27

1468 Words
“คุณไม่มีสิทธิ์ เลิกเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับผมได้แล้ว พอกันทีกับชีวิตที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นอย่างที่ผ่านมา จากนี้ไปผมจะไม่ยอมคุณอีก” ริชาร์ดประกาศเสียงกร้าว “เพราะมันใช่ไหม เพราะนังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้คุณเปลี่ยนไป บอกฉันมาสิเพราะคุณรักมันใช่ไหม” อันนาตะโกนถามด้วยน้ำตานองหน้า “ใช่! เขาเป็นคนที่ผมรัก เขาทำให้ผมเข้มแข็งและกล้าที่จะเดินออกมาจากเรื่องบ้าๆ ที่คุณสร้างขึ้น อันนาพอเถอะ เราจบกันเท่านี้เถอะ เพราะต่อให้คุณพยายามมากแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถกลับไปหาคุณได้อีก ยอมรับเถอะว่าเรื่องของเรามันมาไกลเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขแล้ว ถอยซะตั้งแต่ตอนนี้ยังดีกว่าทนเจ็บแบบนี้ต่อไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวคุณเองนะอันนา” ริชาร์ดเสียงอ่อนลง เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นคนที่เขาเคยรักมาก่อน “ไม่! ฉันไม่ถอย ฉันไม่ยอม ทุกวันนี้ชีวิตฉันมันก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว แล้วฉันก็ไม่มีวันขึ้นมาจากขุมนรกที่คุณผลักฉันลงไปได้ ในเมื่อฉันต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน คุณเองก็อย่าหวังว่าจะมีความสุขได้ รักมันมากใช่ไหม รักมันมากฉันก็จะทำให้คุณทรมานจนแทบกระอักเลือด แล้วคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้” พูดจบอันนาก็หุนหันออกไปจากห้อง ในขณะที่ริชาร์ดยังจมอยู่กับความเครียดของตัวเองที่จะต้องเตรียมตัวรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ และปัญหาแรกที่เขาควรแก้ไขตอนนี้ก็คือ ปัญหาหัวใจระหว่างเขากับจัสมิน “คุณนาตาลีเห็นจัสมินบ้างไหม” เขาเดินออกมาจากห้องและตรงไปที่โต๊ะเลขาทันที “เธอกลับไปแล้วค่ะ เห็นบอกว่าไม่สบายก็เลยขอกลับไปพัก ไม่ทราบว่าคุณริชาร์ดต้องการอะไรรึเปล่า บอกดิฉันได้นะคะ” เลขาเจ้าระเบียบถามขึ้น “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ทำงานต่อเถอะ” นาตาลีมองตามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเนายเดินคอตกไปอย่างนั้น ในขณะเดียวกันคนที่ขอลากลับบ้านก่อนเวลาก็มีอาการไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้านพัก จัสมินพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้อย่างยิ่งยวด ด้วยไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าใคร และไม่อยากให้ใครมาสมเพชเธอได้ แต่ทันทีที่เหยียบเข้ามาในบ้านพักของตัวเองได้ เธอถึงกับปล่อยโฮและพลั่งพลูความในใจออกมาอย่างสุดจะกลั้น “ฮือๆๆ คนหลอกลวง ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด” เธอซบหน้ากับที่นอนด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็น เวลานี้สถานที่นี้คงเป็นที่ที่เธอสามารถแสดงความอ่อนแอออกมาได้โดยไม่ต้องสนใจใคร “ฮือๆๆ” เธอยังคงร่ำไห้ไม่หยุด ถึงแม้มันจะเป็นเวลาสั้นๆ ที่เขากับเธอได้รู้จักกัน แต่เธออดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าเธอรู้สึกดีไม่น้อย จากคำพูดและการกระทำหลายๆ อย่างของเขาทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าเขามีใจให้ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกดีไม่น้อย แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องพังครืนลงด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรับรู้ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงมายาที่เขาสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้เธอตายใจเท่านั้น นี่ขนาดแค่เริ่มต้นเธอยังรู้สึกเจ็บขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเธอถลำลึกไปมากกว่านี้จะเป็นยังไง ในขณะที่ฝั่งหนึ่งกำลังร้องไห้ฟูมฟาย อีกฝั่งอย่างชมพูแพรก็กำลังหาวิธีรับมือกับเจ้านายจอมวายร้ายของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะเดียวกันก็ยังต้องสู้รบปรบมือกับเลขาจอมริษยาอย่างเมเบลไปด้วย เพราะรายนี้จ้องจับผิดและคอยพูดหาเรื่องเธอตลอดเวลา ตั้งแต่เห็นว่าท่านประธานเรียกพบเธอเป็นนานสองนาน “ชมพูแพรหยิบแฟ้มเอกสารการประมูลทั้งหมดเข้ามาให้ผมที” เห็นไหมล่ะ ผิดจากที่คิดซะที่ไหน แล้วถ้าเดาไม่ผิดเรื่องเอกสารอะไรนั่นก็แค่เรื่องบังหน้า เรื่องจริงน่ะเหรอ ‘คิดจะทำมิดีมิร้ายฉันอีกน่ะสิ’ (เอิ่ม! มันเป็นความคิดที่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองใช่ไหม) พลันความคิดบางอย่างของเธอก็บรรเจิดขึ้น “โอ๊ย! ปวดท้อง พี่คะฝากพี่เอาเข้าไปให้ท่านประธานหน่อยได้ไหมคะ โอ๊ย! ไม่ไหวแล้ว ข้าศึกมันจะแหกด่านออกมาแล้ว” เธอกุมท้องก่อนจะรีบแจ้นออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ด้วยรู้ดีว่ารายนี้ต้องตอบรับมากกว่าปฏิเสธอยู่แล้ว และแน่นอนว่ามันทำให้เมเบลหยักยิ้มอย่างถูกอกถูกใจ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าของห้องถึงกับยิ้มกริ่ม “เชิญ!” เขาแสร้งทำเสียงขรึมอย่างนึกอยากจะแกล้งคนที่เพิ่งเข้ามา แต่ทันทีที่ได้เห็นว่าไม่ใช่คนที่ต้องการ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดทันที “ทำไมเป็นคุณ ในเมื่อผมเรียกชมพูแพร” ไม่ใช่แค่เสียงที่เกรี้ยวกราดแต่ใบหน้าเขายังถมึงทึงจนทำให้เลขาถึงกับหน้าเจื่อน แต่ก็ยังหาวิธีเอาตัวรอด ด้วยการเอาความดีเข้าตัวจนได้ “เอ่อ! ชมพูแพรไม่อยู่ ดิฉันกลัวท่านประธานจะรอนานก็เลยเอาเข้ามาให้แทนค่ะ ” “ไปไหน” เขาเลิ่กคิ้วถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบค่ะ แต่คงจะดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ล่ะค่ะ เขาคงถือว่าตัวเองเป็นเด็กของท่านรองมั้งคะ ก็เลยคิดว่าสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้โดยไม่เห็นหัวใคร” เลขาสาวแอบเบะปากด้วยความสะใจ ที่สามารถแต่งเรื่องใส่ไฟเพื่อนร่วมงานของตัวเองได้ “หมายความว่ายังไง” เขาถามเพราะแอบหวั่นใจลึกๆ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชมพูแพรกับริชาร์ดน้องชายเขาเอง “จริงๆ แล้ว ที่ชมพูแพรเข้ามาทำงานที่นี่ได้ก็เป็นเพราะว่าคุณริชาร์ดฝากเข้ามาค่ะ ส่วนเพราะอะไรนั้นดิฉันเองก็ไม่ทราบ ดิฉันไม่อยากใส่ร้ายใคร ใจจริงดิฉันไม่อยากจะรับไว้ด้วยซ้ำ คนอะไรสอนยากสอนเย็น ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง เห็นแก่ที่คุณริชาร์ดฝากฝังให้ช่วยสอนงานให้ ดิฉันจึงไม่กล้าปฏิเสธ อย่างเรื่องงานวันก่อนที่เละเทะเป็นท่าก็เป็นเพราะฝีมือยัยนั่น เอ๊ยฝีมือชมพูแพรนั่นล่ะค่ะ ยังไงดิฉันก็ต้องขอโทษท่านประธานด้วยนะคะที่รับคนแบบนี้เข้ามา” เมเบลแอบยิ้มสมใจเมื่อเห็นท่านประธานถึงกับนิ่งอึงไป “อืม! ออกไปได้แล้ว” เขาโบกมือไล่ ก่อนจะกลับมานั่งคิดเรื่องนี้อย่างเคร่งเครียดต่อ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายใส่ไฟแต่เป็นเรื่องระหว่างน้องชายเขากับชมพูแพร “เรื่องเอกสารเรียบร้อยไหมคะพี่ ท่านดุอะไรรึเปล่าคะ” ชมพูแพรที่รออยู่ด้านนอกลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดู “เปล่านี่ ทุกอย่างเรียบร้อยดี แล้วเธอล่ะเรียบร้อยดีไหม” เมเบลแสร้งถามกลับ ทั้งๆ ที่ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ “ก็ดีค่ะ แล้วเอ่อ...เขาไม่ดุไม่ว่าอะไรเลยเหรอ” ชมพูแพรยังไม่หายข้องใจ “ถ้าหมายถึงท่านประธานก็ไม่นี่ เรายังคุยเล่นกันอยู่ตั้งนานสองนาน ผู้ชายเจ้าชู้ก็แบบนี้แหละ เห็นผู้หญิงสวยๆ เป็นวิ่งเข้าใส่ทุกราย เธอเองก็ระวังตัวให้ดีเถอะ” เมเบลแอบยุเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม “โอ๊ย! ถ้าเรื่องสวยฉันสู้พี่ไม่ได้หรอก” เมเลบยิ้มชอบใจ พลันก็ต้องมาหุบยิ้มเพราะประโยคต่อมา “ขนาดสวยๆ อย่างพี่เขายังไม่สน นับประสาอะไรกับคนขี้เหร่อย่างฉันล่ะ จริงไหม” “ไม่จริงย่ะ ใครบอกว่าเขาไม่สนฉัน เขาสนแต่ฉันไม่เล่นด้วยต่างหาก” เมเบลรีบแก้ต่าง ถ้าขืนบอกว่าผู้ชายเจ้าชู้อย่างท่านประธานไม่เคยเหลียวมอง ประวัติเรื่องความสวยของเธอก็ต้องด่างพล้อยน่ะสิ แน่นอนว่าคนอย่างเมเบลยอมไม่ได้ ในขณะที่สองสาวกำลังถกกันเรื่องความสวย จู่ๆ ประตูห้องของท่านประธานก็ถูกเปิดออก และตามมาด้วยท่านประธานที่เดินออกมาด้วยใบหน้าหงิกงอราวกับไปโกรธใครมา ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่เธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD