บทนำ (1)

1698 คำ
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าย...คุณประณัย” เสียงหวานร้องดังออกมาไม่ เป็นภาษาเมื่อทุกส่วนบนร่างงามถูกลิ้นร้อนละเลียดไปตามเนินเนื้อนุ่มก่อนจะตวัดร่างบางระหงขึ้นมานั่งบนตักเพื่องามงับความเป็นชายของคนสูงวัยกว่า            ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกราคาแพง กระตุกยิ้มมุมปากค่อย ๆ ทิ้งตัวลงเพื่อกลืนกินแกนกายที่กำลังแข็งขืนช้า ๆ สายตาแห่งความปรารถนาจับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ อย่าท้าทายด้วยประสบการณ์ที่เจ้าหล่อนเองก็พอจะเจนจัดอยู่ไม่น้อยทำให้ร่างสูงที่รอคอยความสุขอยู่ใต้ร่างหลับตาพริ้มพึมพำออกมาแทบไม่เป็นภาษา            “อา...อย่างนั้นแหละ อื้ม...”            “ชอบไหมคะ” กันจิรา ดาราสาวแสนสวยที่หวังจะรวยทางลัดด้วยการคบหาแบบลับ ๆ กับนักธุรกิจที่อายุห่างกันเกือบสิบปี เพื่อวันหนึ่งหากอนาคตในวงการบันเทิงของเธอดับลง เธอจะได้มีที่พึ่งไว้เกาะกินในยามขัดสน            “ชอบสิจ๊ะ ชอบที่สุด...”            ประณัยเลื่อนมือหนาขึ้นไปลูบไล้ตามสีข้างบนผิวที่เนียนละเอียดก่อนจะบีบเฟ้นตรงเต้างามที่เจ้าหล่อนลงทุนไปเสริมมาจนเต็มไม้เต็มมือ            อารมณ์ปรารถนาที่ก่อกำหนัดขึ้นด้วยความคิดถึงโหยหาเพราะกันจิราต้องออกกองละครอยู่บ่อยครั้งมันยิ่งทำให้หล่อนร้อนแรงขึ้นจนความอัดอั้นที่จุกอยู่ตรงแกนกายมันพุ่งออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลให้คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่เบื้องล่างต้องเป็นฝ่ายคุมเกม            “อ๊ะ ! จะทำอะไรคะ” หญิงสาวสะดุ้งนิด ๆ เมื่ออีกฝ่ายถอดถอนตัวตนออกก่อนที่เขาจะจับเอวบางแล้วหันหน้าไปที่กระจกตรงระเบียงหลังห้องที่เผยให้เห็นวิวทะเลอันดามันถึงร้อยแปดสิบองศา            ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อมองทอดออกไปจากระดับชั้นที่เธอกำลังเล่นระบำกามานี้ ยังเห็นพนักงานบางส่วนกำลังทำงานอย่างกระตือรือร้น หากมีบางคนเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเห็นกิจกรรมสวาทครั้งนี้มันคงจะน่าอายอยู่ไม่น้อย            “ไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่เห็นหรอก” เสียงนุ่มทุ้มกระซิบบอกทางด้านหลังพลางขยับกายเข้าไปแนบชิดแผ่นหลังเปลือยเปล่า จับขาเรียวหนึ่งข้างยกสูงขึ้นก่อนที่เขาจะจับแกนกายสอดเข้าไปอีกครั้งจนสุดทาง            “อ๊ะ...ซี๊ด...”            “เป็นไง ชอบใช่ไหมล่ะ”            “อื้อ...ค่ะ ชอบมาก...” กันจิราหลับตาพริ้ม มือเรียวทั้งสองข้างดันกระจกเอาไว้ แม้เขาจะยืนยันว่ากระจกแบบนี้มันไม่สามารถมองเข้ามาได้ แต่ถึงกระนั้นหล่อนเองก็ยังรู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อย            เพี้ยะ !                “อ๊ะ ! ” ร่างบางผวาเฮือกเมื่อมือหนาฟาดลงบนสะโพกงามงอนนั้นสุดแรงจนเป็นรอยแดง ผมเผ้าที่สยายอยู่ทั่วแผ่นหลังถูกมือหนารวบไว้ออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้างามโฉบเฉี่ยวเงยขึ้น มองดูคล้ายกับกำลังขี่ม้าแสนพยศ            เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้องนานนับหลายนาที เมื่อคลื่นระลอกสุดท้ายกำลังจะถาโถมเข้าฝั่ง ประณัยจึงรีบถอดถอนตัวตนออกแล้วตวัดร่างงามให้นั่งลงคุกเข่าตรงหน้าเพื่อให้หล่อนจัดการกลืนกินทุกหยาดหยดเข้าไปในโพรงปากเล็ก ซึ่งกันจิราเองก็ไม่ได้ขัดขืน หล่อนเต็มใจใช้ลิ้นและริมฝีปากเล็ก ๆ ละเลียดดูดกลืนมันเข้าไปแต่ก็อดที่จะค้อนเขาเสียไม่ได้            “นี่คุณยังไม่เชื่อใจกันอีกเหรอคะ”            “ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ” คนสูงวัยกว่าเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นเจ้าหล่อนทำท่างอนแล้วหันไปทอดสายตามองวิวทะเลผ่านกระจกอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปสวมกอดร่างนั้นไว้จากทางด้านหลังเพื่อปลอบประโลม “คุณก็รู้นี่ว่าผมรักคุณมากขนาดไหน”            “แล้วทำไมคุณถึงยังไม่ยอมมีลูกกับกันสักทีล่ะคะ”            “คิดว่างอนเรื่องอะไร” ใบหน้าหล่อเหลาแม้จะเข้าสู่วัยฉกรรจ์วางบนไหล่เปลือยเปล่าของหญิงสาวเพื่อทอดมองไปยังวิวทะเลเบื้องหน้าของรีสอร์ทด้วยกัน “รอผมอีกหน่อยสิ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ยังไงรีสอร์ทที่นี่ก็ต้องเป็นของเราอยู่แล้ว”            “คุณก็พูดแบบนี้ตลอด พูดมากี่ครั้งแล้วคะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักที” กันจิราหน้าบึ้งเพราะกำลังตกอับ งานที่ทำมันเริ่มจะหดหายทำให้หล่อนต้องรีบหาที่พึ่งให้เร็วที่สุด            “ผมก็กำลังทำอยู่นี่ไง ผมต้องพิสูจน์ให้พี่วัฒน์เห็นว่าผมก็มีความสามารถ เขาจะได้เชื่อใจแล้วยอมยกรีสอร์ทรวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ให้ผมจัดการ”            “แล้วตาเหนือล่ะคะ ถ้าตาเหนือยังอยู่คุณคิดว่าพี่ชายคุณที่นอนร่อแร่ใกล้ตายจะยกทุกอย่างให้คุณเหรอ”            “ตอนนี้ตาเหนือยังเด็ก เขาจะมาเข้าใจอะไรกับการบริหารธุรกิจ ตอนนี้แหละผมต้องรีบพิสูจน์ตัวเองให้พี่วัฒน์เห็น” ใบหน้าของประณัยดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย เขาเองก็คิดไม่ตกขึ้นมาเหมือนกันเมื่อนึกถึงน้ำเหนือผู้เป็นหลาน ลูกชายคนเดียวของปราวัฒน์ เป็นเพราะเขาทำอะไรไม่เคยเป็นโล้เป็นพาย คนเป็นพี่จึงไม่ยอมเชื่อใจยกธุรกิจให้เขาดูแลสักที            “กันว่าแทนที่จะพิสูจน์ ทำไมคุณไม่จัดการทำอะไรที่มันเด็ดขาดได้แล้วล่ะคะ”            “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”            “ไม่รู้แหละค่ะ ยังไงคุณต้องรีบหาทางทำให้ทุกอย่างมาเป็นชื่อคุณให้ได้...”            ก๊อก ก๊อก ก๊อก            บทสนทนาเงียบหายไปเมื่อมีเสียงประตูดังขึ้น ทั้งสองจึงรีบผละจากกันก่อนที่ประณัยจะหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างไว้เพื่อจะออกไปเปิดประตู            “ว่าแล้วต้องเป็นแก” ร่างสูงเอนตัวพิงประตูห้องอย่างใจเย็นพลางปรายตามองน้ำเหนือ หลานชายเจ้าปัญหาที่กำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่หน้าห้อง “มีอะไรอีกล่ะ”            “นี่คุณอากำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ชาวบ้านกำลังตั้งกลุ่มประท้วงอยู่หน้ารีสอร์ท” เจ้าของดวงตาสีอำพันหรี่มองผู้เป็นอาด้วยความไม่ชอบใจ แม้อายุจะเพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนต้นแต่เขากลับถูกบิดาสร้างความหวังเอาไว้เพื่อโตขึ้นจะได้เข้ามาบริหารดูแลกิจการของครอบครัว ส่งผลให้เขาต้องตามประณัยผู้เป็นอามาที่รีสอร์ทแห่งนี้ แทนที่จะได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน            “พวกมันก็ไม่ได้มาครั้งแรกนี่ แกจะตีโพยตีพายไปทำไมกัน”            “เพราะพวกเขาไม่ได้มาครั้งแรกไง เราถึงต้องรีบจัดการ เพราะถ้าไม่รีบ พวกเขาก็ต้องมาอีก นี่คุณอาไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งหลับหูหลับตากันแน่ มิน่าล่ะคุณพ่อถึงไม่ยอมวางมือให้คุณอาสักที” เด็กหนุ่มตวาดลั่น ดวงตาสีอำพันตามแบบฉบับลูกครึ่งยุโรปที่ได้มาจากมารดาจ้องมองประณัยนิ่งอย่างไม่นึกเกรงทำให้คนที่โตกว่าถึงกับเลือดขึ้นหน้า            “นี่แก ! ”            “มีอะไรกันเหรอคะ” กันจิราที่แอบมองดูเหตุการณ์อยู่ในห้องเห็นท่าไม่ดีจึงแกล้งตีหน้าเป็นหญิงสาวแสนดีเดินเข้ามาห้ามเอาไว้เพราะเกรงว่าประณัยจะทำเสียแผนการฮุบสมบัติ “เสียงดังไปถึงข้างในเลย”            “ไม่มีอะไรหรอก คุณเข้าไปรอผมข้างในเถอะ” ประณัยเป็นคนตอบคำถามนั้นก่อนจะดันตัวหญิงสาวเข้าไปในห้อง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากปากของน้ำเหนือ            “ทำอะไรกันอยู่นี่เอง ถึงว่าเสียงดังจนไม่ได้ยินอะไร”            “หุบปากของแกซะ ! ” ชายหนุ่มฉุนจัดยกมือขึ้นเตรียมตะบันหน้าหลานชายคนเดียวด้วยความลืมตัวแต่ก็ถูกกันจิราห้ามไว้เสียก่อน            “อย่าค่ะคุณประณัย ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะ”            “ถ้าคุณอาไม่ว่าง งั้นผมลงไปเองละกัน เชิญทำต่อได้ตามสบาย ขอโทษด้วยที่ขึ้นมาขัดจังหวะ” น้ำเหนือโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินจากไปตามทางเดิน เมื่อลับหลังเด็กหนุ่ม ประณัยจึงหันไปเอ่ยถามกันจิราทันทีด้วยความไม่เข้าใจ            “คุณจะมาห้ามผมทำไม ไม่เห็นเหรอว่าเด็กนั่นมันตั้งใจจะถอนหงอกผม”            “เห็นสิคะ แล้วก็เข้าใจดีด้วย”            “แล้วคุณจะห้ามทำไม คุณน่าจะปล่อยให้ผม...”            “ก็เพราะคุณเป็นซะอย่างนี้ไงคะ คุณปราวัฒน์ถึงไม่ยอมยกธุรกิจให้สักที” หญิงสาวสวนกลับทั้งที่ประณัยยังพูดไม่ทันจบ เมื่อตั้งสติได้ กันจิราจึงรีบดึงตัวเขาเข้าไปคุยต่อในห้อง “คุณรีบแต่งตัวแล้วลงไปข้างล่างเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”            “นี่คุณจะให้ผมยอมทำตามที่เด็กเมื่อวานซืนนั่นบอกงั้นเหรอ”            “ใช่ค่ะ คุณเองก็รู้ไม่ใช่เหรอคะว่าชาวบ้านที่มาน่ะ เขาไม่ต้องการให้เราไปไล่ที่เขามาทำรีสอร์ท ถ้าเป็นอย่างนั้นโอกาสที่คุณจะพิสูจน์ให้พี่ชายคุณเห็นก็ต้องหายไปด้วย แล้วถ้าคุณปล่อยให้ตาเหนือลงไปคนเดียว คุณคิดเหรอว่าเด็กอย่างมันจะยอมไล่ที่พวกชาวบ้าน”            “จริงด้วย” ประณัยครุ่นคิด หลังจากที่ถูกกันจิราเรียกสติกลับคืนมาได้ เขาจึงรีบแต่งตัวแล้วลงไปด้านล่างเพื่อหาทางยุติการชุมนุมประท้วงทันที            “ออกไป ออกไป ! ”            “พวกเราไม่ต้องการรีสอร์ท ! ”            “พวกเรามาก่อน ทำไมต้องไล่พวกเราด้วย ! ”            “คิดว่ารวยแล้วจะมารังแกกันง่าย ๆ แบบนี้เหรอ ! ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม