป็นแป้งที่ลอยเข้าจมูกจนต้องสูดดมเต็มปอด ไหนจะเรือนกายนิ่มน่าจับต้องไปเสียทุกส่วน เพลิงโทสะในกายก็ยิ่งลุกโชน
“ทำไมฮึ! ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มีแล้วหรือไง ถึงได้คั่วไอ้แก่คราวพ่อน่ะ”
มธุรสงุนงงจนอ้าปากค้างที่อยู่ดีๆ ก็ถูกต่อว่าโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย “คุณ! ทำไม...ฉันจะรักจะชอบใคร มันหนักส่วนไหนของคุณล่ะ”
“เพราะฉันไม่ชอบ” โต้กลับเสียงกระด้างดุ
“เอ้า...คุณไม่ชอบแล้วเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ นี่มันชีวิตของฉันนะ จะรักชอบใครเกี่ยวอะไรกับคุณเล่า ปล่อยฉันนะ”