ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 7

1273 Words
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 7 “คุณนิธิสเชิญคุณเลขาและคุณพี่เลี้ยงที่ห้องรับแขกนะคะ” ป้าคนที่เข้าไปปลอบคุณหนูของบ้านเดินเข้ามาแจ้ง ฉันและพี่มินตรารับรู้แล้วเช่นเดียวกัน หลังจากทำแผลให้ตัวเองเสร็จก็เดินไปตามทางเดินโดยมีพี่มินตราเดินนำอยู่ด้านหน้า “เชิญนั่งก่อนครับ” เจ้านายเอ่ยบอก ฉันจึงนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา ส่วนคุณหนูของบ้านก็นั่งที่โซฟาจ้องมองฉันด้วยแววตาแปลก ๆ “คุณคงจะเห็นแล้วว่าเติร์ดเป็นยังไง” “ค่ะ” ซนเอาเรื่องเลยล่ะ “เติร์ดนี่พี่เลี้ยงของลูก” “เติร์ดไม่เอาพี่เลี้ยง!” เด็กน้อยร้องเสียงดัง ขอบตาแดงก่ำอีกครั้ง หลังจากสงบได้ไม่นาน “ไม่ได้ ช่วงนี้พ่องานยุ่งไม่ว่างอยู่ด้วย” “เติร์ดอยู่คนเดียวได้” เด็กน้อยเถียงกลับแทบจะทันที คนเป็นพ่อเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความดื้อรั้นของลูกชาย “ไม่ได้ เติร์ดยังเด็กเกินไป” “เติร์ดไม่อยากมีพี่เลี้ยง ไม่เอา!” เด็กน้อยน้ำตาไหลพรากวิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นสอง โดยมีแม่บ้านวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง “เอาละ ที่เหลือคือหน้าที่คุณแล้ว ผมต้องไปทำงานหวังว่าจะไม่รีบเก็บของกลับบ้านไปก่อนนะ” เจ้านายมองฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพี่เลขาผู้ชาย ส่วนพี่มินตราหันมามองฉันพร้อมกับเอ่ยบอกประโยคสั้น ๆ อย่างให้กำลังใจ “สู้นะ” อ่า จะให้สู้กับอะไรกันล่ะเนี่ย เด็กน้อยคนนั้นดูไม่เอาพี่เลี้ยงจริง ๆ นะ “เอ่อ หนู ต้องทำอะไรต่อคะเนี่ย” เงยหน้าสบตากับพี่แม่บ้านคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะต่างจากฉันมากนัก พี่เขายิ้มแหยส่ายหน้ากลับมาให้เช่นเดียวกัน “หนูขึ้นไปข้างบนได้ไหม” “ได้ค่ะ มีป้าแม่บ้านอยู่” “ขอบคุณค่ะ” อย่างแรกต้องเริ่มต้นทำความรู้จักกับเด็กน้อยก่อนเลย และหวังว่าจะไม่โยนอะไรใส่หัวฉันอีกนะ แผลนี่แม้จะไม่เจ็บมากแต่ตอนที่ทายาคือแสบใช่เล่นเลยล่ะ “สวัสดีค่ะป้า” ฉันเดินเข้าใกล้ป้าแม่บ้านที่ยืนเคาะประตูห้องห้องหนึ่งอยู่ ป้าหันมามองฉันพร้อมกับรอยยิ้มเหนื่อย ๆ “สวัสดีค่ะ ป้ายังไม่ได้แนะนำตัวเลย ป้าชื่อกระวาน เรียกป้าวานก็ได้นะคะ” “ค่ะป้าวาน หนูชื่ออ้ายนะคะป้า” เอ่ยแนะนำตัวกลับไปเช่นเดียวกัน “เรื่องคุณหนู ถามป้าได้ทุกอย่างเลยนะคะ” “ป้าคะ บอกหนูได้ไหมทำไมคุณหนูถึงไม่อยากมีพี่เลี้ยงละคะ” ดูแล้วเด็กน้อยดูต่อต้านทุกครั้งยามได้ยินคำว่าพี่เลี้ยง และไม่เอาอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งพ่อตัวเอง “เท่าที่เคยเห็นและได้ยิน เหมือนจะเคยมีพวกพี่เลี้ยงที่เอ่อ หยิกแล้วก็ตีคุณหนูค่ะ แล้วก็ยังชอบพูดว่าจะมาเป็นแม่ใหม่แล้วมีลูกกับคุณชาย จะทิ้งคุณหนูอะไรแบบนั้น คุณหนูเลยไม่ชอบพี่เลี้ยง” โห เด็กตัวแค่นี้โดนเยอะมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย “แล้วพ่อ เอ่อ คุณชายของป้าไม่ดูลูกเลยเหรอคะ?” “ดูค่ะ เลี้ยงดูอย่างดีเลยค่ะ แต่บางครั้งคุณชายก็ต้องทำงานหรือเดินทางไปต่างประเทศเลยต้องมีพี่เลี้ยงไว้คอยดูแลคุณหนู ป้าก็ดูได้แต่ป้าก็อายุเยอะแล้วกลัวจะดูแลได้ไม่ดีค่ะ” “ความสัมพันธ์ของคุณชายและคุณหนูของป้ารักกันดีใช่ไหมคะ?” ทวนถามเพื่อความมั่นใจ “ค่ะ แต่เพิ่งจะทะเลาะกันเมื่อเช้า นี่คงหนักสุดเลยเพราะคุณชายดุเสียงดังจนหนูร้องไห้ แต่ป้าเข้าใจนะคะว่าคุณชายอาจจะเครียดเรื่องงาน แต่คุณหนูนี่สิ...” “...” เริ่มที่จะเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะ แต่เด็กน้อยนี่จะทำยังไงกันนะ เล่นขังตัวเองอยู่ในห้องแบบนี้ ฉันยืนนิ่งอยู่หน้าห้องสักพักก็ตัดสินใจเคาะประตูบานใหญ่เรียกคนตัวเล็กที่อยู่ในห้อง เคาะและเรียกอยู่นานก็ไร้เสียงตอบรับกลับมา “น้องเติร์ด” เปลี่ยนคำเรียกจากคุณหนูเป็นน้อง ถ้าเด็กน้อยไม่อยากได้พี่เลี้ยงฉันไม่เป็นก็ได้ จะเป็นแค่พี่ก็พอแล้วกัน “น้องเติร์ดเปิดประตูให้พี่อ้ายหน่อยได้ไหมคะ” “...” ภายในห้องยังเงียบอยู่ดังเดิม “พี่อ้ายจะชวนไปกินข้าว เติร์ดไปกินกับพี่ไหม มีกุ้งด้วยนะหรือเราจะกินไก่ทอดดี” ร้องชวนมือก็เคาะประตูห้องไปด้วย ฉันมองป้าแม่บ้านก่อนจะยิ้มแหย รู้สึกหมดหนทางแต่จังหวะที่ป้าแม่บ้านกำลังหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเสื้อประตูบานใหญ่ก็ค่อย ๆ เปิดแง้มออก ป้าแม่บ้านเตรียมจะผลักประตูเข้าไปแต่ฉันยกมือห้ามไว้เสียก่อน แม้ท่านจะยังมีท่าทีสงสัยแต่ก็ยอมหยุดตามที่ฉันเตือนไป “เติร์ด...” เอ่ยเรียกชื่อคนในห้องอย่างนุ่มนวล ไม่ได้อยากให้น้องกลัวหรือตกใจไปมากกว่าการที่ต้องมารับรู้เรื่องที่ตัวเองจะต้องมีพี่เลี้ยง “...” “ไปทำอะไรกินกับพี่อ้ายไหม?” “...” “กุ้งทอดกระเทียมหรือจะกินไก่ทอดดี” “...” “ถ้าเติร์ดไม่เอาพี่เลี้ยงพี่ก็จะไม่เป็น” ฉันค่อย ๆ นั่งลงที่พื้นหน้าประตู เพื่อที่จะได้พูดคุยกับเจ้าของห้องที่ยังไม่ยอมออกมา และรู้สึกเหมือนน้องจะนั่งที่พื้นฝั่งตรงข้ามประตูเหมือนกับฉันเช่นเดียวกัน “ไม่ชอบใช่ไหมล่ะ พี่รู้แล้ว” เอ่ยคุยกับเด็กน้อย “...” “พี่ไม่บังคับนะรู้ไหม เติร์ดมีอิสระของเติร์ด พี่จะไม่บังคับ” “...” “แต่พี่ขอดูแลเติร์ดได้ไหม เรามาแชร์กันดีไหม มาเล่นแล้วก็นั่งกินข้าวด้วยกันแบบนั้น” “...” “ถ้าเติร์ดตกลง ให้เปิดประตูกว้างขึ้นกว่านี้นะครับ” พูดคุยกับเด็กน้อยด้วยความใจเย็น แอบใจชื้นเมื่อพบว่ามีมือเล็ก ๆ จับที่ขอบประตูและดึงให้ประตูเปิดกว้างขึ้น “ตอนนี้มันอาจจะเร็วไปถ้าจะให้เราสนิทกัน แต่เติร์ดหิวไหมพี่หิวมากเลย” “...” “เราไปกินข้าวกันไหม” หิวอะไรละคะ ฉันเพิ่งกินข้าวเช้ามานี่เอง “มื้อแรกของเรา พี่จะทำไก่ทอดให้กินเองแบบนั้นดีไหม” คนหลังประตูยังเงียบ แต่ก็ต้องหลุดยิ้มดีใจเมื่อได้ยินเสียงที่ดังจากหลังประตูตอบกลับมาเบา ๆ “ขอกุ้งด้วยได้ไหม” “ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ทำกุ้งให้ด้วย ไปทำช่วยกันดีไหม” “...” ยามประตูห้องนอนของเติร์ดเปิดกว้างขึ้นก็พบว่าคนตัวเล็กขอบตาแดงช้ำ บนแก้มยังมีคราบน้ำตา ฉันส่งยิ้มให้เด็กน้อยบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยชวนให้เดินไปข้างล่างพร้อมกัน “ไปกับพี่นะ ไปกินข้าวด้วยกัน” เด็กน้อยมีบาดแผลในใจไม่ต่างจากฉันเลย แต่จะว่าไป เด็กน้อยคนนี้หน้าคุ้น ๆ เหมือนกันนะ เอาเถอะ นึกยังไงก็นึกไม่ออกขอไม่นึกแล้วกัน ===== เอาละ หลานเราน่ารักขนาดนี้จะให้ไม่หลงได้ยังไงกัน ปล.วันนี้อัปแค่หนึ่งตอนนะคะ เมาส์พังรอเมาส์ใหม่มาส่งวันที่ 17-18 เรามาเจอกันวันละตอนกันเถอะค่ะ ^_^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD