“ลูกค้านัดไว้ตอนสิบเอ็ดโมง ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงไม่ทราบว่าท่านประธานจะไปรอก่อนไหมคะ ดิฉันจะได้เตรียมเอกสารให้” เมเบลถามตามหน้าที่ของเลขาที่ดี
“อืม!” เขาตอบสั้นๆ แต่คำตอบของเขาทำเอาชมพูแพรถึงกับยิ้มออก ถ้าเขาออกไปข้างนอก นั่นก็หมายความว่าเธอจะอยู่รอดปลอดภัยโดยสวัสดิภาพไปอีกหลายชั่วโมงน่ะสิ
“คุณไปเตรียมตัวไปกับผมด้วย” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาเมเบลที่ง่วนอยู่กับแฟ้มเอกสารถึงกับยิ้มกริ่มรีบตอบรับทันที
“ได้ค่ะ ท่านประธาน” เลขาสาวตอบด้วยรอยยิ้มพราว ก่อนจะถือแฟ้มเอกสารเดินนวยนาดไปหาท่านประธานหนุ่ม
“ผมหมายถึงชมพูแพร” ริคาโด้หันมาบอกด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทำเอาเลขาสาวชะงักเท้าแทบไม่ทัน
“คะ” ชมพูแพรครางเสียงผะแผ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าโชคร้ายจะตกมาอยู่ที่เธอ
“คุณต้องออกไปพบลูกค้ากับผมวันนี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ชมพูแพร” ชมพูแพรทำหน้าราวกับจะร้องไห้ ต่างกับเมเบลที่กำลังมองมาด้วยความริษยากว่าเดิม
“ค่ะ” ชมพูแพรรับคำและรับแฟ้มจากเลขารุ่นพี่มาถือเอาไว้อย่างจำใจ
“มานั่งข้างหลังกับผม” ริคาโด้ออกคำสั่ง เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“ไม่เป็นไรค่ะ นั่งตรงนี้จะเหมาะกว่า” เธอบ่ายเบี่ยงเพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของตัวเอง ถึงแม้วันนี้ท่าทางของเขาจะนิ่งๆ เครียดๆ ไม่เหมือนกับทุกทีก็ตาม แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี และเธอควรจะอยู่ให้ห่างจากเขาเป็นดีที่สุด
“ก็ถ้าคุณไปนั่งตรงนั้นแล้วคนของผมจะไปนั่งที่ไหน จะมันขึ้นไปนั่งบนหลังคาเลยดีไหม” เคนที่ยืนอยู่ด้านหลังชมพูแพรถึงกับสะดุ้งเฮือก ด้วยกลัวว่าตัวเองจะต้องขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังคารถแทนที่จะนั่งสบายๆ อยู่ในรถจริงๆ
“เอ้า! แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก แต่นั่งบนหลังคาก็สบายดีเหมือนกันนะคะ” เธอทำหน้าแหยๆ ก่อนจะหันแซวเคนเล่น แต่รายนั้นกลับรีบก้มหน้าหลบตาหลังจากสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของเจ้านาย
“มาทำงานที่นี่ได้ยังไง” หลังจากรถเคลื่อนออกมาได้สักพักริคาโด้ก็ถามเสียงเครียด พลันบรรยากาศภายในรถก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที
“แกว่าไหม บรรยากาศเครียดๆ ยังไงก็ไม่รู้เนอะ” เคนหันไปกระซิบกับโคดี้ที่ทำหน้าที่เป็นพลขับ
“เรื่องนี้คุณคงต้องไปถามคุณริชาร์ดเอง เพราะเขาเป็นคนเลือกให้ฉันมาทำงานที่นี่ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม” เธอตอบตามตรง ด้วยไม่รู้เหตุผลของอีกฝ่ายจริงๆ ว่าทำไมถึงส่งเธอมาทำงานแผนกนี้
“แล้วทำไมคุณต้องยอมริชาร์ดมันด้วย” เขาทำหน้าไม่พอใจกับคำตอบของเธอ
“แล้วทำไมฉันต้องไม่ยอมด้วยล่ะ” เธอถามกลับไปแบบงงๆ ทำเอาคนถามถึงกับกัดฟันกรอด แต่ก็ยังไม่ทันได้ซักอะไรต่อ เพราะถึงที่หมายซะก่อน
และทันทีที่รถจอดสนิท ทุกคนก็รีบเดินลงจากรถ โดยเฉพาะเธอที่รีบจนไม่ระวัง
“อุ๊ย!” เธอร้องอุทาน เมื่อหัวตัวเองไปชนเข้ากับหลังของเขาขณะที่เธอกำลังจะออกจากรถ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ออกกันคนละประตู ทั้งๆ ที่ประตูก็มีตั้งสองบาน หรือจะเป็นเพราะความตื่นเต้นและประหม่ากับการทำงานนอกสถานที่ครั้งแรกของเธอกัน ที่ทำให้ความเปิ่นของเธอกำเริบอีก
“อืม! ยังมีเวลาอีกหลายนาทีกว่าลูกค้าจะมา สั่งอะไรทานเล่นระหว่างรอไปก่อนละกัน” เขาบอกขณะนั่งรออยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเคนและโคดี้ยืนอยู่ไม่ห่าง
“งั้นฉันสั่งเลยนะคะ” ถ้าจะหวังให้เธอปฏิเสธด้วยความเกรงใจล่ะก็ คงหาไม่ได้จากผู้หญิงที่ชื่อชมพูแพร เพราะแม่คุณรีบคว้าเมนูมาสั่งแบบไม่แคร์เวิลด์กันเลยทีเดียว
“อืม!” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะหันมาสนใจเอกสารของตัวเองต่อ จนกระทั่งอาหารที่เธอสั่งมาเสิร์ฟนั่นแหละ
“เฮ้ย! ผมบอกให้คุณสั่งของทานเล่น แล้วคุณสั่งสเต๊กมาเนี่ยนะ” ริคาโด้อยากกัดลิ้นตัวเองตายซะเดี๋ยวนั้น เมื่อได้เห็นของทานเล่นของเธอ
“ก็ใช่ไง นี่แหละของกินเล่น เพราะถ้าฉันจะกินจริงๆ ต้องไม่ใช่แค่นี้ เอ่อ! แต่ฉันไม่ได้สั่งมาเผื่อคุณนะ เพราะฉันไม่รู้ว่าคุณชอบหรือไม่ชอบอะไร เอาเป็นว่าฉันขออนุญาตทานก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวไม่ทัน” ด้วยกลัวว่าจะทานเสร็จไม่ทันก่อนที่ลูกค้าจะมา เธอจึงรีบทำเวลา และด้วยความรีบของเธอนั้น
“เฮ้ย!” เธอก็อุทานเสียงดังเมื่อเนื้อสเต๊กที่เธอพยายามหั่นอย่างเร่งรีบมันกระเด็นหลุดออกจากมีดและส้อมของเธอ
“หายไปไหนเนี่ย” เธอพยายามมองหาชิ้นเนื้อที่หายไป โดยไม่สนใจใยดีสีหน้าของคนที่กำลังมองเธอตอนนี้เลยสักนิด
“อยู่นี่” เคนบอกเสียงอู้อี้ ทำให้ชมพูแพรต้องหันไปมอง
“เฮ้ย!” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เธอต้องร้องอุทานออกมา เมื่อเนื้อที่เธอกำลังตามหาตอนนี้ถูกเคนคาบเอาไว้ในปาก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายของเคนกันแน่ที่เธอทำเนื้อชิ้นนั้นกระเด็นเข้ามาในปากแบบนั้น
“แหะๆ หิวก็ไม่บอก เอาเป็นว่าฉันให้คุณก็แล้วกันเนอะ” เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันมาสนใจเนื้อชิ้นโตอีกชิ้นที่เหลืออยู่ในจาน อย่ากระนั้นเลย! การทานสเต๊กให้อร่อยมันก็ต้องทานกับซอสสิคะ เธอหยิบขวดซอสขึ้นมาบีบและมันก็...
“แม่เจ้า!” เคนอุทานออกมาอย่างอึ้งๆ เมื่อซอสที่เธอบีบ ตอนนี้มันเลอะเต็มหน้าหล่อๆ ของริคาโด้ไปแล้ว
“ชมพูแพร” เขาตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยความโมโห
“ฉันขอโทษ” เธอลุกขึ้นขอโทษด้วยความตกใจและตั้งใจจะช่วยเขาเช็ด แต่เพราะความรีบร้อนและไม่ทันระวังทำให้เธอคว้าเอาผ้าปูโต๊ะแทนที่จะเป็นผ้าเช็ดปากอย่างที่คิด และเมื่อมันไม่ใช่ผ้าเช็ดปากอย่างที่คิด เรื่องวุ่นๆ จึงตามมา
“เฮ้ย!” ทั้งเคนและโคดี้ร้องเสียงหลง เมื่อข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเธอเทกระจาดกระจัดกระจาย ไม่ว่าจะเป็นมีด ส้อม จาน ช้อน และอะไรต่อมิอะไรต่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่โชคยังดีที่ของบางส่วนถูกเคนและโคดี้คว้าเอาไว้ได้ ถึงแม้จะชุลมุนไปบ้างก็ตามที
“ฉันขอโทษ” คำๆ นี้หลุดจากปากของเธออีกครั้งโดยไม่มีข้อแก้ตัว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากช่วย ฉันขอโทษ” เธอตั้งใจจะเข้าไปช่วยบอดีการ์ดทั้งสองคนที่กำลังหอบของพะรุงพะรังไว้ในมือ แต่ก็ต้องชะงักอีก
“ไม่ต้องดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเหนื่อยเปล่าๆ” เคนรีบห้ามเอาไว้
“ไม่เหนื่อยหรอก ฉันอยากช่วยจริงๆ ค่ะ” เธอยังอยากแสดงน้ำใจ
“ผมหมายถึงผมนี่แหละครับที่จะเหนื่อย” ชมพูแพรถึงกับทำหน้าเจื่อน
“นั่งลงเถอะ ปล่อยให้สองคนนั้นจัดการเอง” ริคาโด้พูดขึ้นเพราะอดสงสารหน้าเจื่อนๆ ของเธอไม่ได้
“โคดี้ แกช่วยเอาไอ้เนื้อย่างเหม็นๆ นี่ออกจากหัวฉันก่อนได้ไหมวะ” เคนหันไปบอกเพื่อนที่กำลังวางและจัดของในมือให้อยู่ในตำแหน่งเดิม
“อืม! ข้าวของเสียหายไปบางส่วน ช้อนยังอยู่ ส้อมก็ยังอยู่ แล้วมีดล่ะมีดอยู่ไหนวะ” เคนร้องหามีดเมื่อพบว่ามันไม่อยู่บนโต๊ะอย่างที่มันควรจะเป็น