5
“โอ๊ย!! เธอนี่...” กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน ฉกใบหน้าแนบปากหนาบนเรียวปากอิ่มนุ่ม ขบกัดบดอย่างรุนแรงและดุดัน ไม่ปรานีให้อีกฝ่ายได้รู้จักคำว่าเจ็บ! อย่างที่เขาได้รับเช่นกัน
“อือ...อือ...”
ความตกใจยังน้อยกว่าความเจ็บ มธุรสรับรู้ถึงรสคาวปะแล่มๆ ของเลือดในอุ้งปาก เบี่ยงส่ายศีรษะหนีก็ทำไม่ได้ เพราะมือใหญ่จับตรึงท้ายทอยให้รับจุมพิตลงทัณฑ์อย่างถนัดถนี่ สองมือที่ระดมทุบตีอกกว้างถูกจับรัดติดลำตัวด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งเหมือนกับคีมเหล็กกล้า จนกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้ สองขาก็ถูกสอดแทรกระหว่างกลางจนทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
“ปล่อย...ฉันนะ”
โกรธที่ถูกตบ! จึงอยากลงทัณฑ์เธอให้สาสม แต่ปากนุ่มหวานราวกับน้ำผึ้งที่เคลือบอยู่บนช็อกโกแลต ทำให้ความตั้งใจแปรเปลี่ยนเป็นดูดซับและซอกซอนความหวานนุ่มละมุนละไมอย่างอ่อนโยนลง
“อืม...หวานมากเลย” ปากหนาขบกัดล่อหลอก สลับปลายลิ้นสอดแทรกไปกระเซ้าหยอกเย้า วาดไล้ฝ่ามือไปบนผิวกายเนียนนุ่มราวไหมอย่างชำนิชำนาญ พัดพาความวาบหวามซ่านไหว จนคนตัวเล็กที่พยายามฝืนต้านความปรารถนาถึงกับสั่นสะท้านหนาวสลับร้อนราวกับคนจับไข้
“อย่าขัดขืนสิสาวน้อย” เอ่ยพูดเสียงแหบห้าว กอดกระชับรัดร่างอรชรอย่างแนบชิดจนแทบไม่มีที่ว่างให้ลมพัดผ่าน ตวัดเรียวลิ้นสอดแทรกแยกสองกลีบปากอิ่ม ล่วงล้ำเข้าไปควานหาความหวานจากโพรงปากนุ่มอย่างหลงใหล เขาผ่านพบเจอมีสัมพันธ์กับผู้หญิงมาก็ตั้งมากมาย ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มเห็นจะได้ แต่ไม่เคยมีใครทำให้ร้อนรุ่มได้ถึงเพียงนี้
“ไม่...หยุดนะ” ถึงวาบหวิวมธุรสก็ยังพยายามต้านทานไฟร้อนที่ลามเลีย ในท้องน้อยปั่นป่วนเหมือนมีเกลียวน้ำไหลหมุนวน
“งั้นหรือสาวน้อย คิดต้านฉันจริงๆ หรือ” เธอหวานจนเขาหลงใหลใคร่อยากเป็นเจ้าของแม่เนื้อนุ่ม จนเลือดเดือดพลั่ก ฝ่ามือร้อนราวกับถ่านไฟสัมผัสทั่วร่างอรชรนุ่มนิ่ม หนักหน่วงสลับเนิบนาบบางเบาราวสายลมพัดโบกโบยพลิ้วไปตามปลายยอดหญ้า
แค่จุมพิตดูดดื่มราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่าง ก็ทำให้มธุรสถึงกับตัวสั่นเทาราวกับลูกนกพลัดตกลงไปในน้ำ นี่ยังถูกซ้ำด้วยมืออุ่นร้อนเคลื่อนไหวไปตามสัดส่วนเรือนกายอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ด้วยรู้ดีว่าควรแตะต้องตรงไหนทำให้เธอนั้นอ่อนแรง กายอ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟ เอนตัวอิงแอบร่างหนาใหญ่อย่างขอให้เขาเป็นที่พักพิงและเผลอสนองตอบไปอย่างอ่อนไร้เดียงสา
“อืม...” เสียงครางดังจากลำคอแกร่ง เมื่อสาวน้อยวัยละอ่อนหวานนุ่มราวน้ำค้างบนปลายยอดหญ้าสนองตอบ กายหนุ่มร้อนฉ่าราวกับยืนอยู่บนกองไฟ
ถึงรู้ดีว่าตรงจุดที่ยืนอยู่มีความเป็นส่วนตัวสูง ด้วยไม่ใช่บริเวณซึ่งคนทั่วไปและพนักงานเข้ามายุ่มย่ามได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเขาหรือเพื่อนอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกหวงแหนในตัวแม่สาวน้อยแสนหวานเพิ่งแรกเจอ ไม่อยากให้ใครได้เห็นเธอ! ทั้งๆ รู้ดีว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาสมควรจะเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเธอมีเจ้าของแล้ว!
ยังความคับแค้นขัดใจและโกรธกรุ่นแก่คนตัวใหญ่มิใช่น้อย ด้วยเสียดายที่เจอแม่เนื้อนุ่มช้าไป แต่ความต้องการซึ่งอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ สั่งให้เขาคิดหาหนทางเก็บแม่สาวน้อยเนื้อหวานเอาไว้เป็นนกน้อยในกรงทอง ในอ้อมกอดที่มีเพียงเขาเท่านั้นได้แตะต้อง!
ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว อีกทั้งจากจุดที่ยืนอยู่ ลับมุมต้นไม้ใหญ่คือประตูกระจกใส เปิดเข้าไปก็เป็นห้องทำงาน โลกส่วนตัวที่เขาจะได้เชยชมสาวน้อยอย่างเต็มที่ แต่เพียงแค่ย่อตัวลงสอดแขนใต้ข้อพับดันร่างอรชรขึ้นในวงแขนเท่านั้นเอง...
“อะแฮ่ม…”
เสียงกระแอมคุ้นเคยดังมาจากมุมหนึ่งไม่ไกล ถ้าดังเพียงแค่ครั้งเดียวหนุ่มฉวยโอกาสก็ไม่คิดใส่ใจอะไร แต่เมื่อดังซ้ำๆ อยู่หลายรอบจนคนที่ไม่อยากสนใจเกิดมีอารมณ์หงุดหงิด
ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นเพื่อนรักและเป็นหุ้นส่วนเกือบจะกึ่งหนึ่งในโรงแรมยืนยิ้มทำตากรุ้มกริ่ม แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทว่าดวงตากลับเปล่งประกายล้อเลียนเขาอิงกระจกแก้วใสอยู่
‘ไอ้บ้านี่มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ’ คนอารมณ์ไม่ดีชักสายตาเขียวเข้มตวัดใส่เพื่อนรักที่ทอดมองสาวน้อยร่างอรชรในอ้อมกอดเขาด้วยความอยากรู้กึ่งต้องการแกล้งให้เขางุ่นง่านเล่น
ความหวงแหนผุดขึ้นในหัวใจ อย่างเร็วแขนกำยำรวบกอดร่างอรชรแนบชิด จนแทบจมหายไปในอ้อมอกกว้าง ส่งประกายสายตาขุ่นเขียวตักเตือน ทว่าไอ้เพื่อนตัวดีกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และยิ้มอย่างรู้เท่าทันเสียอีก
“มองอะไรวะเดรก” ชักสีหน้าบึ้งตึงและไล่ด้วยสายตา แต่อีกฝ่ายกลับมองสบด้วยรอยยิ้มเสียอีก จนเขาอยากซัดหมัดใส่ตาเข้มฉายแววยิ้มได้นั่นจริงๆ
“มองอะไรสวยๆ งามๆ แถวนี้แหละ” มิโอเดรกตอบกลับน้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังอยู่ในลำคอ เพิ่งเห็นเพื่อนโกรธเขาเรื่องผู้หญิงก็คราวนี้เอง จนพานให้แปลกใจขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงนอกเหนือไปจากความบันเทิงเริงใจ ผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดจากการทำงานหนัก ถึงได้หวงแหนแม่สาวตัวเล็กอย่างกับตุ๊กตา ชนิดกอดไม่ยอมคลายแขนด้วยซ้ำ
อืม...นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางแกร่ง คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง นี่ถ้าเป็นอีกคนมาเห็นเข้า พายุทอร์นาโดคงลง อันนั้นไม่แปลกเลย แต่ชักอยากรู้ขึ้นมาตงิดๆ เพื่อนเขาจะรับมือสาวหนึ่งคือเพลิงไฟและอีกหนึ่ง...ตวัดสายตาเข้มมองปราดเดียวก็ให้แน่ใจแม่ตุ๊กตาตัวเล็กที่เขามองออกเลยว่าฤทธิ์มากมิใช่น้อยยังไง
มธุรสซึ่งถูกความสยิวซ่านทรวงเล่นงานจนร่างกายแทบละลายกลายเป็นน้ำ ได้สติคืนมาพร้อมความอายระคนโกรธ เธอถูกคนเพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกล่วงเกินเอา อย่างจาบจ้วงเสียด้วย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น
นัยน์ตากลมใสเปล่งประกายสีเพลิงวาบขึ้นมา ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากอวบอิ่มจนเจ็บแปลบ อัดสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มรัก เรียกความมั่นใจเติมความกล้าให้มากพอทำอะไรสักอย่าง พริกเม็ดเล็กอย่างเธอนี่แหละ จะทำให้คนฉวยโอกาสได้รับบทเรียนจากการเอาเปรียบผู้อื่น และเธอไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด!
ปลายนิ้วขยับเคลื่อนคลายจากการกุมเสื้อ ผลักดันร่างหนาพาตัวเองให้ห่างจากอ้อมแขนรัดรึง จนหายใจติดขัดออกช้าๆ เท้าบอบบางขยับเคลื่อนถอยไปด้านหลังทีละน้อย กะให้อยู่ในระยะอันเหมาะสมที่เธอจะสามารถเอาคืนไอ้คนฉวยโอกาสได้แล้ว...
“สำหรับไอ้คนสารเลวอย่างคุณ!”
เผียะ!!! เผียะ!!!
ฝ่ามือเล็กฟาดไปบนวงหน้าคมคร้ามเต็มๆ แรงถึงสองครั้งสองครา เห็นรอยแดงบนแก้มสากทันใจ แต่มธุรสยังไม่พอใจ เขากล้า...จูบเธอถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน เอาคืนแค่ครั้งเดียวจะไปสาแก่ใจอะไรล่ะ อย่างนี้มันต้อง...ซ้ำ!!!
“ไปตายซะไอ้สารเลว!” ตะโกนเสียงแหลมขณะสองแขนเรียวโอบรัดรอบคอแกร่ง โหนตัวเองขึ้นและ...
ปึก! เข่ามนตามติดอย่างไม่สนใจจะถูกส่วนใดของร่างกายพ่อคนจอมฉวยโอกาส เมื่อเอาคืนเสร็จเธอก็ผลักร่างหนาให้ถอยห่างไปและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
มิโอเดรกตอนแรกตกตะลึงคาดไม่ถึงว่าเพื่อนจะโดนทำร้าย ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น “ฮ่าฮ่า แกดูไม่จืดเลยว่ะไซม่อน”
ถ้าเป็นเรื่องเล่า เขาไม่เชื่อเลยนะ เพื่อนถูกตบจนหน้าหัน ก่อนถูกซ้ำด้วยเข่าจนจุกหน้าดำหน้าแดงอีก...แต่เห็นกับตานี่ ไม่เชื่อก็ไม่ได้ ยอมรับใจแม่สาวตุ๊กตานั่นจริงๆ ไม่คิดว่าจะแสบสันและกล้าหาญถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มหัวเราะอย่างครื้นเครง คราวนี้เพื่อนเขาได้เจอคู่ปรับสมน้ำสมเนื้อแล้วสินะ
อืม...นิ้วยาวยกขึ้นลูบปลายคาง ชักอยากรู้เสียแล้วสิ เพื่อนรักเขาจะจัดการกับแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบยังไง