ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 8
ฉันยืนทำอาหารโดยมีน้องเติร์ดนั่งอยู่ที่เก้าอี้มุมห้องครัวและยังจ้องมองฉันไม่ละสายตา ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเด็กน้อยก็คอยมองตามด้วยความสนใจ
“กินกุ้งกี่ตัวดีพี่จะแกะให้” เอ่ยถามเด็กน้อยที่ดูแล้วอยากมีส่วนร่วมไม่น้อยเลยกับการทำมื้อเที่ยงในตอนนี้
“สิบตัวครับ” เด็กน้อยยกมือกางนิ้วให้ดูอย่างตื่นเต้น
“ได้เลย สิบตัวนะ”
“เดี๋ยวป้าทำให้ดีไหมคะคุณอ้าย” ป้าแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้วยเอ่ยอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะป้าเดี๋ยวหนูทำเองค่ะ” เพราะสัญญากับเด็กน้อยไว้แล้วว่าจะทำให้กินเอง กลัวว่าหากให้คนอื่นมาทำให้แล้วจะคิดว่าฉันผิดสัญญา
“ถ้าอย่างนั้นป้ารอตรงนี้นะคะ อยากได้อะไรหรืออยากให้ป้าช่วยบอกได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะป้า”
ไม่นานกุ้งทอดกระเทียมก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมกับไก่ทอดอีกนิดหน่อย มื้อเที่ยงของเราสองคนเริ่มต้นเมื่อเวลาเที่ยงตรง กุ้งโตตัวถูกตักใส่จานให้กับน้องเติร์ดที่มองดวงตาเป็นประกาย
“อร่อยไหม?” ชวนคนตรงหน้าคุย
“อร่อยครับ”
“งั้นก็กินเยอะ ๆ นะมีกุ้งตั้งสิบตัวแหนะ”
“ครับเติร์ดจะกินเยอะ ๆ เลย” เมื่อได้กินของโปรดก็ดุอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกเบาใจอยู่มาก
“พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไหม?”
“ไปครับ” ระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็ชวนคุยชวนถามไปเรื่อยให้เด็กน้อยได้สบายใจที่ฉันอยู่ด้วย
“ปกติไปยังไงคะ?” ฉันถามมือก็ตักไก่ทอดที่ฉีกเป็นชิ้นให้เติร์ดเพื่อที่จะได้กินง่าย ๆ ขึ้น
“พี่สิทธิ์ไปส่งครับ บางวันพ่อก็ไปด้วย”
“พรุ่งนี้พี่ไปด้วยได้ไหม?” ถามความสมัครใจของคนตัวเล็ก ที่เมื่อได้ยินก็มีท่าทีลังเลอยู่ไม่น้อย
“ครับ ไปได้”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งด้วยนะคะ” ยิ้มกว้างอย่างขอบคุณเด็กน้อยที่ยอมให้ไปส่ง เหมือนจะพูดคุยได้บ้างแล้ว แต่ฉันยังรู้ว่าเติร์ดไม่ได้เปิดใจให้มากขนาดนั้น เอาเถอะนี่มันเพิ่งจะวันแรกจะไปเร่งรัดก็คงไม่ได้ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปน่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับเราในตอนนี้
ตอนเย็นเด็กน้อยนั่งรอผู้เป็นพ่อกลับบ้าน กินมื้อเย็นเสร็จก็มานั่งรอที่โซฟาห้องรับแขก โดยมีฉันนั่งอยู่เป็นเพื่อน จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้เดินกลับเข้าไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่รถตัวเองเลย แล้วห้องพักอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
“เติร์ดขึ้นไปนอนพักก่อนดีไหม?” เอ่ยถามเด็กน้อยที่ยังนั่งรอคนเป็นพ่อกลับจากที่ทำงานอย่างใจจดใจจ่อ
“แต่เติร์ดอยากรอพ่อก่อน...”
“ถ้าอย่างนั้นรออีกยี่สิบนาทีถ้าคุณพ่อยังไม่มาเติร์ดขึ้นไปนอนพักนะคะ”
“ไม่เอาเติร์ดจะรอพ่อ...” อา
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะรอเป็นเพื่อน แต่ถ้าเติร์ดง่วงเติร์ดบอกพี่เลยนะ”
“ครับ”
นับว่าดีมาก ๆ ที่หลังจากตกลงกันเสร็จไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ เติร์ดวิ่งออกจากห้องรับแขกไปฉันจึงรีบเดินตาม ก็เห็นว่าเติร์ดวิ่งไปกอดผู้เป็นพ่อที่กำลังเดินเข้ามายังตัวบ้าน
“กินข้าวหรือยัง” เจ้านายเอ่ยถามเติร์ด น้ำเสียงนั้นช่างแตกต่างจากเมื่อเช้าเหลือนเดิน
“กินแล้วครับ พี่อ้ายทำให้กิน”
“พี่อ้าย?”
“ใช่ครับ พี่อ้าย” เติร์ดยืนยัน เจ้านายไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม พยักหน้าให้ลูกชายก่อนจะเดินจับมือเข้ามาใกล้ฉัน พอเห็นแบบนั้นฉันก็รีบถอยห่างด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวจะให้แม่บ้านพาไปที่ห้องพักแล้วกัน”
“ค่ะเจ้านาย”
“ไม่ต้องเรียกเจ้านาย” เจ้านายเอ่ยบอก แต่ว่าถ้าไม่ให้เรียกเจ้านายจะให้ฉันเรียกว่าอะไรกันล่ะ
“เรียกชื่อก็ได้” ราวกับล่วงรู้ความคิด เจ้านายถึงได้เอ่ยบอกฉันเสียงเข้ม
“ค่ะคุณนิธิส”
“เฟิร์ส ชื่อของผม”
“คะ?” ทวนถามอย่างไม่เข้าใจ แต่เจ้านายนั้นจูงมือลูกตัวเองผ่านฉันไปแล้ว ตรงนี้เลยมีเพียงฉันและป้าแม่บ้านเท่านั้น อ้อ มีพี่คนหนึ่งที่เป็นคนดูแลน้องเติร์ดด้วย
“หึหึ ทำใจหน่อยนะคะพ่อลูกคู่นี้พูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ค่ะ เดี๋ยวป้าจะพาไปห้องนะคะ” ป้าแม่บ้านเอ่ยบอกฉันด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“หนูขอไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ”
“ได้ค่ะ ป้ารอตรงนี้นะคะ” ป้าแม่บ้านบอก ฉันจึงเดินออกจากตัวบ้านเพื่อกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าจากท้ายรถ เตรียมเข้าห้องนอน วันนี้กลับรู้สึกง่วงอย่างที่ไม่เคยเป็น ทั้งที่ปกติเวลานี้ฉันเพิ่งกินข้าวเย็นด้วยซ้ำ
“ผมช่วยถือครับ” พี่คนดูแลเอ่ยบอก
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยตอบกลับไปก่อนจะค่อย ๆ เดินตามป้าแม่บ้านไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อเห็นว่าป้าแม่บ้านเดินขึ้นบันไดฉันก็เกิดความสงสัยแต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้กับตัวเอง กระทั่งเดินมาถึงห้องหนึ่งป้าแม่บ้านก็หยุดเดินและเปิดประตูให้ฉัน ห้องนี้อยู่ข้าง ๆ ห้องของน้องเติร์ด
“ห้องพักของคุณอ้ายค่ะ”
“ป้าคะ พี่เลี้ยงต้องอยู่ห้องนี้ด้วยเหรอคะ ไม่ใช่อยู่ห้องพักคนงานหรอกเหรอ?” รีบถามป้าแม่บ้านด้วยความสงสัย แต่ป้าก็ไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้เท่านั้น
“ห้องนี้เหมาะกับคุณอ้ายที่สุดแล้วค่ะ พักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมงเป็นเวลารับอาหารเช้า คุณอย่าลืมไปปลุกคุณหนูนะคะ อาบน้ำแต่งตัวด้วยล่ะ”
“ค่ะ ป้า” เพราะเด็กน้อยต้องไปเรียนฉันมีหน้าที่ดูแลเติร์ดทุกอย่าง ดังนั้นต้องรีบนอนเพื่อที่จะได้ตื่นแต่เช้าแล้วไปปลุกเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน
แต่ถึงแม้จะเหนื่อยและง่วงมากแค่ไหนฉันก็นอนไม่หลับ ได้แต่ส่งข้อความคุยกับเหล่าพี่ชายที่ไม่รู้ทำอะไรจนบ้านฉันพังหรือเปล่า นอกจากนี้ก็ส่งข้อความคุยกับมะลิด้วยนะ เพื่อเป็นห่วงและถามว่าทำงานวันแรกเป็นยังไงฉันถึงกับต้องส่งรูปหน้าตาตัวเองประกอบข้อความส่งไป
06.00 น.
ฉันรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงแจ้งเตือนนาฬิกาปลุก รีบอาบน้ำแต่งตัว ส่องกระจกจนมั่นใจว่าตัวเองเรียบร้อยก็ออกจากห้องนอนเพื่อไปปลุกคุณหนูของบ้านอย่างน้องเติร์ด พอเรียกคุณหนูก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันเรียกน้องเติร์ดดีกว่าจะได้สนิทกันเร็ว ๆ
ห้องนอนของน้องเติร์ดมุมด้านหนึ่งมีตู้โชว์ที่มีของเล่นวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ร่างเล็กยังหลับอยู่บนเตียงฉันจึงค่อย ๆ เปิดไฟมุมห้องพอให้มีแสงสลัวเท่านั้น ก่อนจะเดินเข้าใกล้เจ้าของห้องที่หลับไม่รู้เรื่อง
“เติร์ด น้องเติร์ดครับ” กระซิบเรียกคนที่หลับเสียงเบา กลัวจะตกใจเอาได้
“น้องเติร์ด”
“อือ!” คนที่รู้สึกตัวตื่นร้องอย่างไม่พอใจ เมื่อลืมตาตื่นแล้วพบเจอฉันดวงตาแข็งกร้าวก็ดูเหมือนจะจางลงทันทีเช่นเดียวกัน
“พี่อ้าย...” คนตัวเล็กเอ่ยเรียกชื่อเสียงแผ่ว
“ใช่ค่ะพี่อ้ายเอง น้องเติร์ดต้องตื่นไปอาบน้ำได้แล้วนะ จะได้ไปกินข้าวก่อนไปโรงเรียน”
“ครับ” พูดง่ายจัง ทีแรกนึกว่าจะงอแงเสียอีก
“งั้นไปกันค่ะ เดี๋ยวพี่อ้ายรอแต่งตัวให้นะ”
“เติร์ดแต่งเองได้ครับ”
“เก่งจังเลย งั้นพี่อ้ายจะอยู่ในห้องนะเผื่อเติร์ดอยากให้พี่อ้ายช่วยอะไร”
“ก็ได้ครับ”
“เอ่อ น้องเติร์ดเข้าห้องน้ำเองได้ใช่ไหม” ไม่รู้ว่าความสามารถของเด็กเจ็ดขวบทำอะไรได้บ้าง เพราะบางบ้านก็สอนไม่เหมือนกัน
“ได้ครับ แต่เติร์ดยังสระผมเองไม่ได้อะ”
“แค่นี้ก็เก่งแล้วค่ะ พี่รอตรงนี้”
อุ้มเติร์ดลงจากเตียงคอยมองจนเห็นว่าถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าและเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วคนตัวเล็กก็เดินกลับมายังประตูห้องน้ำ
“เติร์ดต้องปิดประตู จะอึ๊ ๆ”
“อ๋อ โอเค ไม่ต้องล็อกประตูนะ”
“ครับ”
ฉันยืนรอเด็กน้อย ก่อนจะกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องก็เจอกับตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ที่ถูกทำเป็นแบบบิ้วอิน ต้องเตรียมเสื้อผ้าด้วยสินะ คิดได้แบบนั้นก็เดินเข้าใกล้ตู้เสื้อผ้าเปิดดูชุดและหยิบชุดออกมาเตรียมไว้ ดีที่พี่มินตราส่งตารางชุดที่ต้องใส่แต่ละวันให้แล้ว เมื่อวานก็สงสัยว่าทำไมเติร์ดไม่ไปโรงเรียน ทั้งที่เป็นวันธรรมดาแต่พี่มินตราก็บอกว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบไปโรงเรียนเท่าไหร่นัก นี่เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่พอฉันบอกว่าจะไปส่งที่โรงเรียนแล้วเจ้าตัวไม่งอแงหรือต่อต้านทั้งที่คนตัวเล็กนั้นไม่ชอบที่จะไปโรงเรียน
ถึงแม้จะไม่ชอบโรงเรียนแต่เติร์ดน่ะเรียนเก่งมากเลยนะ คุยได้มากถึงสามภาษาเลยน่าจะพ่อเจ้าตัวที่ส่งให้เรียนภาษาเพิ่มเติม
“เสร็จแล้วครับ” เติร์ดใช้ผ้าเช็ดตัวพันร่างตัวเองเดินดุ๊กดิ๊กออกจากห้องน้ำ ฉันส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่กำลังเดินดุ๊กดิ๊กเข้ามาใกล้
“มาค่ะ พี่อ้ายช่วยแต่งตัว”
“ครับ” เด็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ ฉันจึงหยิบกางเกงชั้นในน้องมาให้น้องสวมด้วยตัวเอง เมื่อสวมเสร็จก็ปล่อยผ้าเช็ดตัวกองที่พื้น
“พี่เติร์ดตื่นหรือยังลูก...” เสียงที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เราทั้งสองคนหันกลับไปมองยังประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกัน คุณนิธิสที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ออกอาการตกใจที่เจอฉันอยู่ในห้องเติร์ดแบบนี้
“ฉันมาช่วยดูเติร์ดอาบน้ำแต่งตัวค่ะ”
“ครับ” อีกฝ่ายขานรับเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงนอนของเติร์ดมองดูฉันแต่งตัวให้เติร์ด คนตัวเล็กเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดีพร้อมที่จะลงไปกินข้าวเพื่อไปโรงเรียนแล้ว
“ทำไมวันนี้ยอมไปง่าย ๆ ล่ะ?” คุณนิธิสที่มองด้วยความสงสัยเอ่ยถามลูกชายตัวเองเสียงนุ่ม ไม่ได้ดุแต่เหมือนจะแซวมากกว่า พ่อลูกผู้ชายเขาแซวกันแบบนี้เหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนจริง ๆ
“พี่อ้ายจะไปส่งพี่เติร์ด”
“อ๋อ เลยไม่งอแงสินะ”
“ใช่ เดี๋ยวพี่อ้ายทิ้งเราไป”
“หึ เจ้าเล่ห์นัก”
“เหมือนพ่อไง” เด็กตัวเล็กยังลับฝีปากกับพ่อตัวเองอย่างสนุก
=========
น้องเติร์ดยังไงลูกจะเอาเลยเหรอคนนี้น่ะ
แจ้งข่าวนะคะ หยุดอัป วันเสาร์-วันอาทิตย์นะคะ เจอกันวันจันทร์ค่ะ ขอเคลียร์ *****คก่อนนะคะ
ทีม *****คหยอดกระปุกหมูรอได้เลยค่ะ ^_^