อาหารมากมายถูกยกมาวางเบื้องหน้าฉัน ฉันส่งยิ้มพอเป็นมารยาทให้นักบุญที่ยกมาเสริฟ์
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องอาหารของโบสถ์ หลังจากผ่านพิธีชำระล้างที่นึกถึงทีไรก็อดหน้าแดงไม่ได้ เกลก็นำชุดนักบวชหญิงมาให้ฉันสวม ห้องอาหารของโบสถ์มีขนาดใหญ่ นักบุญจำนวนมากมาร่วมรับประทานอาหาร สายตาที่มองมาเงียบๆ ทำเอาฉันแอบๆ เกรงอยู่เหมือนกัน
ฉับพลันมีจานข้าวมาวางตรงหน้าพร้อมบุรุษที่คุ้นเคย
“ฮาลัว…” ฉันส่งยิ้มให้ฮาลัวจนตาปิด เอาล่ะอย่างน้อยคงไม่ต้องนั่งทานข้าวเกร็งๆ อยู่คนเดียวอีกแล้ว
“ทานเถอะ..ลีอา”
ฉันเอื้อมมือหยิบขนมปังขึ้นมากัดเบาๆ
“นักบุญหญิงลีอา…”
มีจานข้าวอีกหลากหลายจานมาวางด้านหน้าฉัน นักบุญหนุ่มน้อยใหญ่หน้าแดงและพยายามเข้ามาทักทาย
ฉันได้แต่ยิ้มปนหัวเราะ
“ท่านฮาลัวรู้จักกับนักบุญหญิงลีอาด้วยหรือครับ” คำถามมากมายพุ่งเป้าไปที่ฮาลัว
ฮาลัวตักซุปเข้าปากแล้วถอนหายใจ
“ข้าสนิทกับแดนเนียล ลูกสาวแดนเนียลก็เหมือนลูกสาวข้า” ฮาลัววางช้อนลงบนโต๊ะเสียงดัง
“ใครกล้าหมิ่นเกียรตินางข้าจะจัดการให้สาสม!!!”
พอฮาลัวพูดจบพวกนักบุญทั้งหลายก็เริ่มแยกย้ายกลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง
“ท่านหญิงโปรดอย่าใส่ใจพวกเขาเลยครับ….”
ฉันยิ้มให้ฮาลัว
“ฮาลัวในคราวที่แล้วข้าเองก็ไม่ประสีประสาเรื่องชายหญิง…ท่านกล่าวเช่นนี้จากนี้ไปมิใช่ข้าต้องครองโสดจนแก่งั้นหรือ”
ฮาลัวสะดุ้งก่อนเขาจะรีบก้มหัวขอโทษ
“หากท่านหญิงอยู่ครองโสดจนแก่เฒ่า ข้าจะดูแลท่านหญิงเองครับ”
ฉันหัวเราะ แล้วเอื้อมมือหยิบช้อนตักซุปเข้าปาก
“กว่านางจะแก่เฒ่ามิใช่ว่าท่านตายแล้วหรือ???”
“แค่ก…แค่ก” ฉันสำลักซุปทันทีที่ได้ยิน มีมือยื่นมาลูบหลังฉันเบาๆ พร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้
ฉับพลันคนในห้องอาหารก็ลุกขึ้นทำความเคารพ หลังจากเช็ดปากเสร็จฉันก็หันไปมองปรากฏร่างคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดตอนนี้ เขาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ ฉันแล้วหยิบขนมปังขึ้นมากิน
“ท่านเลออน….”
“เป็นไปได้ยังไงท่านเลออนปรากฏตัวที่ห้องอาหาร ตบหน้าข้าทีข้าฝันไปรึป่าว”
เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ขึ้น ฉันไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับคนที่พึ่งเห็นส่วนลับกันไป จะว่าส่วนลับก็ไม่ถูกเพราะไม่เห็นถึงขนาดนั้น โอ้ยยยย ไม่รู้ด้วยแล้ว
ฉันลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีไปก็มีมือมาจับแขนฉันพอหันไปมองก็เห็นเจ้าของเรือนผมสีเงินมองหน้าฉันด้วยคำถาม
“นั่งลงกินข้าวก่อนลีอา…”
“ข้า…อิ่มแล้วค่ะ”
“วันนี้เจ้าต้องใช้พลังงานจำนวนมาก กินแค่นั้นไม่พอหรอก”
เขาดึงฉันให้นั่งลงข้างๆ แล้วตักซุปพร้อมด้วยขนมปังให้
“อีกอย่างต่อไปนี้ไม่ต้องมากินข้าวที่นี่จัดที่นั่งในห้องรับรองเพิ่มให้ลีอาด้วย”
ท่านเลออนหันไปสั่งนักบุญชราข้างกาย เขายกยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้า
“กระหม่อมมีชื่อว่าเดกุช เป็นผู้จัดการสิ่งต่างๆ ในโบสถ์ครับเลดี้ลีอา” ชายชราเดินมาแนะนำตัว ฉันได้แต่ยิ้มให้อย่างงงๆ
ท่านเลออนยังคงไม่ปล่อยมือที่จับฉันทีแรก
“เอ่อ…ท่านเลออนคะ…มือ”
“ข้ากลัวเจ้าจะลุกหนีไปอีก…ทานไม่สะดวกหรือ ให้ข้าป้อนไหม???”
ฉันมองแววตาที่เปร่งประกายของท่านเลออนแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งกลับไป ฉันยกมืออีกข้างขึ้นมาตักซุปถึงแม้จะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าให้เขามานั่งป้อน
ฉันส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากฮาลัว แต่ฮาลัวเองเอาก้มหน้ากินข้าวแสร้งทำเป็นไม่เห็นซะงั้น
และแล้วการทานอาหารที่แสนกระอักกระอ่วนก็ผ่านไปตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว ฉันนั่งอยู่ในห้องที่น่าจะใช่ห้องหนังสือ เพราะมีหนังสือจำนวนมากถูกจัดเรียงบนชั้น หนังสือกว่ายี่สิบเล่มถูกวางกองไว้ด้านหน้าฉัน เดกุชส่งยิ้มให้ก่อนจะวางถาดของคุกกี้และน้ำส้มคั้นไว้ด้านข้าง
“หนังสือทั้งหมดนี่…ข้าต้องอ่าน…”
เดกุชส่งยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้าให้ก่อนเขาจะเดินออกไปจากห้อง
เป็นนักบุญหญิงภายในหนึ่งสัปดาห์ พอได้ฟังที่ท่านเลออนพูดก็พยายามทำใจแล้วว่าต้องหนักหนาแน่ๆ แต่ใครจะคิดว่าต้องหนักหนาขนาดนี้
ฉันถอนหายใจแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ หนังสือตำราต่างๆ ที่แสนยากเย็นการสอนใช้เวทย์มนต์รักษา เวทย์มนต์ปัดเป่า ฉันอ่านเล่มสุดท้ายแล้วก็ต้องขนหัวลุก เวทมนต์ต้องห้าม!!!
ฉันเปิดอ่านอย่างเบามือ
การร่ายเวทย์ต้องห้าม
คาถาลุ่มหลง คาถาหยุดเวลา คาถาฟื้นคืน คาถาลบลืม คาถา……
ยิ่งอ่านยิ่งน่าสนใจจนไม่สามารถหยุดอ่านได้ พออ่านจนจบเล่มแล้วก็ได้รู้ว่าคาถาต่างๆ เป็นการบรรยายถึงเท่านั้นไม่ได้มีวิธีร่ายคาถา เป็นเพียงสิ่งที่รู้ว่าต้องห้าม
ฉันขมวดคิ้ว
นี่ราวกับมาปลุกความอยากรู้อยากเห็นในตัวเลยแฮะ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดหมดแล้ว ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจเบาๆ พอเปิดประตูออกไปก็พบกับสาวใช้สองคนยืนรออยู่หน้าห้อง
“เลดี้ลีอาพวกเราจะพาท่านหญิงไปยังห้องนอนค่ะ”
สาวใช้ทั้งสองพาฉันเดินไปตามโถงทางเดิน จนหยุดที่หน้าประตูห้องบานใหญ่ที่มีเดกุชยืนยิ้มรออยู่
“เชิญเลดี้ลีอา ขอให้มีค่ำคืนที่ดี…”
ฉันมองเดกุชที่ก้มทำความเคารพแล้วเดินจากไปอย่างงงๆ ค่ำคืนที่ดีอะไรกัน ขอแค่ได้นอนก็คือค่ำคืนที่ดีแล้วงั้นเหรอ???
ฉันเปิดประตูเข้าไปก็พบเกลกำลังยืนรออยู่
“เตรียมน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้วค่ะเลดี้” ฉันพยักหน้า
“ออกไปเถอะเกล เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เกลวางเสื้อผ้าไว้ให้ฉัน ก่อนจะเดินออกไป
ฉันเดินมาบริเวณห้องอาบน้ำ ปรากฏอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีดอกกุหลาบลอยอยู่ ฉันเดินลงไปแช่น้ำพรางมองรอบๆ ห้อง
เป็นสถานที่ที่หรูหราไปเสียหมดทุกอย่าง….หรูหรากว่าคฤหาสน์ของแกรนด์ดยุคเดอนีเซียที่ฉันเคยอยู่ด้วยซ้ำ
อีธาน….ฉันยังคงสงสัยเกี่ยวกับตัวเขามาจนถึงป่านนี้
ระหว่างเราห่างไกลคำว่ารักเกินไป เกินกว่าที่เขาจะยอมทำลายตัวเอง ทำลายดินแดนทางเหนือที่เขาสร้างมา
ยอมทำสัญญากับซาตานเพื่อฟื้นคืนชีวิตแกรนด์ดัชเชส???
ฉันแค่นหัวเราะให้คำที่ได้ยิน จะให้ฉันฟื้นคืนเพื่ออะไรกัน ให้เขาได้ฆ่าฉันซ้ำๆ อย่างนั้นเหรอ?
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกัน ไม่สิ ใช้คำว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะเราไม่เคยอยู่ร่วมกันด้วยซ้ำ
คนสารเลวนั่น……ฉันอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือคู่นี้เสียจริง
ฉันนั่งถอนหายใจด้านหน้าเป็นกระจกบานใหญ่ ในกระจกปรากฏดรุณีน้อยใบหน้างดงาม น้ำอุ่นทำให้ใบหน้างดงามแดงระเรื่อ ผิวที่ขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากอวบอิ่ม
เลลีอา ก็เป็นสตรีที่งามงดหาได้ยากผู้หนึ่ง ฉันไม่แปลกใจที่พี่เขย และพี่วิเวียนไม่ให้ลีอาออกงานสังคมใดๆ เก็บเธอซุกซ่อนไว้ราวกับไข่ในหิน ท่านพี่วิเวียนคงจะกลัวเป็นเหมือนฉันสินะ
ทุกงานสังคม งานของราชวงศ์ หรืองานของสมาคมใดๆ บุรุษมากมายต่างรอพบหน้าเลดี้รินา กันทั้งนั้น ความงามที่กล่าวถึงแม้แสงจันทร์ยังต้องหม่นหมอง เมื่อรินายืนอยู่
คำสั่งให้แต่งงานกับแกรนด์ดยุคเดอนีเซียราวกับหินก้อนหนักๆ ที่ทุ่มใส่ในหัวฉัน
ความรู้สึกที่เจ็บปวด หน่วงในใจทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนจะเดินไปดินแดนเดอนีเซียนี้คืออะไร ราวกับหลงลืมสิ่งสำคัญไป ทั้งๆ ที่จำไม่ได้ว่าเคยมีคนรักแท้ๆ ทำไมรู้สึกราวกับคนอกหัก
ฉันลุกขึ้นเช็ดตัวแบบลวกๆ แล้วสวมชุดนอนเดินออกมา ฉันเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่าง
วิวจากหน้าต่างที่แม้จะงดงามแค่ไหนมองกี่ทีก็ราวกับมองเห็นรินาคนเดิมที่ได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่คิดต่อสู้ใดๆ ยอมโดนทำร้ายจนตรอมใจตาย
ฉันมองไปด้านนอกหน้าต่าง กลิ่นดิน กลิ่นน้ำค้างลอยเข้าจมูก คืนนี้ดวงจันทร์เต็มดวงสาดแสงส่องให้เห็นด้านนอกได้อยากชัดเจน
ฉันจะไม่กลับไปเป็นรินาคนเดิมอีกแล้ว คนที่อ่อนแอและยอมโดนรังแก คราวนี้ฉันต้องปกป้องท่านแม่และพี่วิเวียนบ้าง
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ หนังสือจำนวนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
‘การเรียกสัตว์วิเศษ’
ฉันเปิดอ่านไปเรื่อยๆ จนหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีฉันก็มานอนอยู่บนเตียงพร้อมกับมีมือปริศนามากอดไว้หลวมๆ