งานเลี้ยงรุ่นนายเรืออากาศ รุ่นที่ 20 @ผับดังในตัวเมืองภูเก็ต
“ใส่เสื้อเหมือนกันหมดแบบนี้ แบบนี้จะรู้ได้ไงว่าคนไหน” เขมจิราเอ่ยถามเพื่อนที่เธอจ้างวานให้จับตาดูเป้าหมายที่ตนเองเล็งไว้ด้วยน้ำเสียงอย่างไม่มั่นใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“คนที่นั่งทางขวาคนแรกโต๊ะตัวกลางที่ใส่นาฬิกายี่ห้อโอเมก้าหน้าปัดสีน้ำเงินนั่นไง ท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่นนะ ดูจากนาฬิกาแล้วรุ่นนี้ราคามือสองยังเกือบแสนเลยแก” แพรนภาหันมาบอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นในขณะที่พูดออกไป
“นักสืบที่จ้างไปบอกข้อมูลมาถูกต้องแน่นะ” เขมจิราหันมาถามย้ำกับเพื่อนอีกครั้ง
“นักสืบมือดีเลยนะที่จ้างให้ทำงานนี้ ผลงานของเขานี่ไม่เคยชี้เป้าพลาดเลยสักรายเดียว เขาเคยชี้เป้าเมียน้อยให้เมียหลวงมาหลายคนแล้ว นักสืบยืนยันว่าผู้ชายคนนี้ที่แกให้สืบเป็นคนรักและกำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่ชื่อ ปรียาดา ลูกสาวของพลเอกปกรณ์และคุณหญิงผกาสินีแน่นอน คนทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะว่าพ่อของคนทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน แถมยังปลูกต้นรักกันมาก็เข้าปีที่เจ็ดในเดือนหน้าพอดี จนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอยากให้คนทั้งคู่แต่งกันสักที แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงยังอยากทำงานที่ตัวเองรักก่อน เลยขอเปลี่ยนจากงานแต่งเป็นงานหมั้นแทน” แพรวนภาเล่าในสิ่งที่ได้ความจากนักสืบให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด
“อืมม ปีที่เจ็ดซะด้วย ไม่อยากแต่งก็จะได้เลิกให้ไปทำงานที่ตัวเองรักสมใจไปเลยแล้วกัน” เขมจิราพูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มออกมาเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าว
“แล้วประวัติผู้ชายคนนี้ล่ะ” เขมจิราหันไปถามเพื่อนก่อนจะหันไปมองผู้ชายตรงหน้าไกลๆ ที่กำลังชนแก้วกับกลุ่มเพื่อนที่เดินเข้ามาชนแก้วทักทายไม่หยุด
“เฮ้อ แกนี่ไม่สนใจโลกภายนอกจริงๆ เลยนะ”
“ทำไม เค้าเป็นเซเล็บหรือดาราดังเหรอ” เขมจิราเอ่ยถามอย่างคนไม่รู้กับเพื่อนที่มีสีหน้ามองบนกับคำพูดของเธอ
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่ว่าในโลกโซเชียลไม่มีใครไม่รู้จักเขา เพราะเขาเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตทหารที่หลงป่า การช่วยของเขาคือเขาขับเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยทหารที่หลงติดเข้าไปในป่าถึงเจ็ดวัน แต่เขากลับสามารถหาทหารเหล่านั้นเจอภายในวันเดียว”
“อืมม เค้าเป็นนักบินเหรอ”
“เป็นนักบินในเครื่องแบบทหาร แถมเก่งด้วยนะแก เห็นว่าอยู่หน่วยไรน้าที่มีแต่ทหารเก่งๆ ที่เขาอยู่กันน่ะ ฉันก็จำชื่อหน่วยไม่ได้ ช่างมันเถอะ นอกจากจะหล่อและเก่งแล้ว บ้านรวยอีกต่างหาก พ่อเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนแม่เป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทดังระดับประเทศ โอ๊ย ได้ยินประวัติแล้วอยากเกิดเป็นผู้หญิงที่ชื่อปรียาดาเลยล่ะแก”
“เหรอ แล้วตกลงผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร”
“นาวาอากาศตรีชนกันต์ (ชะ-นะ-กัน) หรือที่ใครๆต่างพากันเรียกกันว่า ผู้พันกานต์”
“ผู้พันกานต์” เขมจิราสะดุดชื่อที่ได้ยินก่อนจะเอ่ยชื่อนั้นออกไปแล้วหันมองไปยังผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้หันมามองที่เธออย่างประจวบเหมาะพอดี
สายตาของชนกันต์และเขมจิราที่มองกันอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เหมือนกับว่าพวกเขาทั้งสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน ความรู้สึกแบบที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับคนที่เจอกันครั้งแรกมาก่อน อาการที่ตกอยู่ในภวังค์ของคนทั้งคู่สิ้นสุดลงเมื่อผู้พันชนกันต์ถูกเพื่อนทหารอีกนายเข้ามาตบบ่าให้ขึ้นไปพูดบนเวที ทำให้เขมจิราต้องละสายตาจากผู้พันหนุ่มก่อนที่จะดำเนินการแผนต่อไป
เวลา 02.00 น. @ผับดังในตัวเมืองภูเก็ต
“เฮ้ย ไอ้กานต์ ไหวมั้ยวะมึง” นาวาอากาศตรีตุลธรเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์สุราที่ดื่มไปมากพอสมควรอย่างไม่เขาเคยเห็นเพื่อนรักจะดื่มมากขนาดนี้มาก่อน
“อืมม ยังพอไหวว่ะ” นาวาอากาศตรีชนกันต์ตอบกลับคนที่เอ่ยถามไปก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกไปจากโต๊ะเพื่อตรงไปยังห้องน้ำของผับ
“แล้วมึงจะไปไหนวะนั่นน่ะ” นาวาอากาศตรีตุลธรเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางการลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงของเพื่อนตรงหน้า
“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำก่อน แล้วว่าจะเลยกลับโรงแรมเลย”
“เฮ้ย มึงแน่ใจนะว่ามึงไหวน่ะ กูเห็นมึงถูกเพื่อนชนแก้วไม่หยุดเลย ดื่มเป็นน้ำเลยนะมึงวันนี้”
“ไหว เหล้าแค่นี้ทำไรกูไม่ได้หรอก” นาวาอากาศตรีชนกันต์ตอบกลับไปก่อนจะสะบัดใบหน้าเพื่อให้สร่างเมา
“เออ งั้นก็กลับโรงแรมดีๆล่ะ ถึงแล้วก็ไลน์บอกกูด้วย”
“กูไม่ใช่เด็กแล้วนะที่ต้องรายงานผู้ปกครอง”
“อ้าว ไอ้เหี้ย เพื่อนเป็นห่วงยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก”
“ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูถึงโรงแรมแน่นอน โรงแรมอยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินแป๊บเดียวก็ถึง”
“เออๆ งั้นก็เจอพรุ่งนี้ตอนเช้าที่ห้องอาหารแล้วกัน”
“เออ งั้นกูไปก่อนล่ะ” นาวาอากาศตรีชนกันต์โบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินออกจากงาน โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังมีคนเดินตามอยู่ไม่ห่าง ซึ่งในทุกก้าวที่เขาเดินไปก็มีอีกคนเดินตามไปด้วย