ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 8

1902 Words
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 8 ฉันยืนทำอาหารโดยมีน้องเติร์ดนั่งอยู่ที่เก้าอี้มุมห้องครัวและยังจ้องมองฉันไม่ละสายตา ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเด็กน้อยก็คอยมองตามด้วยความสนใจ “กินกุ้งกี่ตัวดีพี่จะแกะให้” เอ่ยถามเด็กน้อยที่ดูแล้วอยากมีส่วนร่วมไม่น้อยเลยกับการทำมื้อเที่ยงในตอนนี้ “สิบตัวครับ” เด็กน้อยยกมือกางนิ้วให้ดูอย่างตื่นเต้น “ได้เลย สิบตัวนะ” “เดี๋ยวป้าทำให้ดีไหมคะคุณอ้าย” ป้าแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้วยเอ่ยอาสา “ไม่เป็นไรค่ะป้าเดี๋ยวหนูทำเองค่ะ” เพราะสัญญากับเด็กน้อยไว้แล้วว่าจะทำให้กินเอง กลัวว่าหากให้คนอื่นมาทำให้แล้วจะคิดว่าฉันผิดสัญญา “ถ้าอย่างนั้นป้ารอตรงนี้นะคะ อยากได้อะไรหรืออยากให้ป้าช่วยบอกได้เลยค่ะ” “ขอบคุณค่ะป้า” ไม่นานกุ้งทอดกระเทียมก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมกับไก่ทอดอีกนิดหน่อย มื้อเที่ยงของเราสองคนเริ่มต้นเมื่อเวลาเที่ยงตรง กุ้งโตตัวถูกตักใส่จานให้กับน้องเติร์ดที่มองดวงตาเป็นประกาย “อร่อยไหม?” ชวนคนตรงหน้าคุย “อร่อยครับ” “งั้นก็กินเยอะ ๆ นะมีกุ้งตั้งสิบตัวแหนะ” “ครับเติร์ดจะกินเยอะ ๆ เลย” เมื่อได้กินของโปรดก็ดุอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกเบาใจอยู่มาก “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไหม?” “ไปครับ” ระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็ชวนคุยชวนถามไปเรื่อยให้เด็กน้อยได้สบายใจที่ฉันอยู่ด้วย “ปกติไปยังไงคะ?” ฉันถามมือก็ตักไก่ทอดที่ฉีกเป็นชิ้นให้เติร์ดเพื่อที่จะได้กินง่าย ๆ ขึ้น “พี่สิทธิ์ไปส่งครับ บางวันพ่อก็ไปด้วย” “พรุ่งนี้พี่ไปด้วยได้ไหม?” ถามความสมัครใจของคนตัวเล็ก ที่เมื่อได้ยินก็มีท่าทีลังเลอยู่ไม่น้อย “ครับ ไปได้” “ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งด้วยนะคะ” ยิ้มกว้างอย่างขอบคุณเด็กน้อยที่ยอมให้ไปส่ง เหมือนจะพูดคุยได้บ้างแล้ว แต่ฉันยังรู้ว่าเติร์ดไม่ได้เปิดใจให้มากขนาดนั้น เอาเถอะนี่มันเพิ่งจะวันแรกจะไปเร่งรัดก็คงไม่ได้ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปน่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับเราในตอนนี้ ตอนเย็นเด็กน้อยนั่งรอผู้เป็นพ่อกลับบ้าน กินมื้อเย็นเสร็จก็มานั่งรอที่โซฟาห้องรับแขก โดยมีฉันนั่งอยู่เป็นเพื่อน จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้เดินกลับเข้าไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่รถตัวเองเลย แล้วห้องพักอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ “เติร์ดขึ้นไปนอนพักก่อนดีไหม?” เอ่ยถามเด็กน้อยที่ยังนั่งรอคนเป็นพ่อกลับจากที่ทำงานอย่างใจจดใจจ่อ “แต่เติร์ดอยากรอพ่อก่อน...” “ถ้าอย่างนั้นรออีกยี่สิบนาทีถ้าคุณพ่อยังไม่มาเติร์ดขึ้นไปนอนพักนะคะ” “ไม่เอาเติร์ดจะรอพ่อ...” อา “ถ้าอย่างนั้นพี่จะรอเป็นเพื่อน แต่ถ้าเติร์ดง่วงเติร์ดบอกพี่เลยนะ” “ครับ” นับว่าดีมาก ๆ ที่หลังจากตกลงกันเสร็จไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ เติร์ดวิ่งออกจากห้องรับแขกไปฉันจึงรีบเดินตาม ก็เห็นว่าเติร์ดวิ่งไปกอดผู้เป็นพ่อที่กำลังเดินเข้ามายังตัวบ้าน “กินข้าวหรือยัง” เจ้านายเอ่ยถามเติร์ด น้ำเสียงนั้นช่างแตกต่างจากเมื่อเช้าเหลือนเดิน “กินแล้วครับ พี่อ้ายทำให้กิน” “พี่อ้าย?” “ใช่ครับ พี่อ้าย” เติร์ดยืนยัน เจ้านายไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม พยักหน้าให้ลูกชายก่อนจะเดินจับมือเข้ามาใกล้ฉัน พอเห็นแบบนั้นฉันก็รีบถอยห่างด้วยความตกใจ “เดี๋ยวจะให้แม่บ้านพาไปที่ห้องพักแล้วกัน” “ค่ะเจ้านาย” “ไม่ต้องเรียกเจ้านาย” เจ้านายเอ่ยบอก แต่ว่าถ้าไม่ให้เรียกเจ้านายจะให้ฉันเรียกว่าอะไรกันล่ะ “เรียกชื่อก็ได้” ราวกับล่วงรู้ความคิด เจ้านายถึงได้เอ่ยบอกฉันเสียงเข้ม “ค่ะคุณนิธิส” “เฟิร์ส ชื่อของผม” “คะ?” ทวนถามอย่างไม่เข้าใจ แต่เจ้านายนั้นจูงมือลูกตัวเองผ่านฉันไปแล้ว ตรงนี้เลยมีเพียงฉันและป้าแม่บ้านเท่านั้น อ้อ มีพี่คนหนึ่งที่เป็นคนดูแลน้องเติร์ดด้วย “หึหึ ทำใจหน่อยนะคะพ่อลูกคู่นี้พูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ค่ะ เดี๋ยวป้าจะพาไปห้องนะคะ” ป้าแม่บ้านเอ่ยบอกฉันด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “หนูขอไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ” “ได้ค่ะ ป้ารอตรงนี้นะคะ” ป้าแม่บ้านบอก ฉันจึงเดินออกจากตัวบ้านเพื่อกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าจากท้ายรถ เตรียมเข้าห้องนอน วันนี้กลับรู้สึกง่วงอย่างที่ไม่เคยเป็น ทั้งที่ปกติเวลานี้ฉันเพิ่งกินข้าวเย็นด้วยซ้ำ “ผมช่วยถือครับ” พี่คนดูแลเอ่ยบอก “ขอบคุณค่ะ” เอ่ยตอบกลับไปก่อนจะค่อย ๆ เดินตามป้าแม่บ้านไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อเห็นว่าป้าแม่บ้านเดินขึ้นบันไดฉันก็เกิดความสงสัยแต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้กับตัวเอง กระทั่งเดินมาถึงห้องหนึ่งป้าแม่บ้านก็หยุดเดินและเปิดประตูให้ฉัน ห้องนี้อยู่ข้าง ๆ ห้องของน้องเติร์ด “ห้องพักของคุณอ้ายค่ะ” “ป้าคะ พี่เลี้ยงต้องอยู่ห้องนี้ด้วยเหรอคะ ไม่ใช่อยู่ห้องพักคนงานหรอกเหรอ?” รีบถามป้าแม่บ้านด้วยความสงสัย แต่ป้าก็ไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้เท่านั้น “ห้องนี้เหมาะกับคุณอ้ายที่สุดแล้วค่ะ พักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมงเป็นเวลารับอาหารเช้า คุณอย่าลืมไปปลุกคุณหนูนะคะ อาบน้ำแต่งตัวด้วยล่ะ” “ค่ะ ป้า” เพราะเด็กน้อยต้องไปเรียนฉันมีหน้าที่ดูแลเติร์ดทุกอย่าง ดังนั้นต้องรีบนอนเพื่อที่จะได้ตื่นแต่เช้าแล้วไปปลุกเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน แต่ถึงแม้จะเหนื่อยและง่วงมากแค่ไหนฉันก็นอนไม่หลับ ได้แต่ส่งข้อความคุยกับเหล่าพี่ชายที่ไม่รู้ทำอะไรจนบ้านฉันพังหรือเปล่า นอกจากนี้ก็ส่งข้อความคุยกับมะลิด้วยนะ เพื่อเป็นห่วงและถามว่าทำงานวันแรกเป็นยังไงฉันถึงกับต้องส่งรูปหน้าตาตัวเองประกอบข้อความส่งไป 06.00 น. ฉันรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงแจ้งเตือนนาฬิกาปลุก รีบอาบน้ำแต่งตัว ส่องกระจกจนมั่นใจว่าตัวเองเรียบร้อยก็ออกจากห้องนอนเพื่อไปปลุกคุณหนูของบ้านอย่างน้องเติร์ด พอเรียกคุณหนูก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันเรียกน้องเติร์ดดีกว่าจะได้สนิทกันเร็ว ๆ ห้องนอนของน้องเติร์ดมุมด้านหนึ่งมีตู้โชว์ที่มีของเล่นวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ร่างเล็กยังหลับอยู่บนเตียงฉันจึงค่อย ๆ เปิดไฟมุมห้องพอให้มีแสงสลัวเท่านั้น ก่อนจะเดินเข้าใกล้เจ้าของห้องที่หลับไม่รู้เรื่อง “เติร์ด น้องเติร์ดครับ” กระซิบเรียกคนที่หลับเสียงเบา กลัวจะตกใจเอาได้ “น้องเติร์ด” “อือ!” คนที่รู้สึกตัวตื่นร้องอย่างไม่พอใจ เมื่อลืมตาตื่นแล้วพบเจอฉันดวงตาแข็งกร้าวก็ดูเหมือนจะจางลงทันทีเช่นเดียวกัน “พี่อ้าย...” คนตัวเล็กเอ่ยเรียกชื่อเสียงแผ่ว “ใช่ค่ะพี่อ้ายเอง น้องเติร์ดต้องตื่นไปอาบน้ำได้แล้วนะ จะได้ไปกินข้าวก่อนไปโรงเรียน” “ครับ” พูดง่ายจัง ทีแรกนึกว่าจะงอแงเสียอีก “งั้นไปกันค่ะ เดี๋ยวพี่อ้ายรอแต่งตัวให้นะ” “เติร์ดแต่งเองได้ครับ” “เก่งจังเลย งั้นพี่อ้ายจะอยู่ในห้องนะเผื่อเติร์ดอยากให้พี่อ้ายช่วยอะไร” “ก็ได้ครับ” “เอ่อ น้องเติร์ดเข้าห้องน้ำเองได้ใช่ไหม” ไม่รู้ว่าความสามารถของเด็กเจ็ดขวบทำอะไรได้บ้าง เพราะบางบ้านก็สอนไม่เหมือนกัน “ได้ครับ แต่เติร์ดยังสระผมเองไม่ได้อะ” “แค่นี้ก็เก่งแล้วค่ะ พี่รอตรงนี้” อุ้มเติร์ดลงจากเตียงคอยมองจนเห็นว่าถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าและเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วคนตัวเล็กก็เดินกลับมายังประตูห้องน้ำ “เติร์ดต้องปิดประตู จะอึ๊ ๆ” “อ๋อ โอเค ไม่ต้องล็อกประตูนะ” “ครับ” ฉันยืนรอเด็กน้อย ก่อนจะกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องก็เจอกับตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ที่ถูกทำเป็นแบบบิ้วอิน ต้องเตรียมเสื้อผ้าด้วยสินะ คิดได้แบบนั้นก็เดินเข้าใกล้ตู้เสื้อผ้าเปิดดูชุดและหยิบชุดออกมาเตรียมไว้ ดีที่พี่มินตราส่งตารางชุดที่ต้องใส่แต่ละวันให้แล้ว เมื่อวานก็สงสัยว่าทำไมเติร์ดไม่ไปโรงเรียน ทั้งที่เป็นวันธรรมดาแต่พี่มินตราก็บอกว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบไปโรงเรียนเท่าไหร่นัก นี่เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่พอฉันบอกว่าจะไปส่งที่โรงเรียนแล้วเจ้าตัวไม่งอแงหรือต่อต้านทั้งที่คนตัวเล็กนั้นไม่ชอบที่จะไปโรงเรียน ถึงแม้จะไม่ชอบโรงเรียนแต่เติร์ดน่ะเรียนเก่งมากเลยนะ คุยได้มากถึงสามภาษาเลยน่าจะพ่อเจ้าตัวที่ส่งให้เรียนภาษาเพิ่มเติม “เสร็จแล้วครับ” เติร์ดใช้ผ้าเช็ดตัวพันร่างตัวเองเดินดุ๊กดิ๊กออกจากห้องน้ำ ฉันส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่กำลังเดินดุ๊กดิ๊กเข้ามาใกล้ “มาค่ะ พี่อ้ายช่วยแต่งตัว” “ครับ” เด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ ฉันจึงหยิบกางเกงชั้นในน้องมาให้น้องสวมด้วยตัวเอง เมื่อสวมเสร็จก็ปล่อยผ้าเช็ดตัวกองที่พื้น “พี่เติร์ดตื่นหรือยังลูก...” เสียงที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เราทั้งสองคนหันกลับไปมองยังประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกัน คุณนิธิสที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ออกอาการตกใจที่เจอฉันอยู่ในห้องเติร์ดแบบนี้ “ฉันมาช่วยดูเติร์ดอาบน้ำแต่งตัวค่ะ” “ครับ” อีกฝ่ายขานรับเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงนอนของเติร์ดมองดูฉันแต่งตัวให้เติร์ด คนตัวเล็กเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดีพร้อมที่จะลงไปกินข้าวเพื่อไปโรงเรียนแล้ว “ทำไมวันนี้ยอมไปง่าย ๆ ล่ะ?” คุณนิธิสที่มองด้วยความสงสัยเอ่ยถามลูกชายตัวเองเสียงนุ่ม ไม่ได้ดุแต่เหมือนจะแซวมากกว่า พ่อลูกผู้ชายเขาแซวกันแบบนี้เหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนจริง ๆ “พี่อ้ายจะไปส่งพี่เติร์ด” “อ๋อ เลยไม่งอแงสินะ” “ใช่ เดี๋ยวพี่อ้ายทิ้งเราไป” “หึ เจ้าเล่ห์นัก” “เหมือนพ่อไง” เด็กตัวเล็กยังลับฝีปากกับพ่อตัวเองอย่างสนุก ========= น้องเติร์ดยังไงลูกจะเอาเลยเหรอคนนี้น่ะ แจ้งข่าวนะคะ หยุดอัป วันเสาร์-วันอาทิตย์นะคะ เจอกันวันจันทร์ค่ะ ขอเคลียร์ *****คก่อนนะคะ ทีม *****คหยอดกระปุกหมูรอได้เลยค่ะ ^_^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD