บทที่6
กระสับกระส่าย
“เลิกกันยังอ่ะ”
“อีธามมมม!!!!”
มันดึงผมเข้าไปกอดผมเลยต้องกอดตอบ นี่ผมโกรธมันอยู่นะแต่ก็เอาเถอะผมเคยโกรธมันข้ามวันที่ไหน ถ้ามันรู้ตัวว่ามันผิดมันก็ขนตัวเองมานอนกับผม
“เล่ามากูพร้อมฟัง”
“มึง รอยที่มึงทำแอร์มันจับได้อ่า”
“สรุปเมื่อคืนมึงไปนอนกับแอร์เหรอ”
“อื้ออออ”
ผมปัดมือมันออกเลย คนเลว ทิ้งผมได้ไงผมนี่นอนปวดหัวเลยไม่ได้เอาน้ำออก
“กูก็อุตส่าห์ปิดไฟแล้วนะ เสือกตื่นมาเปิดทำไมก็ไม่รู้ ต้องด่ามึงทำรอยทำไม”
“สรุปกูผิดใช่ไหมเนี่ย”
“ช่างแม่ง กูเองก็ผิดเหมือนกัน”
ผมนั่งฟังมันระบายออกมาก็พอเข้าใจถ้าผมไม่นึกหมั่นไส้ทำรอยมันก็คงไม่มีปัญหา แต่ผมอยากเอาชนะไงเลวอ่ะ ด่าตัวเองแป๊บ
ช่วงพักกลางวันผมเดินจูงมืออีกี้ผู้หมดแรงเข้ามาในโรงอาหารแน่นอนว่าแอร์ยังคงคาดคั้นมันเรื่องเจ้าของรอยแดงนั่น กี้มันขอร้องไม่ให้ผมบอกมันพยายามเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตัวเองเผชิญหน้ามันได้เหรอ แบบนี้ก็โดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวนะสิ
“ทำไมมึงไม่บอกเลิกไปหรือมึงกลัวว่าจะไม่มีคนพามึงขึ้นสวรรค์” ผมถามมันขณนะนั่งกินข้าว แต่ไม่ทันที่มันจะตอบแอร์ก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วยทำให้บรรยากาศบนโต๊ะเปลี่ยนไปเลย
“จะบอกได้หรือยังว่ามันเป็นใครแอร์เสียใจนะที่กี้เป็นแบบนี้”
“แอร์กี้เหนื่อยเราห่างๆกันไปก่อนได้ไหม”
“อ๋อ จะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยใช่ไหม แอร์ไม่เลิกไว้ใจเย็นค่อยมาคุยกัน!
แอร์เดินหนีไปโดยไม่ได้หันมามองทำให้ธามถอนหายใจเพราะเบื่อเรื่องนี้เต็มทน
หลายวันผ่านไป
เมื่อข่าวการบอกเลิกของกี้ดังออกไปก็ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ต่างเล็งเป้าหมายมาหากี้กันหมดสามหนุ่มถึงกับมองหน้ากันเพราะตั้งแต่เช้ามีแต่คนซื้อขนมซื้อน้ำมาให้กี้
“กูรู้สึกว่าตัวเองเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไรทำไมความหล่อของกูถึงสู้กี้ไม่ได้” บาสบ่นขณะแกะขนมบนโต๊ะกิน
“นั่นดิ ตั้งแต่เช้ามีแต่คนมาจีบกี้” โต๋หันไปคุยกับบาสทำให้ธามนั่งเงียบ
“พี่กี้คะ หนูทำคุกกี้มาฝากค่ะอาจจะอร่อยสู้ที่บ้านพี่ไม่ได้แต่หนูตั้งใจทำมาให้เลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับขนมมาวางไว้บนโต๊ะตอนนี้ทุกคนกำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย พวกมึงเป็นอะไรกันอ่า
“น้องโดนัทกูขอ!!” บาสรีบหยิบขนมคุกกี้อย่างรวดเร็วจนโต๋ที่หยิบไม่ทันต้องล็อคคอบาสเพื่อแบ่งกัน
“มึงไม่อยากกินขนมเหรออีธาม มีแต่ขนมเด็กๆกูไม่ชอบเบื่อแล้ว”
“ไม่อ่ะ ให้ไอ้สองตัวนั่นไปแบ่งกันเถอะ” ผมหันไปมองไอ้โต๋กับไอ้บาสที่ยังตีกันไม่หยุด พวกมึงตีกันให้ตายเขาก็ไม่มองมึงหรอก เสี้ยนหนามหัวใจแม่งมาไม่หยุดเลย
//กี้//
ช่วงนี้พอได้ห่างกับแอร์ก็รู้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้นเวลาเหงาก็ยังมีสาวๆทักมาคุยเรื่อยๆ แม้จะคิดถึงเรื่องบนเตียงเวลาอยู่กับแอร์แต่ยังมีไวแบรเตอร์ไว้คลายเครียด [ไวเบรเตอร์ เครื่องสั่นสำหรับผู้หญิง]
“กี้พี่พิมฝากขนมมาให้มึงอ่ะ” ฉันมองไปที่ถุงขนมพวกนี้มันไม่รู้เลยหรือไงว่าบ้านฉันขายขนมเบเกอรี่ พวกไม่มีสมอง
“มึงเอาไปกินเถอะ กูอยากนั่งโง่ๆ”
ตั้งแต่วันนั้นไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าไอ้ธามมันเหมือนอยากเว้นระยะห่างกับฉัน ไม่ค่อยหาเรื่องมานอนด้วยกันเลย
“กี้มึงได้คุยกับแอร์บ้างไหม”
“นานๆทีจะทักมา กูเบื่อการมาทะเลาะกันแล้ว”
“มึงไม่ลองเปิดใจหาคนใหม่ล่ะมึงจะได้ไม่มานั่งหงอยเป็นหมาแดกแฟบแบบนี้”
“ยังไม่พร้อมขออยู่อ้อนมึงก่อนแค่มีมึงคอยซื้อข้าว ซักผ้า ขับรถให้ก็พอแล้ว มาเป็นเมียกูไหมเดี๋ยวกูให้เค้กวันละชิ้น”
“อีกี้ อีสัส!! นี่กูมีค่าแค่เค้กวันละชิ้นเหรอ มึงให้แม่มึงไปสู่ขอกูสิถ้าเงินถึงกูอาจจะใจอ่อนยอมเป็นเมียมึงก็ได้นะฮ่าๆๆ”
กลางดึก
เหงาอ่า นอนไม่หลับเลยฉันนอนพลิกไปพลิกมาในหัวก็เหงาร่างกายก็เอ่ออ ไวเบรเตอร์ที่มีก็เบื่อแล้วไปโฮสดีไหมถ้าไปซื้อดื่มก็พอไม่มั้ง เอาไงดีชวนไอ้ธามจะเหมาะไหมผู้ชายไปเที่ยวโฮสคงพิลึกหน้าดู สุดท้ายฉันก็ต้องหยิบกระเป๋าตัง โทรศัพท์เดินลงมาข้างล่าง เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านไอ้ธาม เอาไงดีโทรดีไหมหรือปีนเข้าบ้านมันเหมือนที่เคยทำ
“อ้าวกี้มาหาไอ้ธามเหรออ่านหนังสืออยู่บนห้องขึ้นไปสิ”
“ค่ะ” ฉันต้องตบตกลงแม่มันไปจากนั้นก็ปีนรั้วบ้าน ปีนทำไมประตูก็เปิดได้
ขึ้นมาบนห้องมันตอนนี้มันกำลังอ่านหนังสือจริงๆ เด็กเรียนว่ะ ประตูก็ไม่อยากล็อคเกิดจ้ำจี้อยู่ใครเข้ามาจบเลยนะ
“มึงมาทำไม”
“กูนอนไม่หลับ สมองมันเครียดๆร่างกายมันไม่สบายตัวเลย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูไม่ทราบ”
มึงงงง มึงต้องช่วยหาทางออกให้กูสิ อย่ามามองกูด้วยสายตาแบบนี้ มึงใจร้ายยยย
“ธามกูรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย หรือกูควรไปหาจิตเวชอ่ะ”
ฉันพยายามอธิบายให้มันเข้าใจมันเองก็นั่งฟังเงียบๆ จะพูดยังไงดีล่ะ บอกมันไปว่านานแล้วไม่ได้ปลดปล่อย หัวสมองมันเลยตันแบบนี้เหรอ