เลิกเรียนตอนบ่ายฉันไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ เนื่องจากตัดสินใจที่จะยอมรับความจริงสักที ฉันโตแล้ว โตพอที่จะเข้าใจได้ว่าตัวฉันคือส่วนเกินในชีวิตของคุณเต
มาคิดดูแล้วการที่คุณเตให้ฉันไปอยู่โรงเรียนประจำก็เพราะฉันเป็นส่วนเกินในบ้านของเขา ฉันอยู่ทำให้เขาไม่สะดวกพาผู้หญิงเข้าบ้าน
ฉันไม่ได้คิดไปเอง เรื่องมันมีมูลเหตุนะ เรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นฉันอายุ 11 ปี ฉันที่ยังเด็กไม่ได้รู้เรื่องอะไรเปิดประตูห้องนอนคุณเตเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาต ความตั้งใจของฉันคือตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้คุณเตตกใจเล่น กลับกลายเป็นว่าคุณเตไม่ได้กลับเข้าห้องคนเดียว เขามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งคู่จูบกัน ผลัดกันถอดเสื้อผ้าตั้งแต่หน้าประตูจนถึงเตียงนอน ทว่าทั้งสองผละออกจากกันเมื่อเห็นฉันยืนหลบหลังผ้าม่านตรงระเบียง
ตั้งแต่นั้นมาคุณเตสั่งห้ามให้ฉันเข้าห้องนอนของเขาเด็ดขาด
และนั่นคือเหตุผลที่ฉันถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำ สาเหตุที่คุณเตทำแบบนั้นก็เพื่อตัดความรำคาญ ฉันมันเป็นแค่ส่วนเกินมาตลอดเพียงแต่ฉันไม่เคยยอมรับความจริง
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดมันอยู่ตรงนี้ คือว่าฉันน่ะรู้มาว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณเตไม่ได้ไปอยู่ต่างประเทศอย่างที่เขาบอกฉันไว้ เขาแค่ไปอยู่ที่อื่นเพราะฉันอยู่ที่บ้าน ฉันรู้เรื่องนี้เพราะแอบได้ยินแม่บ้านคุยกัน ฉันเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง
“ร้องไห้อีกแล้ว ร้องเยอะไม่ดีรู้ไหม” ได้ยินเสียงเพื่อนพูดฉันก็รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้า
“ไม่ได้อยากร้อง น้ำตามันไหลเอง” พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้น้ำตาฉันมันก็ไหล ฉันเป็นแค่ส่วนเกินในชีวิตของคุณเตคือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ
“ถ้าแกไม่อยากอยู่บ้านงั้นออกมาอยู่กับฉันไหม มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน” ตอนนี้ฉันอยู่คอนโดของพะแพง พ่อแม่พะแพงทำแต่งาน หาแต่เงินมาให้พะแพง พะแพงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเรียนให้จบ
“เกรงใจ”
“เกรงใจอะไร เมื่อก่อนเราก็อยู่ด้วยกัน”
“มันไม่เหมือนกัน แกพาแฟนมาจะไม่สะดวกน่ะสิ ไม่ดีหรอก” พะแพงมีแฟนมาหลายคนขณะที่ฉันรักมั่นคงแค่คุณเต รักที่ไม่มีหวังแต่ก็ยังให้ความหวังด้วยการหลอกตัวเอง
“ไอ้พริ้ง จะคิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าแกไม่ก้าวขาออกจากกรอบที่คุณเตวางไว้แกจะไม่มีวันมีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาทำเหมือนให้อิสระแกก็จริง แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย แกเองก็รู้ แค่แกแกล้งมองไม่เห็นเท่านั้นเอง หรือแกจะบอกว่าไม่จริง”
“…จริง”
“เห็นไหมล่ะ ถ้างั้นวันนี้เริ่มจากดื่มเหล้า แกอายุ 19 จะ 20 ปีแล้ว แกต้องดื่มเหล้าให้เป็น ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาเวลาไปเที่ยว”
“ฉันไม่คิดจะเที่ยวกลางคืน” ฉันไม่ดื่มไม่เที่ยวเพราะคิดว่าไม่ดี สิ่งที่คิดว่าไม่ดีฉันจะไม่ทำเพราะว่าฉันอยากให้คุณเตภูมิใจในตัวฉัน ฉันอยากเป็นเด็กดีของคุณเต
“ไอ้พริ้ง... ชีวิตแกไม่ได้มีแค่คุณเตและถึงแกไม่ชอบดื่มแต่ก็ควรลองเพื่อให้รู้ว่า...อ๋อนี่คือเหล้า รสชาติเหล้ามันเป็นแบบนี้นี่เอง แกต้องรู้ไว้” พะแพงพูดพลางผสมเหล้าแล้วยื่นแก้วมาตรงหน้าฉัน ไม่แคล้วกล่อมให้ฉันยอมกินเหล้า “แต่ฉันอยากให้แกดื่มเป็น แกจะได้ไม่ถูกคนมอม เวลาเจออันตรายไม่ได้มีคนคอยช่วยแกได้ตลอดนะพริ้ง แกต้องรู้จักวิธีหลบเลี่ยง รู้จักช่วยเหลือตัวเอง”
“ฉันก็ไม่เอาตัวฉันไปอยู่ในพื้นที่อันตรายไงพะแพง”
“ฉันรู้ว่าแกไม่เอาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่ถ้าหากว่าแกบังเอิญตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย โดนคนมอมเหล้าจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แกจะเอาแต่บีบน้ำตาไม่ได้โว้ยพริ้ง น้ำตาของแกมีค่าเฉพาะคนที่เห็นว่าแกสำคัญ ถ้ากับพวกไม่สนศีลธรรมมันคือเรื่องไร้ค่านะพริ้ง ทุกวันนี้สังคมเรามันน่ากลัวแค่ไหนเราไม่มีทางรู้หรอก ทางที่ดีเราต้องรู้จักปกป้องและเซฟตัวเอง”