ชายหนุ่มจับพวงมาลัยรถขับไปตามทาง วันนี้เขามีประชุมที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 88 ธเนศลูกชายฝาแฝดของพ่อธันย์ เจ้าของสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 88 เขามีลูกชายฝาแฝดอยู่สองคน คนหนึ่งชื่อธเนศ อีกคนชื่อธนัส ทั้งสองคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคนละสาขาวิชา ธนัสเขาเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย เกี่ยวกับงานแสดง และทุกๆอย่าง รวมถึงการตัดต่อเบื้องหลัง เขาจะเป็นคนดูแลแทบทุกอย่าง ส่วนธเนศเขาเรียนบริหารธุรกิจ จะรับหน้าที่ในการดูแลโดยรวม ทั้งรายได้ ยอด rating และการโปรโมทต่างๆ แต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป วันนี้มีประชุมใหญ่ เขาเองต้องเร่งรีบเดินทางเพื่อที่จะไปให้ทันเวลา ทว่าจู่ๆ ถ้ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มีคนโทรศัพท์เข้ามา แต่เขาเผลอทำโทรศัพท์หล่นไปที่พื้น ใบหน้าจ้องมองไปยังเบื้องหน้า มือซ้ายที่ว่างพยายามควานหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อรถเบี่ยงเข้าข้างทาง และตรงนั้นมีเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนยืนอยู่
"เฮ้ย...!"
ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะปล่อยทุกอย่าง และหักหลบ แต่ทว่าหักไม่พ้นจึงชนหญิงสาวเต็มๆ
"กรี๊ดดดด"
เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มช็อคจนทำอะไรไม่ถูก เขาคิดว่าตัวเองเบรคทันแล้ว แต่ดูจากลักษณะเหมือนจะชนเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มมือไม้สั่นรีบจอดรถลงมาดู ภาพที่เห็นคือเด็กนักเรียนนอนนิ่งอยู่ตรงหน้ารถ
"หนู...! เป็นอะไรไหม"
เขารีบขยับเข้าไปนั่งเคียงข้างเธอ จ้องมองใบหน้าเล็กที่ไม่ขยับเขยื้อน เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะไม่มีชีวิตอยู่ รีบวิ่งเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในรถ โทรเรียกรถพยาบาลให้มารับโดยด่วน โชคดีที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที รถพยาบาลก็ขับมาถึง เจ้าหน้าที่ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นก็รีบพาหญิงสาวไปที่โรงพยาบาล ส่วนธเนศเขาไปไหนไม่ได้ เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์เขาโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ถึงทำให้เขาถูกควบคุมตัว และพาไปยังสถานีตำรวจโดยทันที
ชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อ และคุณแม่เพื่อให้ไปดูอาการของเด็กคนนั้นที่โรงพยาบาล ภาวนาขอให้เธออย่าเป็นอะไรเลย เพราะเขาเองก็คงรับตัวเองไม่ได้ ถ้าเกิดว่าจะต้องทำให้ใครเสียชีวิต
"ธเนศมึงเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย"
"กูไม่เป็นไรเลย แต่น้องผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เป็นยังไงบ้าง"
"เกิดเรื่องนานยัง"
"สองชั่วโมงแล้วอะ นี่กำลังรอญาติคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยอยู่เดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ ตอนนี้พวกเขาอยู่โรงพยาบาลอยู่คงจะรอให้น้องคนนั้นปลอดภัยก่อนถึงจะมาที่นี่ กูกลัวน้องเขาตายวะ"
เขากำมือแน่นอย่างรู้สึกแย่มาก ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเกิดเรื่องราวมากมายขนาดนี้ เพียงแค่เผลอก้มหยิบของแป๊บเดียวเกิดเรื่องราวเลย และคนที่เข้ามาหาเขาในตอนนี้ก็คือวชิ เพื่อนสนิทอีกคน และคิดว่าฝาแฝดของเขาน่าจะโทรเรียกมา
"ไม่เป็นไรหรอกน้องเค้าต้องรอด"
"แล้วอาธันย์กับอาเติมฝันล่ะ"
"อยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน"
ทางด้านของโรงพยาบาลธันย์ และเติมฝันเดินทางมาคอยดูแลเด็กสาวที่ถูกลูกชายของเขาขับรถชนในระหว่างที่เธอเดินอยู่ข้างถนน ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรถึงมีแต่เรื่องราวไปหมด
"ฮือ... ลูกฉันจะตายมั้ย"
"ใจเย็นนะคะ น้องต้องไม่เป็นอะไรค่ะ"
เติมในฝันพยายามปลอบประโลมคุณแม่ของเธอให้ใจเย็นลง หมอที่นี่เก่งที่สุดยังไงพวกเขาก็ต้องช่วยชีวิตเด็กคนนี้เอาไว้ให้ได้ และไม่นานคุณหมอก็ออกมายังห้องฉุกเฉิน
"คุณหมอ...! ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ"
"ปลอยภัยแล้วครับ"
ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กลัวเหลือเกินว่าเธอจะไม่มีชีวิตรอด เพราะตอนนั้นเธอนิ่งไปเลยเหมือนไม่ได้สติ
"แต่ว่า..."
และประโยคถัดมาทำให้ทุกคนถึงกับชะงักไป จ้องมองขอคำตอบจากเขาด้วยความกดดัน
"กระดูกขาหักครับ เราจะใช้วิธีการเข้าเฝือกจัดเรียงแนวกระดูกที่ได้รับบาดเจ็บให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติก่อนใส่เฝือกเพื่อพยุงกระดูกบริเวณที่เกิดอาการหักอีกที ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยครับกว่าจะกลับมาเดินได้ปกติ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลอีกทีนะครับ"
"แบบนี้ ลูกฉันไม่ต้องนั่งอยู่บนวีลแชร์เป็นปีๆ เลยเหรอแล้วถ้าไม่หายล่ะ... โธ่ลูก"
คนเป็นแม่แทบจะขาดใจตายเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ลูกกำลังเผชิญคืออะไร เติมฝันรู้สึกสงสารคนเป็นแม่จับใจและอยากจะแสดงความรับผิดชอบทุกอย่างเท่าที่ทำได้
"ให้เรารับผิดชอบยังไงเรายอมหมดทุกอย่างเลยค่ะ คุณแม่เรียกร้องได้เลยนะคะ"
"ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้ตอนนี้"
"แต่คุณแม่ต้องไปที่โรงพักก่อนครับ ต้องไปเคลียร์เรื่องคดีความก่อนว่าจะเอายังไง"
คุณแม่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เธอสงสารลูกมากและถ้าต้องฟื้นขึ้นมารับรู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้ ต้องนั่งวีลแชร์คงจะร้องไห้เสียใจมาก
เติมฝัน ธันย์และคุณแม่ของน้องที่ประสบอุบัติเหตุเดินทางมาที่โรงพักพร้อมกัน ธเนศเห็นพ่อกับแม่ก็รีบเอ่ยถามทันที
"น้องเป็นยังไงบ้างครับแม่ ปลอดภัยมั้ย"
"ปลอดภัยแล้วแต่ขาหักเดินไม่ได้ต้องใช้เวลาในการบำบัดหลายเดือน ซึ่งไม่รู้ว่าจะหายไหม แกจะเอายังไง"
เขานิ่งเงียบไปอย่างคิดหนัก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะชดใช้ให้เธอหมด เด็กคนหนึ่งต้องมาพิการเดินไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะเดินได้ตอนไหน เสียเวลาชีวิตไปเยอะมาก เพราะเขาคนเดียวที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น
"ผมจะดูแลน้องเองครับ คุณน้าครับถ้าน้องออกจากโรงพยาบาลผมขอพาน้องไปดูแลเองนะครับ ผมสัญญาว่าจะทำทุกทางให้น้องกลับมาเดินได้เป็นปกติ"
"ไม่ได้หรอกลูกสาวน้าเป็นสาวเป็นนาง จะไปอยู่กับผู้ชายได้ยังไง ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวน้าดูแลลูกสาวเอง ลูกสาวคนเดียวน้าเลี้ยงได้ค่ะ"
เธอเอ่ยออกมาเสียงสั่นก่อนจะกลั้นเสียงสะอื้นเมื่อรู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ ธเนศรู้สึกแย่มากที่เขาเป็นต้นเหตุเรื่องทุกอย่าง ธนัส และวชิหันไปมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่รู้จะช่วยยังไงเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เพื่อนตัดสินใจเองแล้วกัน
"งั้นผมจะแต่งงานกับน้องครับ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างในสิ่งที่ผมทำลงไป"
วชิกับธนัสเบิกตากว้างอย่างตกใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ตามจริงมันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าธเนศมันไม่ได้มีแฟนอยู่แล้วในตอนนี้ ซึ่งเพราะผู้ใหญ่คนอื่นก็ดูตกใจไม่แพ้กัน
"มันมีแฟนไม่ใช่เหรอวะ"
"ก็คงต้องเลิก ให้ทำไงอะมันทำชีวิตคน ๆ พังเลยนะเว้ย"
"เวรกรรม... เฮ้อ!"