ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หุบเขาปีศาจ1 (1)

1066 Words
“ปล่อยไปเถอะตราบใดที่ไม่สร้างความลำบากใจให้เรา พรุ่งนี้พวกเราก็ออกเดินทางแล้ว”                มู่เหรินเอ่ยบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะพวกเขาสวมใส่หน้ากากตลอดเวลาเด็กน้อยนั่นจะสงสัยเป็นเรื่องธรรมดา อย่าว่าแต่หลี่เซียวเหยาเลยแม้กระทั่งคนในตระกูลหลี่เองก็คิดว่าพวกเขาไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดาเพียงแต่ไม่ได้เสียมารยาทเอ่ยถามเท่านั้น                “พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางแต่เช้า ออกมาจากจวนสองวันแล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย อย่างน้อยเราต้องออกจากแคว้นฉีให้เร็วที่สุด”                มู่เหรินเอ่ยบอกเสียงเรียบ ครุ่นคิดถึงปัญหาที่จะตามมา อย่างน้อยหากข่าวลือเรื่องคุณชายสี่หายไปเขาอาจจะเดินทางสะดวกใจมากกว่านี้ ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อนๆ แม้จะไม่ค่อยมีคนรู้จักเขามากนักแต่ก็ไม่อยากประมาทเพราะสมัยนี้ย่อมมีรูปภาพเสมือนที่วาดขึ้นมาได้ เขาโบกมือไล่ให้หลิงหวางไปพักผ่อนก่อนที่ตัวเองจะล้มตัวนอนบ้างเพื่อเก็บแรงไว้พรุ่งนี้เช้า                เช้าวันรุ่งขึ้นมู่เหรินก็ได้กล่าวลาเจ้าบ้านแต่เช้าโดยไม่ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วย เขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่และกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยเสียก่อน แม้เจ้าบ้านจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่อาจห้ามพวกเขาได้เช่นกัน เขารับม้าที่ให้ดูแลเมื่อวานมาก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง                มู่เหรินได้รับซาลาเปาไส้เห็ดหอมและผลไม้บางส่วนไว้ระหว่างเดินทางจึงทำให้ไม่ต้องแวะตลาดภายในเมือง พวกเขาเดินทางเร่งวันเร่งคืนอย่างไม่ได้หยุด ค่ำไหนนอนพักที่นั่น หากผลไม้กับซาลาเปาหมดเขาก็ล่าสัตว์แถวนั้นมาย่างไฟกินแก้กระหาย จนกระทั่งล่วงเลยไปสองสัปดาห์                “ที่นี่เป็นชายแดนของแคว้นเว่ย เมืองข้างหน้าจะเป็นแคว้นฉิน เราน่าจะไปถึงที่นั่นภายในวันนี้”                มู่เหรินเปิดแผนที่ดูอีกครั้ง เวลานี้สภาพเขาไม่ได้น่าดูนักเพราะไม่ค่อยได้อาบน้ำ เขาจึงเลือกใส่อาภรณ์สีดำแทนสีขาวที่ชอบ ส่วนหลิงหวางก็มีสภาพไม่ต่างกันแต่ก็ไม่เคยปริปากบ่น ทว่าระยะหลังมานี้หลิงหวางรู้จักแสดงความคิดมากขึ้น ซึ่งเขาชอบที่อีกฝ่ายเป็นเช่นนี้มากกว่า                “ขอรับ แต่ม้าสองตัวของเราคงจะไม่น่าเดินทางได้ต่อหลังจากถึงแคว้นฉินนะขอรับ”                มู่เหรินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเพราะพวกมันวิ่งเดินทางเกือบทั้งวันทั้งคืน หนึ่งวันเขาแค่พักไม่เกินสองชั่วยามเท่านั้น ตอนแรกคิดว่าจะเดินทางไปเรื่อย ๆ ทว่าเมื่อคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้วทำให้อยากให้ถึงหุบเขาปีศาจโดยเร็วเพราะจะได้มีวิชาป้องกันตัวเองมากกว่านี้ แม้เขาจะมีวรยุทธ์แต่กลับรู้สึกว่ามันยังอ่อนด้อย                “เดินทางต่อเถอะข้าอยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว”                มู่เหรินเอ่ยบอก พับเก็บแผนที่คร่าว ๆ ในมือไว้ในอกเสื้ออีกครั้งหลังจากนั่งพักมาสามเค่อแล้ว หลิงหวางพยักหน้ารับ เก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว เดินไปจูงม้าที่ผูกไว้มาให้เขาก่อนจะไปเอาม้าของตนเอง                ครั้งนี้การเดินทางช้ากว่าทุกวันเนื่องจากม้าเหนื่อยมากแล้ว หากฝืนมากไปกว่านี้พวกมันก็คงจะตาย เขาคิดว่าถึงที่นั่นก็คงขายทิ้งเพราะมันไม่ใช่ม้าศึกแต่ก็เป็นม้าพันธุ์ดี หลังจากนี้คงต้องเดินทางไปเอง ความเร็วของการเดินทางคงพอ ๆ กับม้าหากใช้ลมปราณเข้าช่วย แม้จะเหนื่อยแต่ก็ถือโอกาสฝึกพลังยุทธ์ไปด้วย                ผ่านไปราวห้าชั่วยามพวกเขาก็เดินทางมาถึงชายแดนของแคว้นฉิน แม้เมืองนี้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มันเป็นเมืองผ่านจึงมีผู้คนมาพักอาศัยภายในโรงเตี๊ยมกันมากพอสมควร ทว่าเวลานี้พลบค่ำมากแล้วผู้คนจึงบางตาไปบ้าง                มู่เหรินจัดการขายม้าสองตัวที่อ่อนกำลังทิ้งไปอย่างไม่เสียดายเพราะมันไม่ใช่ม้าศึก และจากแคว้นฉินไปยังหุบเขาปีศาจนั้นต้องใช้เวลาเดินทางอีกราวสิบกว่าวันจะถึงที่นั่น                มู่เหรินสั่งอาหารเข้าไปทานภายในห้องพักจากนั้นจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่หลังจากไม่ได้อาบน้ำมาสามวัน เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ส่วนหลิงหวางเขาให้พักอีกห้องหนึ่ง แต่เมื่อออกจากห้องน้ำมาก็เห็นเจ้าตัวมารอพร้อมอาหารที่สั่งไว้ พวกเขาลงมือทานอาหารมื้อค่ำอย่างง่าย ๆ ก่อนจะแยกกันไปพักผ่อน ทว่าหลิงหวางกลับปีนขึ้นไปนอนบนคานไม้!                มู่เหรินเงยหน้ามองสหายร่วมเดินทางและเป็นองครักษ์ส่วนตัวแล้วยกมือกุมขมับ เขาลืมไปได้อย่างไรว่าหลิงหวางไม่เคยห่างจากตัวเขา แล้วที่สั่งจองห้องพักสองห้องเพื่ออะไรกัน สงสัยแค่ให้เจ้าตัวไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวแค่นั้นจริง ๆ เขาทอดถอนหายใจอย่างอ่อนใจกับองครักษ์เงาที่ยังไม่ชินกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้                “หลิงหวางเจ้าลงมาเถอะ นอนบนนั้นจะสบายอะไรกัน กลับไปนอนที่ห้องตัวเองซะ ข้าจ่ายเงินไปแล้วหรือว่าจะให้เสียเงินเปล่า ๆ”                มู่เหรินเอ่ยบอกปนข่มขู่เพราะเขาเพิ่งค้นพบนิสัยอันแปลกประหลาดจากหลิงหวางได้อีกอย่างคือเจ้าตัวจะขี้งกเสียดายเงินและสิ่งของมาก ร่างสูงพลิกกายลงมา ใบหน้าแสนธรรมดายุ่งเหยิงเหลือบมองเขาอย่างชั่งใจ เขากอดอกมองคนคิดหนักนิ่ง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ อย่างอ่อนใจ                “หากกังวลเรื่องข้าไปเอาฟูกมานอนข้างเตียงข้าแล้วกัน”                ทันทีที่กล่าวเช่นนั้นองครักษ์ส่วนตัวก็ฉีกยิ้มพอใจก่อนจะรีบไปหาที่นอนของตนเอง มู่เหรินมองได้แต่ถอนหายใจ เขาอ่อนแอจนมีคนต้องห่วงใยขนาดนั้นเชียวหรือ เขาเลิกสนใจหลิงหวางก่อนจะไปล้มตัวลงนอนเพราะวันนี้เขาเองก็เหนื่อยมามากแล้ว   
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD