“เอ้า! เธอก็มาด้วยเหรอจ๊ะชมพู่ ฉันนึกว่าเธอจะอกหักจนช้ำในตายไปแล้วซะอีก เอ๊ะ! ว่าแต่ทำไมยังไม่เข้าไปล่ะ หรือว่ายังทำใจไม่ได้ที่จะเห็นเราสองคนสวีทกัน งั้นฉันขอแนะนำให้เธอยืนอ่อยเหยื่ออยู่แถวนี้ก่อนละกันนะ เผื่อจะมีใครหลงผิดยอมเป็นคู่ควงให้ แต่ก็นะสภาพแบบนี้คงยากหน่อย” ลิลลี่ที่ควงคู่มากับโทบี้เบะปากเหยียดยิ้มและถากถางด้วยคำพูด ถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นไนต์คลับสุดหรูล่ะก็ เธอคงลากอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำ แล้วจัดการรายนั้นให้มีสภาพไม่ต่างไปกับกระต่ายตัวน้อยของเธอเป็นแน่ แต่ในเมื่อเวลานี้ตอนนี้เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งเธอก็ไม่ได้พากระต่ายผู้น่าสงสารตัวนั้นมาซะด้วยสิ ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือ...อดทน
‘เย็นไว้ เย็นไว้ เย็นไว้ ชมพู่เย็นไว้’ เธอพยายามห้ามตัวเองในใจ ทันใดนั้นเองเหตุการณ์ที่มันเลวร้ายอยู่แล้วก็ดูจะเลวร้ายขึ้นอีก
“คุณสองคนรู้จักแฟนผมด้วย? ที่รักไม่เห็นเคยเล่าให้ผมฟังเลยนะว่าคุณมีเพื่อนแบบนี้ด้วย” ริคาโด้ผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปโอบเอวเธอไว้อย่างถือสิทธิ์ ด้วยคิดว่ายังไงซะเธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะว่าตอนนี้เขาคือที่พึ่งเดียวของเธอยังไงล่ะ แต่เห็นทีเขาคงคิดผิด
“นี่คิดจะแต๊ะอั๋งฉันเหรอ เอามือสกปรกของคุณออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” เธอกระซิบเสียงเขียว พร้อมกับพยายามขืนตัวออกจากอ้อนแขนแข็งแรงนั้น ทำเอาคนอยากช่วยเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่มาถึงขนาดนี้จะให้เขาถอยก็คงไม่ทันแล้ว ยังไงก็ต้องตามน้ำไปก่อน อย่างน้อยก็เพื่อรักษาหน้าที่เหลืออยู่แค่คืบของตัวเองไว้
“โธ่! ที่รักยังไม่หายงอนอีกเหรอ ก็บอกแล้วว่าผมขอโทษ อย่าโกรธผมเลยนะ เอางี้คุณอยากได้อะไร เดี๋ยวผมจะหามาให้คุณทุกอย่างเลยดีไหม” ริคาโด้ไม่ยอมแพ้รุกเข้าไปโอบเอวเธอไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับโอบเอาไว้แน่นกว่าเดิม พร้อมกันนั้นก็ยังกระซิบขู่เธออีก “อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากให้ผมโพนทะนาเรื่องนมของคุณ คนอุตส่าห์จะช่วยแท้ๆ ยังจะฤทธิ์เยอะ แบบนี้เขาเรียกทำคุณบูชาโทษ”
“คุณเนี่ยนะจะช่วยฉัน ช่วยยังไงไม่ทราบ” เธออกระซิบกลับไปเสียงเขียว เพราะไม่กล้าโวยวาย ด้วยกลัวว่าเขาจะโพนทะนาอย่างที่พูดจริงๆ
“ก็ช่วยให้คุณไม่โดนผู้หญิงคนนี้ว่าอยู่ฝ่ายเดียวไง ไม่ถูกกันไม่ใช่รึไง” เขากลอกตาไปมากับคนเข้าใจอะไรยากอย่างเธอ เรื่องของตัวเองแท้ๆ แต่กลับให้เขาคิดให้ แบบนี้มันน่าช่วยไหมเนี่ย
‘เฮ้ย! แล้วทำไมเราต้องช่วยยัยนี่ด้วยวะ อ๋อ! เพราะเรามีมนุษยธรรมไงล่ะ’ เอ่อ...คิดเองตอบเอง แบบนี้ก็ได้เหรอ สรุปคู่นี้เขาเหมือนกันจริงๆ นะเนี่ย
“เออใช่! มันก็จริง แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างอะ” เสียงเธออ่อนลง
“ง่ายๆ คุณแค่เล่นไปตามน้ำ ที่เหลือผมจัดการเอง โอเคไหม” ได้ที พ่อคนมีมนุษยธรรมก็โอบไหล่เธอไว้ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มทันที
“นี่ กระซิบกระซาบกันอยู่ได้ ไม่เห็นรึไงว่าพวกฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ ไม่มีมารยาท” ลิลลี่ขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด ส่วนหนึ่งที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ เพราะอยากรู้เรื่องของเขานั่นแหละ พูดง่ายๆ คือชอบกินเผือก
“เธอนั่นแหละที่ไม่มีมารยาท ฉันจะคุยกับแฟนแล้วเธอมายุ่งอะไรด้วย จะเข้าไปข้างในก็รีบๆ ไปสิ มายืนเผือกอยู่ตรงนี้ทำไม” ชมพูแพรได้ทีต่อว่าเป็นชุด ให้ตายเถอะ! มันทำให้เธอรู้สึกดีเป็นบ้า
“นังชมพู่นังปากเปราะ กล้าดียังไงมาว่าฉัน ไหนบอกว่าไม่รู้จักกันไง คิดจะเล่นละครหลอกฉันเหรอ ไม่ง่ายนักหรอก ดูก็รู้ว่าผู้ชายดูดีแบบนี้ เขาไม่มีวันมองผู้หญิงอย่างเธอแน่ อย่างเธอน่ะอย่างมากก็เป็นได้แค่นางบำเรอชั่วคราว” ชมพูแพรกำหมัดแน่นพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้กระโดดฟาดปากอีกฝ่ายแน่ๆ กระต่ายก็ไม่ได้เอามา อัตราเสี่ยงของอีกฝ่ายจึงสูงมาก
“ไม่เอาน่า เข้าข้างในกันเถอะ” โทบี้เห็นท่าไม่ดีจึงต้องกึ่งลากกึ่งจูงให้แฟนสาวเข้าไปข้างในด้วยกัน
“ไปซะได้ก็ดี ไม่อย่างนั้นเธอเละแน่ยัยดอกหน้าวัว” ชมพูแพรบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่ๆ มือน่ะ อย่ามาทำเนียนหลอกแต๊ะอั๋งฉันนะ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขายังโอบไหล่เธอไม่ยอมปล่อย ทั้งที่คู่อริของเธอก็ไปไกลแล้ว
“โอเค! แต่คนอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ช่างเป็นคนดีซะเหลือเกิน เอาล่ะทีนี้มาว่าเรื่องของเราต่อ ผมไม่อยากเล่นเกมโก่งราคากับคุณอีก มันเสียเวลา คุณอยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลยดีกว่า” เขาวกกลับมาเข้าเรื่องเดิม แต่ดูเหมือนครั้งนี้มันจะตรงประเด็นจนคนฟังโกรธจนควันแทบออกหู
“พูดภาษาคนไม่เข้าใจรึไง บอกแล้วไงว่าไม่ขายๆ ยังจะตื๊ออยู่ได้ โรคจิตไปแล้วรึไง หรือว่าบ้ากาม ถึงได้เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องระบายความใคร่ แย่ที่สุด” ชมพูแพรต่อว่ามาเป็นชุด แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่สะทกสะท้านด้วย
“ตกลงจะขายหรือไม่ขาย” เขายักไหล่พร้อมกับถามกลับมาด้วยคำถามเดิมราวกับไม่ได้ฟังที่เธอพูดก่อนหน้าเลยสักนิด และมันทำให้ความอดทนของเธอขาดผึงลงในที่สุด
“ไม่ขายโว้ย” เธอตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโมโห
“เฮอะ! ทำเป็นเล่นตัว โอเค! ถ้าคุณไม่ขาย งั้นผมก็ไม่ซื้อ”
‘ก็แหงล่ะ ในเมื่อฉันไม่ขาย แล้วคุณจะซื้อได้ยังไง’ เธออดคิดในใจไม่ได้
“เราคงได้เจอกันอีกแน่แม่ลูกโป่งตู้มๆ ถึงวันนั้นผมจะทำให้คุณได้รู้ว่า ผู้ชายอย่างผมไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อ แค่ขยิบตาครั้งเดียว ขี้คร้านคุณจะวิ่งแจ้นเข้ามาหาเอง” เขาว่าแล้วก็ขยิบตาให้เธอด้วยครั้งนึง ก่อนจะเลิกตอแยเธอด้วยการเดินเข้าไปด้านใน
“แหวะ! ต่อให้คุณขยิบจนตาจนหลุดออกจากกระบอกตา ฉันก็ไม่สนหรอกย่ะ” เธอตะโกนไล่หลังเขาไป ก่อนจะเดินเข้าไปสมทบกับเพื่อนที่รออยู่ด้านในด้วยเหมือนกัน
“ยัยชมพู่ ทำไมถึงได้มาสายเอาป่านนี้ ไม่มาตอนงานเลิกไปเลยล่ะ” ทันทีที่เจอหน้าเพื่อน แคทเทอรีนถึงกับประชดใส่ไปด้วยความหงุดหงิดที่ต้องมานั่งร่วมวงสนทนากับเพื่อนคนอื่นๆ ที่เอาแต่นั่งนั่งนินทาคนโน้นคนนี้จนน่ารำคาญ ทำให้ทั้งแคทเทอรีนและจัสมินต่างก็นั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ตรงนั้น ถ้าไม่ติดว่ากลัวเพื่อนรักอย่างชมพูแพรจะมาแล้วไม่เจอ พวกเธอทั้งสองคนคงกลับไปนานแล้ว
“โทษที พอดีเจอพวกโรคจิตก็เลยมีปัญหาด้วยนิดหน่อยน่ะ” คำพูดของชมพูแพรทำเอาเพื่อนรักทั้งสองพลอยตกใจด้วยความเป็นห่วง
“โรคจิตเหรอ แล้วแกเป็นอะไรมากรึเปล่า” น้ำเสียงของแคทเทอรีนเปลี่ยนเป็นอาทรทันที เมื่อรู้ว่าเพื่อนต้องไปเจอกับอันตรายมา
“ไม่เป็นไรเลย หมอนั่นเจอฉันเข้าไป หงายเงิบไปเลย เฮอะ! เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับชมพูแพร” เธอทำท่าอวดเบ่งจนเพื่อนทั้งสองอดหมั่นไส้ไม่ได้อีก คนอุตส่าห์เป็นห่วง มาทำเป็นเก่งแบบนี้ มันน่าห่วงไหมเนี่ย
“แล้วนี่แกไปเอาเสื้อตัวนี้มาจากไหนเนี่ยชมพู่” จัสมินถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วอีกฝ่ายไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ และจากแบรนด์ที่ติดอยู่ดูก็รู้ว่าราคาสูงลิบ คาดว่าคงไม่ใช่ของชมพูแพรเป็นแน่ เพราะรายนั้นคงไม่ลงทุนซื้อของแพงๆ แบบนี้มาใส่เล่นแน่นอน
“ก็ของไอ้โรคจิตคนนั้นไง” เธอตอบหน้าตาเฉย แต่คนฟังคงเฉยด้วยไม่ได้