" เห้ยยย!! จะทำอะไรเพื่อนผม " เด็กหนุ่มคนนึงเข้ามาห้ามฉันเพราะคงเห็นว่าหมอนี่เริ่มจะไม่ไหวแล้ว ฉันถกกระโปรงตัวเองขึ้นเพื่อจะได้ช่วยให้อ๊วกได้อย่างถนัด
" ทำอะไรน่ะหรอก็ให้เพื่อนนายอ๊วกยังไงล่ะ รู้มั้ยว่าหมอนี่ถูกวางยา! "
" วางยา!! " เด็กหนุ่มพวกนั้นพูดขึ้นพร้อมกันแล้วหันไปที่ยัยผู้หญิงคนนั้นทันที
" ปะ...เปล่านะ เราไม่ได้ทำนะ เหล้านี่เราก็ไม่ได้เป็นคนชงสักหน่อย พี่เอาอะไรมาพูดเนี่ยเพื่อนหนูเข้าใจหนูผิดหมดแล้วนะ "
ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธทันควันแล้วก็หันมาต่อว่าฉันพร้อมกับสีหน้าเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้ต่างจากสีหน้าตอนที่หมอนี่กินเหล้าลงไปเยอะเลย
ร้ายนะยะ!
" ปล่อยผมได้แล้วครับจะฆ่าผมรึไง " หมอนี่ปัดมือฉันออก ทุกคนก็มองฉันเป็นสายตาเดียวกันหมด บ้าจริง! ไม่มีใครเชื่อฉันเลยหรอ
ปั่งๆๆ!!! ?
พรึ่บบบบ!!
" ว๊ายยยย!!กรี๊ดดด!!! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! ใครมายิงกันแถวนี้ใครก็ได้ช่วยเปิดไฟให้หน่อย! กุกลัวความมืด หมอบลงๆ หนีสิวะอยู่ก็ตายฟรี! " อยู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ไฟในร้านดับสนิท ทุกคนในร้านต่างก็ตกใจกลัวแล้วก็แข่งกันโวยวายเสียงดัง ฉันไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรเกิดขึ้นแต่เท่าที่หูได้ยินและจากสายตาที่เริ่มจะโฟกัสความมืดได้ตอนนี้มีคนหลายคนกำลังวิ่งหนีกระสุนวุ่นวายไปหมด อาหารที่อยู่บนโต๊ะก็ล่วงหล่นกระจัดกระจาย
ปั่ง!!! ?
กรี๊ดดด!!!
" อย่าวิ่งนะครับ! ขอให้ทุกคนอยู่กับที่ ตอนนี้ทางร้านเราโดนโจรปล้นแต่ตอนนี้จับตัวคนร้ายได้แล้วและกำลังเร่งซ่อมมิเตอร์ไฟให้อยู่ ใจเย็นๆ นะครับลูกค้า " เสียงผู้ชายคนนึงตะโกนขึ้นท่ามกลางคนที่วิ่งหนีความตาย ขณะที่ฉันก้มหมอบลงอยู่ที่พื้นเพื่อป้องกันตัวเองอยู่นั้นก็มีใครคนนึงฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นแล้วพาฉันวิ่ง
แต่แปลกที่ผู้ชายคนนี้เหมือนจะคุ้นชินกับทางเข้าออกของร้านเป็นอย่างดีหรือว่าจะเป็นพนักงานของร้านกันนะ
" แฮ่กกกๆๆ! ปล่อยฉันนะคุณเป็นใครมาจับแขนฉันทำไมแล้วพาออกมาแบบนี้ถ้าเจอพวกโจรเข้าจะทำยังไง! " ฉันต่อว่าออกไปพร้อมกับที่ต้องก้าวตามฝีเท้ายาวของใครสักคนให้ทัน เขาเอาแต่พาฉันวิ่งไม่หยุด ฉันก็ออกอาการหอบเหนื่อยไม่หยุดเช่นกัน
ชุดกับรองเท้าของฉันมันเหมาะกับการวิ่งที่ไหนเล่า!
ปั่ง!! ?
" ว๊ายยย!! " ฉันที่พึ่งจะแว้ดๆ ใส่พนักงานชายก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้เจ้าของมือต้องหยุดวิ่งแล้วดึงฉันเข้ามาหลบยังซอกมุมหนึ่งของร้านเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้นอีกละลอก
ไหนเมื่อกี้บอกว่าจับโจรได้แล้วไง!
" ชู่! อย่าเสียงดังสิครับเดี๋ยวพวกมันก็ได้ยินหรอก " เสียงของพนักงานชายเอ่ยกับฉันอย่างระแวดระวัง
" นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฉันยังไม่อยากตายนะ ฉันยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนเลย! ฮือออ~ " ฉันโอดครวญอย่างเก็บอาการกลัวไม่อยู่ กลัวตายก็กลัว กลัวไม่มีผัวก็กลัว
" เวลาน่าสิ่วน่าขวัญยังจะคิดเรื่องนี้อีกหรอครับ " เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอยู่ไม่ไกลจากฉัน เรียกได้ว่าหน้าแทบจะชนหน้าเลยล่ะ
" แน่นอนสิยะ! " หลังจากนั้นก็ไม่มีการสนทนาใดๆ อีกนอกจากเสียงลมหายใจแผ่วเบา
ผ่านไปราวๆ สิบนาทีเมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบ มือนุ่มข้างเดิมก็จับมือฉันให้เดินไปตามทางเล็กๆ ซึ่งฉันก็ไม่คุ้นเคยเพราะมันมืดจนเกินไปฉันกับพนักงานเดินจับมือกันออกมาตลอดทาง มือที่ชุ่มเหงื่อมันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
" ตรงนี้น่าจะปลอดภัยแล้วนะครับ " พอเราสองคนเดินโผล่ออกมาที่ถนนหลักได้ แสงไฟจากสองข้างทางทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
นี่ฉันรอดแล้วใช่มั้ย
" น่ะ..นาย! " ฉันที่มัวแต่ดีใจอยู่เลยยังไม่ทันได้สังเกตุว่าคนที่ช่วยฉันให้รอดตายมาได้คือน้องป่าของฉัน
แสดงว่าเมื่อกี้นี้ฉันได้จับมือน้องเขาอย่างนั้นหรอ อร๊ายยย!! รู้งี้ในซอกหลืบนั่นจับจูบปากซะก็ดีหรอก
" กลับเองได้ใช่มั้ยครับ " หมอนั่นทำหน้าเย็นชาใส่ฉันอีกแล้วไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นนี้เลย โคตรอบอุ่น
" ไม่ได้หรอกฉันยังตกใจอยู่เลย นายช่วยไปส่งฉันหน่อยได้มั้ย " ฉันแสดงสีหน้าที่ยังรู้สึกหวาดกลัวออกมาพร้อมกับน้ำเสียงที่น่าสงสาร
อย่างน้อยแค่ได้นั่งรถไปด้วยกันก็ยังดี
โทษทีนะก็ฉันไม่ใช่นางเอกในละครไทยนิ ฉันน่ะร้ายสุดๆ เลยล่ะ!
หมอนั่นไม่ได้พูดอะไรแต่เดินไปโบกแท็กซี่แทน พอได้ยินจุดหมายปลายทางที่บอกกับแท็กซี่ก็ทำเอาฉันหัวใจพองโตขึ้นมาอีกครั้ง
" ไปลาดพร้าว6 enjoy อพาร์ทเม้นครับ " เท่านั้นแหละฉันก็กระโดดขึ้นแท็กซี่โดยที่ไม่ต้องให้เรียก
เราสองคนนั่งอยู่ด้านหลังโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงเสียงเพลงลูกทุ่งที่ลุงโชว์เฟอร์เปิดคลอเบาๆ เท่านั้น
" นายเป็นอะไรน่ะ " ฉันถามเพราะสังเกตุเห็นว่าหมอนั่นท่าทางจะร้อนทั้งที่แอร์รถก็เย็นขนาดนี้
" เปล่าครับ "
" ไม่จริงหรอก ไหนขอฉันดูหน่อย " ฉันเอื้อมมือไปอังตรงหน้าผากแล้วถือวิสาสะจับมือเพื่อเช็คดูว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าแต่ปรากฎว่าเนื้อตัวหมอนั่นกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อจะว่าเป็นไข้ก็ไม่น่าจะใช่
" อย่าจับตัวผม " หมอนั่นสลัดมือฉันออกอย่างหวงเนื้อหวงตัว เชอะ! ก็แค่เป็นห่วงหรอกน่า ไม่ได้จะแต๊ะอั๋งสักหน่อย
" นายเป็นอะไรบอกฉันสิ " คราวนี้ฉันขยับเข้าไปใกล้ หมอนั่นก็ขยับหนีจนไปชิดอีกฝั่งนึง
ให้ตายสิเห็นฉันเป็นตัวเชื้อโรครึไง!
" อยู่เฉยๆ! " ฉันเอ่ยเสียงดังเหมือนเวลาที่แม่ดุลูกชายล่ะมั้ง มือสองข้างของฉันจับหน้าหมอนั่นเอาไว้เพื่อให้มองหน้าฉัน
" ปะ...ปล่อยผม "
" ไม่ปล่อยจนกว่าฉันจะรู้ว่านายเป็นอะไรกันแน่ " มือเล็กของฉันลูบไล้ตามกรอบหน้าหล่อใสแล้วเลื่อนจากหน้าผากลงมายังใบหูและซอกคอแล้วก็เลื่อนต่ำลงมาอีกจนกระทั่งสะดุดอยู่ที่หน้าอกกว้าง ฉันลูบวนเบาๆ อย่างชำนาญ ดวงตาเรียวรีของฉันจ้องคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังถูกมนต์สะกด
บ้าจริง! กะจะแกล้งหมอนี่สักหน่อยทำไมเป็นฉันที่หวั่นไหวซะเอง
" อ่าาา ถอยอะ...ออกไปครับ ผม...อืมมม " หมอนั่นพูดเสียงตะกุกตะกักผิดปกติแต่ถ้าฟังดีๆ เสียงแบบนี้ อาการแบบนี้มัน...
อย่าบอกนะว่ายานั่นไม่ใช่ยานอนหลับแต่เป็นยาปลุกเซ็กส์!
" นายรู้สึกแปลกๆ กับร่างกายอยู่ใช่มั้ยแล้วไอ้นั่นของนายตอนนี้ก็คงจะ.....!! "
" หยุดพูดเลยนะครับ ผมมะ...ไม่เป็นอะ...อาาไร " ทั้งที่ใบหน้านี่เห่อร้อนขึ้นมาหมดแล้วแถมยังกัดปากตัวเองยั่วยวนฉันด้วยแต่ยังจะทำปากแข็งอีกนะ
คนอะไรเวลาเ****นน่ารักเป็นบ้าเลย!
" นายโดนยาปลุกเซ็กส์อยู่รู้ตัวมั้ย " ฉันกระซิบบอกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวานหู หมอนี่คงจะพยายามเก็บอาการเ****นอยู่น่ะ
" ไม่ต้องห่วงผมจัดการได้คะ...ครับ! "
" นายจะจัดการยังไง นี่มันไม่ใช่ไข้หวัดนะที่พอนอนพักแล้วจะหายน่ะแล้วก็อีกตั้งไกลกว่าจะถึง ให้ฉันช่วยนายดีกว่า ลุงคะช่วยจอดม่านรูดข้างหน้าให้ด้วยค่ะ! "
" ม่านรูดงั้นหรอครับ กำลังคิดจะทำอะไร " หมอนี่แสดงสีหน้าตกใจพอๆ กับลุงโชว์เฟอร์ แม้น้ำเสียงจะส่อไปทางไม่ไว้ใจฉันก็จริงแต่บอกเลยว่าสีหน้าบ่งบอกว่าต้องการปลดปล่อยเต็มทนแล้ว
" อยู่เฉยๆ ไปเถอะน่าา ลงมาได้แล้ว น้องช่วยทีสิ " พอลุงโชว์เฟอร์เลี้ยวเข้ามาจอดในม่านรูดฉันก็ดึงหมอนี่ลงมาโดยมีพนักงานชายเข้ามาช่วยฉันพยุงเข้าไปภายในห้อง ฉันยัดแบงค์สีแดงใส่ในมือพนักงานชายก่อนจะใช้เท้ายันประตูเพราะแขนสองข้างของฉันต้องแบกรับน้ำหนักของหมอนี่อยู่
" จะทำอะไรผมน่ะปล่อยผม ผมจะกลับบ้าน อ่าาา~!! " หมอนี่ปัดป่ายมือของฉันเป็นพัลวัลแล้วพยายามจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ก็ถูกฉันก็กดลงเตียงหนานุ่มได้อยู่ดี
" ก็จะถอดเสื้อให้นายไงล่ะถามได้! " เสียงหวานของฉันเอ่ยพร้อมกับค่อยๆ ลงมือแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดจนหมดทีนี้ก็เหลือแค่เข็มขัดกับกางเกงเท่านั้น มือนี่สั่นระริก
" อย่าทำแบบนี้ครับ อ่าาาอืมมม!! " น้ำเสียบแหบพร่าปฏิเสธการกระทำของฉันอย่างอ่อนโยน
" อยู่เฉยๆ แล้วนายจะสบายตัวเชื่อฉันสิ! "