บทที่11
ผีอำ
กลางดึกคืนนั้นเมย์เดินออกมาเข้าห้องน้ำก็เห็นเพื่อนรักอย่างอลิสากำลังนั่งเขียนนิยายอยู่เธอจึงไม่อยากรบกวน จึงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ แต่พอออกมาก็เห็นเพื่อนยืนนิ่งอยู่กลางบ้าน ยืนก้มหน้าเฉยๆ ไม่ทันที่จะทักคุณสิบทิศก็เดินออกมาจากห้องนอน เธอจึงหันไปมองแต่พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นเพื่อนนั่งเขียนนิยายเหมือนเดิม
“คุณเมย์ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“กำลังจะนอนค่ะ เมย์ออกมาเข้าห้องน้ำและคุณสิบทิศล่ะคะ”
“ผมว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณลิสาครับ”
“ดีเลยค่ะ เมย์ฝากด้วยนะคะ” เมย์ปล่อยให้เพื่อนได้อยู่กับคุณสิบทิศเผื่อว่าทั้งสองคนจะอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง
ทันทีที่สิบทิศเดินมานั่งอลิสาก็หันมายิ้มให้ ทั้งสองพูดคุยกันหยอกล้อกันจนสิบทิศพูดถึงเรื่องที่หลวงพ่อบอก อลิสาจึงเงียบไป เธอเปิดนิยายที่เขียนให้สิบทิศได้อ่านตอนล่าสุด
ทศพลพาผู้ใหญ่มาสู่ขอแม่หญิงอุษาโดยที่แม่หญิงอุษาเกิดความลังเล เพราะพี่สาวอย่างอัญชลีมีอาการเหมือนคนตรอมใจ วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่ในเรือนไม่ยอมออกไปไหน จนแม่หญิงอุษาต้องเข้าไปหาเพื่อถามไถ่อาการ
“พี่จักให้น้องทำเยี่ยงไรเจ้าคะ หากน้องทำให้พี่กลับมาเป็นแม่หญิงอัญชลีคนเดิมได้ น้องยอมเจ้าค่ะ”
“สลับตัวกับพี่สิ เจ้าทำได้หรือไม่ เจ้าก็รู้ว่าพี่นั้นรักท่านขุนมานานแค่ไหนใยเจ้าถึงกล้าตกปากรับคำท่านเจ้าพระยาแม่อุษา!!”
“พี่อัญชลี....น้อง...”
“เจ้าก็รักท่านขุนใช่หรือไม่!!”
สองพี่น้องมีปากเสียงกันอยู่บนเรือนจนบ่าวไพร่ต่างพากันหนีลงมา เมื่อเรื่องราวดังไปถึงหูคุณหญิงแย้ม คุณหญิงแย้มจึงต้องรีบขึ้นเรือนมาจัดการพี่น้องที่ทะเลาะกันเรื่องผู้ชาย
ใช่ว่าคุณหญิงแย้มจะไม่รู้ว่าอัญชลีนั้นหมายปองท่านขุนขนาดไหน แต่ในเมื่อฝ่ายชายเขาเลือกแม่หญิงอุษาก็ต้องยอมรับความจริง ท่านขุนไม่ใช่ผู้ชายมักมาก ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาถึงหู ตนจึงยินยอมที่จะให้ลูกสาวคนเล็กออกเรือนกับท่านขุนลูกชายของท่านเจ้าพระยา
แต่ทว่ามันกลับทำให้ลูกสาวคนโตเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน ผู้เป็นแม่ก็เจ็บใจไม่แพ้กัน
“ตัดอกตัดใจเถิดแม่อัญชลี พ่อทศพลเขารักแม่อุษา”
“คุณแม่ออกไปเถิดเจ้าค่ะ ลูกอยากอยู่คนเดียว!”
“เฮ้ออ แม่อัญชลีหากเจ้าอยากออกเรือน แม่จะให้คุณพ่อของเจ้าหาคู่หมายให้เอาหรือไม่”
“ไม่!! ยังไงลูกก็จะแต่งกับท่านขุน!!”
แม่หญิงอุษาได้แต่ก้มหน้าลงจนผู้เป็นแม่ต้องพาออกมาเพื่อคุยถึงเรื่องราวที่ดูหนักหนาเหลือเกิน เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วคุณหญิงแย้มจึงให้บ่าวนำเรือออกเพื่อเดินทางไปยังเรือนของท่านเจ้าพระยา
มาถึงก็เจอพ่อทศพลกำลังฝึกดาบกับบ่าวในเรือนพอดี คุณหญิงอุไรผู้เป็นแม่ของทศพลจึงออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ทั้งสองรอให้ทศพลซ้อมดาบเสร็จจึงให้บ่าวไปตามเพื่อมาหาลือกัน
“พ่อทศพลป้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”
“อะไรขอรับ”
“พ่อทศพลรู้ใช่ไหมว่าแม่อัญชลีคิดอะไรกับพ่อทศพล”
ทศพลพยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจ จนผู้ใหญ่ฝั่งตนถอนหายใจตาม คุณหญิงแย้มจึงรวบรวมความกล้าที่จะพูดออกมา
“หากป้าอยากให้พ่อทศพลออกเรือนกับลูกสาวของป้าทั้งสองคน พ่อทศพลจะยอมไหม”
ปึ้ง! เสียงหน้าต่างที่ถูกลมพัดทำให้สิบทิศต้องรีบเดินไปปิด นิยายที่อลิสาเขียนเธอยังเขียนไม่จบ สิบทิศเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วทศพลจะเลือกแต่งงานกับแม่หญิงอุษาหรือจะแต่งกับสองสาวเลย
“วันนี้น่าจะมีพายุ ผมว่าคุณอลิสาเข้าไปนอนดีกว่านะครับ”
“นั่นสิคะ คุณสิบทิศก็เหมือนกันอย่านอนดึกมากสิพรุ่งนี้คุณต้องทำงานไม่ใช่เหรอคะ”
“ครับ” ผมรอจนคุณลิสาเข้าห้องถึงได้กลับมานอนที่ห้องตัวเอง อยากรู้จังว่าสรุปแล้วทศพลเลือกที่จะแต่งงานกับใครกันแน่
ด้านอลิสาเมื่อหัวถึงหมอนเธอก็หลับสนิทเหมือนคนไม่ได้นอนมานาน แต่เมย์กลับนอนไม่ค่อยหลับ ภาพของเพื่อนที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นยังคงติดตาไม่หาย เมื่อเธอลืมตามากลางดึกก็รู้สึกว่าเพื่อนกำลังนอนดิ้นจึงหันไปมองพร้อมกับเพ่งสายตาไปที่เพื่อน
ภาพที่เมย์ได้เห็นทำเอาเธอแทบร้องไม่ออก ตอนนี้มีผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณยืนเหยียบหน้าอกเพื่อนอยู่ในท่าที่เธอได้เห็นอลิสายืนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
“กรี๊ดดดดด!!!”
“เฮือกกก!!”
เสียงกรี๊ดของเมย์ทำให้อลิสาหลุดจากภวังค์สิบทิศที่นอนอยู่จึงรีบวิ่งมาเคาะประตู เมย์จึงกระโดดลงจากเตียงเพื่อไปเปิดประตูให้สิบทิศได้เข้ามา
อลิสาลุกขึ้นมานั่งมือก็จับไปที่หน้าอกของตัวเอง เมื่อกี้เธอเหมือนโดนผีอำรู้ทุกอย่างแต่ขยับตัวไม่ได้เลย สิบทิศรีบเข้ามาถามไถ่เรื่องราวจนเมย์ต้องรีบเล่าเรื่องราวให้ฟัง สิบทิศมองไปที่ข้อมือของอลิสาเมื่อไม่เห็นกำไลที่ตนใส่ให้ก็ถอดของตัวเองให้เธอใส่ทันที
“มึงกูว่าอย่าอยู่ที่นี่เลย มันน่ากลัวมาก”
“มึงตาฝาดหรือเปล่าเมย์”
“ไม่มึง กูไม่ได้ตาฝาด ก่อนที่กูจะกรี๊ดมันหันมามองหน้ากูด้วยฮือออ กูกลัววว”
สิบทิศจับมือของอลิสาเอาไว้จนเธอมองหน้าสิบทิศด้วยความกังวล เธอรู้สึกเหมือนโดนผีอำแต่มันอาจจะเป็นเพราะเธอนั่งทำงานนานจนร่างกายมันปวดเมื่อยก็ได้
“ถ้าคุณกลัวเดี๋ยวผมมานอนที่พื้นก็ได้นะ โอเคไหม”
“ดีค่ะคุณสิบทิศ พรุ่งนี้เมย์จะกลับแล้วไม่เอาแล้วกลัวฮือออ”
“งั้นคุณรอผมแป๊บนึงนะลิสา”
“ค่ะ”