ตอนที่ 2

1175 Words
กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว คือโลกใบใหม่ที่คืบคลานเข้ามา การจากลาไปอยู่ต่างประเทศนานถึงสิบห้าปี ณปัจจุบัน สภาพแวดล้อมและท้องถนนที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคจนจำเค้าเดิมไม่ได้ ซึ่งเมื่อก่อนแถบนี้เคยเป็นทุ่งนาทางภาคตะวันออกของกรุงเทพ มิชิตา หรือมิชชี่ กับเพื่อนเอารถเก๋งมารับหล่อนกับลูกไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง “ฉันเช่าจองให้แกครึ่งเดือน ดีมั้ยล่ะ” ดี เพราะฉันไม่ต้องการไปปรากฏตัวให้ทุกคนได้เห็น สิ่งที่ต้องการปิดบังสำหรับเมนิกา หล่อนคิดว่า ยังอยากจะปิดบังต่อไป ห้องสี่เหลี่ยมที่ค่อนข้างหรูหราเรียกว่าตกแต่งแบบทันสมัยใหม่ เมื่อก่อนนี่ถือว่าเป็นย่านชานเมือง หากเมื่อความเจริญรุกเข้ามาแถบนี้ทำให้แถวย่านถนนอ่อนนุชและพัฒนาการ กลายเป็นความเจริญทันสมัยไม่ผิดแผกจากกรุงเทพชั้นในสมัยก่อน “ฉันเสียใจด้วยนะ ที่พ่อแก แต่คิดอะไรหรือเปล่า เมนิกาฉงนพร้อมกับตั้งใจฟัง “ฉันคิดอะไรหรือ เปล่านี่” “คือพ่อแกตายเร็วเกินไป ฉันเคยเห็นท่านเมื่อหลายเดือนก่อนยังแข็งแรงอยู่” มิชิตาพูดไปตามสายตาที่มองเห็น เพราะอยู่เมืองไทยนั้น เมนิกาไหว้วานเพื่อนคนนี้ช่วยเป็นหูเป็นตาแวะเวียนไปเยี่ยมครอบครัวของหล่อน โดยจุดประสงค์หลัก ช่วยดูแลบิดาของหล่อน ที่ไม่มีใครเลย ทายาทคนอื่นๆ พี่ชายก็ไปอยู่ต่างจังหวัดเสียหมด ทุกคนร่ำรวยด้วยเงินทองและฐานะ “ใช่ ฉันคิดว่า ก็น่าจะมีเงื่อนงำ คนที่อยู่ใกล้ชิดพ่อนะสำคัญที่สุด เพราะพ่อแต่งงานใหม่โดยไม่จดทะเบียนกับคุณเอมอร” โดยความคิดนั้นเมนิกาพุ่งเป้าไปตรงนี้ ไม่มีทางอื่นที่หล่อนจะสงสัยไปมากกว่านั้น แปลกใจที่มิชิตาเก็บปากเงียบ เหมือนรูดซิบสนิท แล้วมิชิตาเสคำพูดไปอีกทาง เพื่อเบนเบี่ยงความสนใจของเพื่อนรัก “เอาล่ะ แกเพิ่งมาถึงเหนื่อย กับลูกด้วย ถามหน่อยเถอะ แกตั้งใจจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยหรือเปล่า” หลังจากนี้แล้ว คำถามของมิชิตายังไม่รับคำตอบจาก เมนิกาที่มีท่าทางอ่อนเพลียจากการเดินทางอย่างเห็นได้ชัด หล่อนเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการทิ้งก้นลงบนพื้นเตียงนุ่มด้วยความหรูหรารูปลักษณ์ทันสมัย ห้องที่ไม่ดูกว้าง แต่เน้นอลังการเรื่องเฟอร์นิเจอร์มากกว่า พื้นผ้าปูเป็นสีขาวสะอาดและกระกระจกรวมทั้งแสงไฟนั้นนวล เมื่อถึงวันนี้แล้ว ฉันก็ตัดสินใจจะมาสานต่องานของพ่อ ฉันเอง รู้สึกผิดไม่น้อยนะที่ทำอย่างนี้กับพ่อ ด้วยอารมณ์ที่รู้สึกผิดทำให้หล่อนพูดเรื่องนี้ออกไป หลายสิ่งหลายอย่าง ฉันไม่ได้ทำให้พ่อ แต่มันสายแล้ว การพูดถึงอดีตเป็นการหมดเปลือง เพราะวันเวลาไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว มันหายจากไป แต่ที่หล่อนพูดเหมือนกับบ่นให้ตัวเองมากกว่า “เอ้อ หลานฉันล่ะ” ใช่สิ เด็กชายฟารุธ ยังไม่รู้อะไรเลย เป็นการปรับตัวและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง “แล้วทางโน้นล่ะ เธอแน่ใจหรือว่าไม่กลับไปอีก” “พ่อฉันตายแล้ว ไม่มีใครฉันต้องกลับมาปกป้องดูแลทรัพย์สินของพ่อทุกอย่าง” คำตอบเป็นที่กระจ่าง ทำให้มิชิตากลับเงียบอีกครั้ง บ่ายโมงตรงที่หล่อนปรากฏตัวอยู่ภายในวัด ศาลาสวดอภิธรรมศพ ของนายถกล เพิ่มพูนเดชา แค่การปรากฏตัวในชุดสีดำของหล่อน เป็นกระโปรงยาว ความสูงสวยสง่าของหล่อนเป็นจุดเด่น ของแขกในงาน ที่มองเป็นตาเดียวกัน หากหล่อนหยิบแว่นตาสีดำมาปกปิดดวงหน้าเสียด้วย หล่อนให้มิชชี่เข้ามาส่งถึงในวัด แล้วให้กลับไปดูแลลูกชายที่โรงแรม “ฉันฝากฟารุธด้วยนะ เสร็จธุระฉันจะกลับไป" ในวันที่บิดาไม่มีลมหายใจและมีโลงศพสี่เหลี่ยมวิจิตรตั้งอยู่เบื้องหน้า สมฐานะของผู้วายชมม์ ก่อนจะปักธูป แล้วหล่อนเดินออกมา เข้ามาหายังเครือญาติที่มีชีวิตอยู่และทักทายหล่อน ต่างถามถึงสารทุกข์สุขดิบ เอมอรที่เป็นแม่เลี้ยงคนเดียวที่หล่อนไม่ได้ทัก ฝ่ายเอมอรก็ทำเชิดคอแข็งเหมือนกัน ที่ลูกสาวคนสุดท้องของสามีที่ในการพบกันครั้งแรกระหว่างหล่อนกับลูกสาวของเขา เมนิกาก็หัวกร้าวใส่ หล่อนคงจะคิดหนักล่ะ ในเมื่อเมนิกากลับมาแล้ว แต่หล่อนคิดว่า ทรัพย์สมบัติบางส่วนที่หล่อนได้จากสามีก็คงจะมีเก็บไว้ที่อื่น ที่หล่อนกอบโกยไว้ไม่เพียงพอ สามีเฒ่าไม่ได้ทิ้งให้หล่อนมากมาย และรู้ว่าหล่อนมีลูกติด “เมนิกา” เสียงเรียกนั้นทำให้หล่อนหันขวับไป คุณป้าละอองญาติผู้ใหญ่จำหล่อนได้เป็นคนแรก “หนูเม นี่หนูจริงๆ ป้านึกว่าตาฝาดไป ทุกคนคิดว่าหนูจะไม่มา” เพราะเมนิกาไม่เคยกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว “หนูต้องมาสิคะ” เสียงตอบทำให้ทุกคนรู้จักหล่อนและหันขวับมาทางเดียวกัน “คุณพ่อหนูอายุสั้นเหลือเกิน ป้าเห็นเมื่อเดือนก่อนร่างกายยังแข็งแรง” หล่อนไม่หันไปทางคุณเอมอร ซึ่งหล่อนไม่เคยยอมรับฐานะของหล่อน ว่าจะมีอะไรเกี่ยวพันกับบิดาในฐานะลูกเลี้ยง บรรดาญาติพี่น้องของหล่อนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับหมดในเวลาต่อมา มีบางคนมาถึงก่อน และบางคนลูกหลานก็ทยอยมาตามหลัง เพราะอยู่ต่างจังหวัด เช่นเดียวกับเมนิกาที่อยู่ต่างประเทศ และทุกคนก็แปลกใจอีกครั้งที่เมนิกามาตัวคนเดียว แล้วใครคนหนึ่งก็ปรากฏในงานด้วยเขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิท รูปร่างสูงโปร่งอย่างเด่นชัด แม้เมนิกาก็สวมแว่นตาก็ตาม แต่หล่อนก็มองอย่างปรุโปร่ง ใจของหล่อนเต้นแรงและเกือบช้อค ที่เขามาที่นี่ด้วย หล่อนพยายามตั้งสติ ไม่ให้เขาเห็นหล่อน ชารุตก็เช่นกัน เขามาที่งานแห่งนี้ เป็นเพราะคนในครอบครัวบอกกล่าว ที่จริงเขาไม่ค่อยยุ่มย่ามมานานแล้ว เพราะสาเหตุเป็นที่รับทราบกันดี เขาเคยคบหาอยู่กับลูกสาวคนเล็กของท่านซึ่งกลายเป็นอดีตแล้ว หล่อนไม่หวนกลับมาที่เมืองไทย และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนอีก เขารู้แต่เพียงว่า หล่อนคนนี้ใจแข็งและเด็ดเดี่ยวนัก เมนิการีบพาตัวเองหลบไปทันที ทั้งๆที่ใจเต้นแรงนัก เขาเพียงแต่ต้องการจะพบกับหล่อน ดูเหมือนเขาพยายามกวาดตามอง จนกระทั่งเอ่ยปากถามผู้คนที่มาร่วมงานศพเช่นเดียวกัน “ลูกสาวคนเล็กของท่านไม่ได้กลับมาร่วมงานด้วยหรือครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD