“ตามใจ จะเรียกอะไรก็ช่าง”
มู่เหรินตอบกลับพร้อมเดินเข้าเมืองอย่างไม่สนใจคนที่เดินตาม
หลิงหวางมองตามนายน้อยแล้วยกยิ้มเพียงครู่ก่อนจะเลือนหายไปพร้อมเดินตามเจ้านายคนงามอย่างอารมณ์ดี แม้นายน้อยจะขี้บ่นเหมือนคนแก่ไปหน่อยแต่ก็ปรารถนาดีต่อเขาจริง ๆ
นายน้อยเป็นคนฉลาดแต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงจดจำตนได้ แม้จะซ่อนตัวดีแค่ไหนนายน้อยก็รู้ทั้ง ๆ ที่วรยุทธ์ต่ำกว่าตนมาก อีกทั้งเปลี่ยนใบหน้าหลากหลายนายน้อยก็จดจำได้อย่างแม่นยำจนก่อเกิดความสงสัยภายในใจ
มู่เหรินหยิบผ้าปิดหน้าสีขาวมาปกปิดใบหน้าก่อนจะเดินเข้าเมืองเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นเหมือนเมืองที่ผ่านมา แม้จะมีหลิงหวางเป็นไม้กันสุนัขอย่างดีแต่ว่ามันน่าเบื่อที่ต้องพูดคุยกับคนไม่รู้จักและยังต้องมาแสร้งมารยาเหมือนสตรี
ทว่าการทำเช่นนี้เขาคิดว่ามันดีกว่ามีคนจับได้ว่าเขาคือมู่เหริน ข่าวการตามหาคุณชายสี่มู่เหรินจากทั่วทุกแคว้นทำให้เขาต้องระมัดระวังมากขึ้น หากเขาออกจากบ้านช้ากว่านี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ขอห้องพักหนึ่งห้อง”
มู่เหรินบอกเสี่ยวเอ้อที่ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะพาขึ้นไปบนห้องพัก แม้จะพักสองห้องก็เสียเบี้ยเปล่า ๆ เพราะหลิงหวางต้องมานอนกับเขาอยู่แล้ว หากไม่หาฟูกมานอนเจ้าตัวก็ปีนขึ้นไปนอนบนคานไม้ ไม่รู้ที่ตรงนั้นมีอะไรดี
“ข้าจะอาบน้ำก่อน”
มู่เหรินหันไปบอกคนที่ตามติดมาซึ่งพยักหน้ารับไปเตรียมน้ำให้อาบโดยไม่ต้องสั่ง ไม่รู้ว่าหลิงหวางจะเปลี่ยนอาชีพจากองครักษ์มาเป็นคนใช้ตั้งแต่เมื่อไร
“นายน้อย ข้าขอออกไปสืบข่าวข้างนอก เสร็จแล้วจะรีบกลับมาขอรับ”
มู่เหรินพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำที่ถูกเตรียมไว้ให้ หลังจากแช่น้ำอุ่น ๆ ก็ทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าหลิงหวางจะหาข่าวได้จริงหรือเปล่าแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
หลังจากอาบน้ำสบายกายสบายใจขึ้นมากมู่เหรินก็กลับมาเปลี่ยนเป็นชุดบุรุษสีฟ้าอ่อนพร้อมผ้าปิดใบหน้าสีขาวก่อนจะออกไปเดินเล่นในตลาดเพราะตอนเข้ามายังไม่ได้เดินเล่น แคว้นฉินนั้นถือว่าเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดในเจ็ดแคว้นซึ่งต่างจากแคว้นที่เขาเกิดโดยสิ้นเชิง
“หมั่นโถวหอมอร่อยราคาถูก ๆ ขอรับ”
“เครื่องประดับหายากมาใหม่จากแคว้นฉู่ขอรับ”
มู่เหรินมองพ่อค้าเรียกลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ที่นี่เป็นเมืองที่ครึกครื้นดีจริง ๆ ข้าวของมากมายมีให้เลือกสรร บางร้านก็ตั้งอยู่ริมทางเดินเหมือนถนนคนเดินเหมือนโลกที่จากมา ทว่าคนที่มีฐานะหน่อยก็จะมีร้านเป็นของตนเอง ไม่ต้องมาตั้งโต๊ะขาย เขาเลือกซื้อหมั่นโถวมาสองลูกก่อนจะเดินเล่นไปตามริมแม่น้ำภายในเมืองฉางเกอเมื่อเดินมาไกลผู้คนแล้วเขาจึงหยิบหมั่นโถวมานั่งกินชมวิวไปด้วย อารมณ์ตอนนี้ถือว่าดีมากสำหรับเขา
“ข้านั่งด้วยได้หรือไม่”
มู่เหรินเงยหน้ามองคนที่เอ่ยถาม รูปร่างสูงโปร่งคล้ายเด็กอายุราวสิบสี่สิบห้าสวมใส่อาภรณ์สีขาวแพรผ้าเนื้อดีบ่งบอกฐานะไม่ธรรมดา เขาพยักหน้ารับเพราะอย่างไรที่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ของเขาอยู่แล้ว เด็กชายคนนั้นนั่งลงข้างกายเขา สายตาเหม่อมองไปยังแม่น้ำข้างหน้าเงียบ ๆ
“กินไหม”
มู่เหรินเอ่ยถามพร้อมยื่นหมั่นโถวอีกหนึ่งลูกให้คนข้างกายเพราะจะกินคนเดียวมันก็แปลก ๆ อยู่ เด็กน้อยตรงหน้าหันมามองทว่าใบหน้าที่มีหมวกคลุมยาวปกปิดเอาไว้ทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ขณะที่เขาปลดผ้าออกไปแล้วเพราะนั่งกินหมั่นโถว เขามองเห็นอีกฝ่ายไม่ชัดเจนแต่ก็พอรู้ว่าตกตะลึงกับใบหน้าของเขา
มู่เหรินมองคนนั่งนิ่งข้าง ๆ ที่มองเขาสลับกับหมั่นโถวในมือก่อนจะรับไปแต่ก็ไม่ได้กินอย่างที่หวัง เขาเลิกสนใจก่อนจะกัดกินหมั่นโถวของตัวเองไปช้า ๆ นั่นทำให้คนข้างกายยกขึ้นกัดกินบ้างทำให้อดที่จะยิ้มมุมปากไม่ได้ คงกลัวว่าจะมีพิษสินะ แม้จะอายุราวสิบสี่สิบห้าซึ่งห่างจากเขาในเวลานี้ไม่มาก ทว่าสำหรับเขาแล้วก็เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
“ข้าเสี้ยวเหวินหวาง”
มู่เหรินได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของคนข้างกายก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อชื่อคนตรงหน้ามันช่างคุ้นในความทรงจำเหลือเกิน คงไม่ใช่ฉินเหวินหวางที่ขึ้นครองราชย์ได้สามวันแล้วถูกวางยาพิษตายหรอกนะ
เขาสลัดความคิดออกเพราะตั้งแต่เดินทางมาประวัติศาสตร์จีนที่ร่ำเรียนมาไม่ตรงเลยสักนิด นี่อาจไม่ใช่จีนในอดีตก็เป็นได้ แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ถือว่าเขาทำตามใจตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดหากคนผู้นั้นไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขา
“เจ้าจะไม่แนะนำตัวบ้างหรือ”
ดวงตาภายใต้หมวกคลุมใหญ่มองมู่เหรินอย่างจริงจัง มู่เหรินมองตอบนิ่ง ๆ ก่อนจะเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงอยากบอกชื่อตัวเองให้เด็กน้อยได้รู้จัก
“เจ้าไม่คิดจะเปิดเผยใบหน้าให้คนที่อยากรู้จักบ้างหรือ”
มู่เหรินเอ่ยถามโดยไม่ได้หวังคำตอบทว่าคนข้างกายกลับปลดหมวกตัวเองออกอย่างว่าง่าย ดวงตาดอกท้อคล้ายคนเจ้าชู้มองมาที่เขานิ่ง ๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยแต่กลับมีเสน่ห์อย่างที่ไม่อาจละสายตาได้
ใบหน้าคมคายชวนสะดุดตา แม้จะไม่ได้ชื่นชอบบุรุษแต่ว่าคนตรงหน้าเป็นคนมีเสน่ห์มาก ๆ นี่อายุแค่สิบสี่สิบห้ายังขนาดนี้ หากโตกว่านี้คงมีคนตบตีแย่งเด็กน้อยนี่แน่ ๆ