บทที่ 3 ขาดสติ? 1

849 Words
หนุ่มสาวหลายชีวิตยังคงสังสรรค์กันอย่างครึกครื้นเพราะเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าบาร์จะปิด แต่ธีรักษ์กลับเรียกเก็บเงินและพาร่างบางออกจากบาร์ด้วยท่าทางที่เรียกได้ว่าทุลักทุเล “คุณธารหยุดก่อนค่ะ! พี่ของน้ำหวานอยู่ตรงทางออก” ภัควรินทร์หลบข้างหลังเขาทั้ง ๆ ที่ยืนแทบไม่อยู่ “ถ้าพี่เจนเห็นว่าน้ำหวานเมา น้ำหวานต้องอดไปเที่ยวทะเลแน่เลยค่ะ” “แต่เราต้องกลับแล้วนะ เมาจนยืนไม่ไหวแบบนี้คงรอไม่ได้ละ…เอางี้นะ น้ำหวานปล่อยผมลงมาปิดหน้าหน่อย แล้วทำตามที่ผมบอก รับรองว่าไม่มีใครรู้แน่ ๆ ว่าเป็นหนูที่เดินออกไป” “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” ธีรักษ์มองคนสวยที่กำลังปล่อยผมอย่างช้า ๆ เซ็กซี่จนเขาแทบทนไม่ไหวเป็นครั้งที่ร้อย แต่ก็ต้องกัดฟันข่มอารมณ์ ค่อย ๆ โอบเธอจนใบหน้าเล็กซบลงบนอกกว้างและประคองกันตรงไปยังลานจอดรถที่อยู่หลังบาร์ “ยัยเหมียว ไหนบอกว่ากลับชลบุรีไง!” นางแบบสาวรายหนึ่งปราดเข้ามาทักทายเพราะคิดว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดของธีรักษ์คือเพื่อนร่วมงาน แต่พอเห็นว่าไม่ใช่จึงรีบขอโทษขอโพย พึมพำว่าเสื้อผ้าและทรงผมของเธอคล้ายกับคนรู้จัก ก่อนขอตัวเข้าไปในบาร์อย่างรวดเร็ว “ถูกจับได้แล้ว…” “จับได้? จับได้อะไรเหรอน้ำหวาน” “น้ำหวานเอาชุดยัยเหมียวมาใส่ น้ำหวานไม่มีชุดสวย ๆ ใส่ ไม่ค่อยได้เที่ยวกับเพื่อน แต่คืนนี้น้ำหวานโกหกคุณย่าว่าจะนอนที่คอนโดยัยเหมียวเพราะต้องติวหนังสือ แต่ยัยเหมียวดันกลับบ้านที่ต่างจังหวัด…คุณธารอยู่เป็นเพื่อนน้ำหวานได้ไหมคะ น้ำหวานเง้าเหงา” “เมาแล้วเลอะเทอะใหญ่เลยนะเรา คอนโดเพื่อนอยู่ที่ไหนล่ะ ผมจะได้ไปส่ง” ธีรักษ์ถามหลังจากพาเธอนั่งในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีก็ผล็อยหลับไป เขามองสาวน้อยที่หลับเป็นตายอย่างเอ็นดู ความคิดร้ายกาจยังคงมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าตอนที่เธอเริ่มเมาและนั่งเบียดกันในตอนแรกแล้ว ความน่ารักไร้เดียงสาของคนที่เดี๋ยวแทนตัวเองว่าหนู สลับกับแทนตัวเองว่าน้ำหวานทำให้ผู้ชายอย่างเขาไม่กล้าฉวยโอกาสกอดจูบ ต่อให้มีฤทธิ์แอลกอฮอล์คอยผลักดันความต้องการทางกายให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ธีรักษ์ก็ยินดีที่จะอดทน ไม่แหกกฎของตัวเองในข้อที่ว่าจะไม่ยุ่งกับคนเมาเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง ด้วยความที่ไม่ชอบพูดถึงเรื่องของตัวเอง บทสนทนาตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมาจึงมีเรื่องที่เกี่ยวกับธีรักษ์น้อยมาก เขาเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียส่วนใหญ่ และพอได้ฟังคำตอบ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวที่ถูกถ่ายทอดออกมาตามจำนวนแก้วที่ได้ดื่ม ว่าเธอเป็นเด็กที่ขาดความรักมากแค่ไหน เขาที่ได้รับความรักจากครอบครัวมาเต็ม ๆ ก็ยิ่งรู้สึกสงสารและไม่อยากเอาเปรียบเธอให้รู้สึกแย่กว่าที่เป็นอยู่ เจ้าตัวไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่าไม่มีความสุข ใช้รอยยิ้มสดใสน่ามองกลบเกลื่อนว่าไม่ได้ทุกข์ใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตัวเองเป็นเด็กกำพร้าและถูกเลี้ยงให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบอันเข้มงวด ต้องกลับบ้านก่อนหกโมงเย็นทุกวัน และจะได้รับอนุญาตให้ค้างกับเพื่อนในวันที่มีกิจกรรมต้องกลับดึกหรือติวหนังสือสอบเท่านั้น “ถึงคอนโดแล้วน้ำหวาน หนูกลับห้องเองไหวไหม” “ไม่ไหวค่า แบกหนูหน่อยยยยย” ธีรักษ์ยิ้มพลางดับเครื่องยนต์และลงจากรถ พาตัวคนเมาแล้วอ้อนเก่งกว่าปกติกลับขึ้นห้อง เขาสอดแขนโอบเอวไว้ไม่ยอมปล่อย ราวกับต้องการยืดเวลานี้ออกไปให้นานที่สุด แม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรที่มากกว่าการกอดได้ก็ตาม “หนูตัวหนักมากไหมคะ” เธอถามหลังจากยื่นกุญแจให้เขาช่วยเปิดประตูห้อง วงแขนเล็กเกาะเขาแน่นไม่ยอมปล่อย “ไม่หนักหรอก ผมอุ้มหนูได้สบาย ๆ เลย” “แล้วทำไมคุณไม่อุ้มหนูล่ะคะ?” เธอถามอย่างน่ารัก “กลัวว่าจะอดใจไม่ไหว ทำมากกว่าแค่อุ้มน่ะสิ” ธีรักษ์พรูลมหายใจเพื่อข่มความปรารถนาของตัวเองอีกครั้ง “เดินเองไหวไหม หรือต้องพาไปส่งถึงเตียง” “พาน้ำหวานไปที่เตียงหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวยิ้มหว่านเสน่ห์ให้คนที่ทำตามคำขอของเธออย่างไม่อิดออด พอได้หย่อนตัวนั่งบนฟูกหนาเธอกลับคว้ามือเขาไว้แน่น และกล่าวประโยคที่ทำให้ความอดกลั้นของธีรักษ์แทบพังทลาย “หนูอยากจูบคุณค่ะ…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD