สิ่งที่แพรวนภาพูดออกไปไม่ได้เกินจริงเลย พวกเธอทั้งสองคนคบหาเป็นเพื่อนกันมาได้ 10 ปีกว่าแล้ว โดยการได้รู้จักกันระหว่างเขมจิราและแพรวนภามันเกิดจากเหตุบังเอิญจริงๆ ถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์นั้น คนทั้งคู่คงไม่มีทางได้โคจรมาเจอกันอย่างแน่นอน
“เฮ้อ ไม่คิดว่าพวกเราจะผ่านกันมาได้นะ”
“นั่นสินะ” เขมจิรามองออกไปนอกกระจกใสเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งได้เจอกันกับแพรวนภาครั้งแรก
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
“อย่าเอาหนูไปขายเลยนะ” แพรวนภาร้องอ้อนวอนขอร้องชายฉกรรจ์ทั้งสามคนที่กำลังลากเธอจากป้ายรถเมล์ไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะกลัวอันตรายจะเกิดกับตัวเองทั้งที่บริเวณนั้นมีคนอยู่จำนวนมาก
“คุณตำรวจทางนี้ค่ะ” เขมจิราวิ่งนำตำรวจเข้าไปกระชากแขนแพรวนภาที่ถูกอยู่ชายสองคนจับไว้ โดยมีตำรวจสามนายเข้ามาประชิดตัวผู้ชายทั้งสามคนทันที
“เรื่องของครอบครัวอย่ายุ่งดีกว่าครับคุณตำรวจ” หนึ่งในชายฉกรรจ์บอกออกมา โดยที่มีร่างเขมจิราบังร่างแพรวนภาไว้ไม่ให้ชายทั้งสามเข้ามาจับตัว
“เหรอครับ อย่างนั้นเรื่องของครอบครัว ผมว่าก็ควรไปคุยกันที่โรงพักดีกว่าครับ” ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะผายมือเชิญให้คนทั้งหมดขึ้นรถเพื่อไปยังสถานีตำรวจ
เวลาต่อมา @สถานีตำรวจภูธรเชียงใหม่
“คุณทั้งสามคนเป็นอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนี้” ร้อยเวรตำรวจสอบถามชายฉกรรจ์ทั้งสามที่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนมองไปยังประตูหน้าห้องตลอดเวลา จนกระทั่งอยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องจำนวนหนึ่งอย่างวางก้ามไม่เกรงกลัวใคร
“นาย!!” ชายฉกรรจ์ทั้งสามเอ่ยถึงบุคคลที่เข้ามาใหม่พร้อมกันทันทีด้วยความดีใจ
“นี่คือลูกน้องของเสี่ยเหรอครับ” ร้อยเวรตำรวจคนดังกล่าวหันไปถามผู้มีอิทธิพลในจังหวัดทันทีที่ได้ยินชายฉกรรจ์ทั้งสามใช้สรรพนามที่เรียกดั่งคนรู้จักกัน
“ใช่ไอ้สามคนนี้ลูกน้องของผมเอง”
“ลูกน้องของเสี่ยพยายามทำอนาจารเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี และให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ แล้วจากลักษณะที่กระชากลากถูกเด็กอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บรวมถึงอาจจะโดนข้อหาค้ามนุษย์เพิ่มด้วยได้นะครับ”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดหน่าผู้กอง ไม่มีอะไรหรอก ผมมารับตัวลูกน้องผมกลับ ผู้กองต้องการเท่าไหร่ก็ว่ามาเลยดีกว่า”
“ให้สินบนข้าราชการเพิ่มอีกข้อหาได้นะครับเสี่ย”
“จะเอายังไงผู้กอง อย่าต้องให้เกิดความรุนแรงกันดีกว่า ผมมาวันนี้ก็มาพูดกันดีๆ ผู้กองก็ปิดตาข้างหนึ่งจะเป็นไรไป”
“ข่มขู่เจ้าพนักงานสามารถเพิ่มข้อหาได้อีกกระทงเช่นเดียวกันครับ”
“เฮ้ย กูแค่จะมาพาคนของกูกลับ มึงจะเอายังไง”
ในขณะที่ร้อยเวรตำรวจกำลังพูดคุยกับเจ้านายของชายฉกรรจ์ทั้งสาม คลิปวิดีโอที่เขมจิราแอบถ่ายตรงป้ายรถเมล์รวมถึงในห้องให้การก็ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโซเชียลทันที ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสามและเจ้านายของเขารวมไปถึงนายตำรวจใหญ่ที่ให้ท้ายอยู่เบื้องหลังการกระทำผิดก็โดนเล่นงานจากสื่อไปด้วย จนสำนักงานตำรวจทำนิ่งเฉยไม่ได้ จนต้องเชือดไก่ให้ลิงดูโดยการลงโทษนายตำรวจใหญ่คนดังกล่าวพร้อมกับแจ้งข้อหาร้ายแรงแก่บุคคลทั้งหมดจนพากันจูงมือเข้าคุกไปพร้อมกัน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป
กลับมาที่ปัจจุบัน
“ขอบใจนะที่ให้ชีวิตใหม่กับฉัน” แพรวนภาบอกกับเพื่อนแล้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตาอย่างซาบซึ้งน้ำใจของเพื่อนรักอย่างไม่เคยลืมตลอดสิบปีที่ผ่านมา
แพรวนภานึกถึงวันที่ได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เดินอยู่ข้างๆ ทั้งที่ในตอนนั้นอีกฝ่ายยังเด็กไม่ต่างจากเธอ แต่กลับกล้าหาญที่จะกล้าเข้ามาช่วยเหลือเธอ ทั้งที่คนมากมายในบริเวณนั้นไม่มีแม้แต่สักคนเดียวที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเธอเลย
“นี่ เลิกร้องได้แล้ว เดี๋ยวเขาคิดว่าฉันกำลังบอกเลิกแกหรอก” เขมจิราเอื้อมมือมาโยกศีรษะเพื่อนรักเบาๆแล้วพูดปลอบใจเพื่อนกึ่งล้อเลียน
“ย่ะ แม่คนสวย” แพรวนภาเอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาที่แก้มก่อนจะพูดติดตลกใส่คนที่เดินข้างๆ
“สวยอยู่แล้ว” เขมจิรารับมุกอีกฝ่ายทันที
“แล้วนี่แกจะไปฝากครรภ์ตอนไหน”
“ว่าจะไปฝากเดือนหน้า ฉันดูในกูเกิ้ลมาว่าโรงพยาบาลจะรับฝากครรภ์ตั้งแต่ 8 สัปดาห์ขึ้นไป”
“แล้วช่วงนี้แกต้องทำไง”
“จากที่ศึกษามานะในช่วงนี้ ฉันอย่าทำให้ตัวเองเครียด รับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ งดเครื่องดื่มพวกกลุ่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ อ้อ ที่สำคัญสุดทานโฟลิกตั้งแต่วันแรกที่มีเพศสัมพันธ์”
“หือ ทานโฟลิกตั้งแต่วันแรก แล้วโฟลิกคืออะไร” แพรวนภาหันมาถามคนข้างๆด้วยสีหน้าไม่เข้าใจกับคำศัพท์ที่ฟังดูยากๆ
“โฟลิก มันเป็นวิตามินบี 9 ที่ช่วยสร้างและแบ่งเซลล์ในตัวอ่อนให้สมบูรณ์ภายใน 28 วันแรกหลังปฏิสนธิหรือเรียกง่ายๆคือหลังมีอะไรกันนั่นล่ะ เขาจึงแนะนำสำหรับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์หรือพร้อมมีสามี โดยเฉพาะคนที่กำลังจะแต่งงานให้กินวิตามินโฟลิก ซึ่งควรกิน 1 เม็ดทุกวันในช่วง 3 เดือนก่อนต่อเนื่องจนถึงตั้งท้อง 3 เดือนแรก มันจะช่วยให้ทารกในครรภ์ไม่เกิดมาแล้วพิการ แล้วการกินวิตามินโฟลิกไม่ใช่แค่ป้องกันการพิการแต่กำเนิดของเด็กในท้องได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย ป้องกันภาวะซีดหรือโลหิตจาง ป้องกันโรค NCDs และโรคอัลไซเมอร์ และยังมีประโยชน์อีกมากมาย”
“บรรยายมาซะเห็นภาพ ฉันกำลังอยู่ต่อหน้าหมอยังไงยังงั้นเลย นี่แกเตรียมพร้อมมาขนาดนี้เลยเหรอ เออว่าแต่แล้วนี่แกมีอาการแพ้ท้องบ้างหรือยัง”
“เพิ่งเดือนแรกยังไม่มีอาการแพ้หรอก จะเริ่มแพ้เมื่อเข้าเดือนที่สองหรือประมาณสัปดาห์ที่ 8 หรือ 9 แต่บางรายก็ไม่แพ้เลยตลอด 9 เดือนที่ท้องนะ อย่างที่เคยบอกแกทุกครั้งที่ถามนั่นแหละ ฉันเตรียมพร้อมขนาดนี้ก็เพื่อรอวันนี้จริงๆวันที่จะได้เห็นผู้หญิงคนนั้นเจ็บปวดบ้าง”
“แล้วเดือนหน้าที่แกจะไปหาสามีคืนเดียว เอ๊ย ผู้พันกานต์ แกจะไปหาเมื่อไหร่ คือฉันหมายถึงว่าช่วงเวลาไหนน่ะ อย่าบอกนะว่าแกจะไปฉีกหน้าเค้ากลางงานหมั้นเลย”
“อืมม ก็คิดอยู่ว่าอยากจะทำแบบนั้น แต่ว่าถ้าทำแบบนั้นลงไป นอกจากจะได้ความสะใจ อาจจะมันอาจจะเป็นเรื่องไม่ดีกับฉันไปด้วยน่ะสิ”
“หืมม ยังไง ฉันเริ่มจะงงแล้ว”
“ถึงฉันจะท้อง แต่ฉันยังทำงานหาเงินให้เจ้าตัวเล็กในท้องได้ ถ้าเกิดข่าวเสียของฉันขึ้นมาละก็ งานก็อาจจะหาย เงินที่คิดว่าจะเก็บไว้ให้เจ้าตัวเล็กในท้อง ฉันก็อาจจะต้องควักเงินเก็บที่เตรียมไว้มาใช้ในระหว่างที่เค้ายังอยู่ในท้องฉันน่ะสิ”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว แกมองในแง่ร้ายถึงขนาดว่าถ้าบอกไปเค้าไม่ยอมรับลูกในท้องแก แล้วแกต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอย่างนั้นเหรอ แบบนี้แกจะบอกทางนั้นเค้ายังไงล่ะ”
“ก็คงไปหาในวันนั้นล่ะ แต่คงไม่ได้ไปเปิดตัวแบบแกรนด์โอเพ่นนิ่ง คิดว่าจะนัดออกมาเจอแล้วบอกกับพ่อของเจ้าตัวเล็กในท้องว่าในนี้มีลูกของเขาอยู่ เขาจะเอายังไง ซึ่งในระหว่างที่ฉันคุยกับพ่อของเจ้าตัวเล็กในท้อง ฉันอาจจะรบกวนแกช่วยถ่ายคลิปสั้นๆแล้วส่งให้ว่าที่คู่หมั้นของพ่อเจ้าตัวเล็กในท้องของฉันหน่อย”
“แบบนี้นี่เอง ร้ายไม่เบาเลยนะเพื่อนชั้น”
“ในเมื่อกฎแห่งกรรมไม่ยอมทำงานสักที ฉันก็จะทำหน้าที่เป็นกฎแห่งกรรมนั้นแทนเอง”
“แกอยากให้ฉันทำอะไร ฉันจะทำให้แกทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องที่ทำมันดีร้ายยังไง ฉันก็จะช่วยแกเอง...เฟนเพื่อนรัก”
“ขอบใจนะแพรว แกคือเพื่อนคนเดียวในชีวิตของฉันจริงๆ” เขมจิราหันมาพูดกับเพื่อนอย่างดีใจที่ตัวเองคิดไม่ผิดที่คิดช่วยเพื่อนคนนี้จากคนเลว
“แกก็เพื่อนคนเดียวในชีวิตของฉันเหมือนกันล่ะน่ะ แล้วแกก็จะเพื่อนของฉันตลอดไปด้วย” แพรวนภาพูดออกมาพร้อมกับเข้าไปกอดคอเขมจิราขณะที่พวกเธอทั้งคู่กำลังเดินไปยังรถของตัวเองเพื่อกลับบ้าน