บทที่1 งานกลางคืน
เสียงเพลงคลอเบาๆ ภายในผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในใจกลางเมืองเสียงร้องของหญิงสาวสวยตัวเล็กสุดเซ็กซี่ไพเราะดังเสนาะหูทำให้ผู้คนสนใจน้ำเสียงของเธอเป็นจำนวนมากภายในผับบวกกับด้วยหน้าตาที่น่ารักเซ็กซี่ปนกันไปจึงทำให้เป็นจุดสนใจของเหล่านักธุรกิจหลาย ๆคนรวมทั้งชายหนุ่มที่อยู่ห้อง VIP ด้านบนของผับ
เพชรรพีมองร่างบางที่กำลังขับร้องเพลงอยู่บนเวทีเขารู้สึกสนใจเธอเป็นอย่างมากมากเป็นพิเศษจึงเรียกผู้จัดการมาสอบถามเพราะผับนี้เป็นของเขาแต่เรื่องจัดการพนักงานนักดนตรีและนักร้องส่วนใหญ่จะอยู่ที่ผู้จัดการทั้งหมดที่เป็นคนจัดการให้เขา
"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณพีท"เสียงผู้จัดการเลยถามขึ้นมาทันทีที่เดินมาถึงตรงหน้าชายหนุ่ม
"เธอเพิ่งมาทำงานเหรอ"เพชรรพีเอ่ยถามผู้จัดการแต่สายตายังคงจดจ้องอยู่บนเวทีกับนักร้องสาวสวยน่ารักสุดเซ็กซี่
"ครับเพิ่งมาทำได้แค่ สามวันเองครับ"เสียงของผู้จัดการตอบรับเจ้าของผับอย่างคุณเพชรรพีทันที
"หลังจบงานนี้ให้เธอมาพบผม"เพชรรพีกล่าวห้วนๆออกมาตามอารมณ์ถึงแม้จะสนใจคนตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ก็ยังคงมีมาดของเจ้าของผับหลงเหลืออยู่
"ได้ครับคุณพีท"หลังจากที่ผู้จัดการตอบรับเขาก็เดินออกมาจสกห้อง vip แล้วไปรอพบนิรันดร์ตรงบริเวณข้างหลังเวทีที่เธอกำลังร้องเพลงอยู่จนในที่สุดช่วงเวลาการทำงานของเธอได้จบสิ้นลงพอเธอลงมาจากเวทีได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
"นิรันดร์ นิรันดร์เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป"เสียงผู้จัดการเอ่ยปากตะโกนเรียกหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังจะเดินทางไปเปลี่ยนชุดบริเวณห้องแต่งตัวเพื่อที่จะเลิกงาน
"ผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าคะ"นิรันดร์เอ่ยถามออกมาเพราะปกติเวลาเธอเลิกงานก็มักจะไม่เห็นผู้จัดการแล้วแต่เวลานี้กลับมาเจอกันซึ่งมันน่าแปลกมากสำหรับเธอ
"พอดีคุณพีทเจ้าของผับนี้อยากเจอเธอน่ะ"ผู้จัดการกล่าวบอกกับร่างบางทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
"อ๋อค่ะแต่นี่มันดึกแล้วนะคะทำไมไม่เจอตอนช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ละคะ"หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย
"ไม่ได้หรอกคุณพีทน่ะเป็นคนอารมณ์ร้อนรีบไปเถอะ"พอร่างบางได้ยินก็จำใจต้องไปหาเจ้าของผับอย่างคุณพีทที่ห้อง VIP ที่ผู้จัดการได้บอกไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก แอ๊ด สิ้นสุดเสียงเคาะประตูของหญิงสาวก็ผลักประตูห้อง VIP เข้ามาก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งรอเธออยู่บนโซฟาในท่าทางสบาย ๆ
"เธอมาช้านะ"เสียงของชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากการมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือแล้วพูดออกมาก่อนจะปรายตามองร่างเล็กสุดเซ็กซี่ของเธอแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
"คุณมีอะไรจะคุยกับดิฉันหรือเปล่าคะพอดีว่าดิฉันต้องรีบกลับบ้านนะค่ะ"น้ำเสียงหวานใสของนิรันดร์กล่าวบอกกับคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในท่าทางสบาย ๆ ของเขา
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากเรียกมาดูเฉย ๆน่ะ"น้ำเสียงราบเรียบของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วอย่าง งง ๆ
"เรียกมาดู เรียกมาดูอะไรเหรอคะ"ด้วยความสงสัยหญิงสาวจึงเอ่ยถามไปในเชิงที่อยากรู้เพราะไม่เข้าใจกับคำพูดที่ชายหนุ่มบอกกล่าว
"เอาเถอะแม่กระต่ายน้อยไม่รู้แหละดีแล้ว"เพชรรพีพูดออกมาและในหัวของเขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามออกไป
"เธอทำงานเฉพาะกลางคืนเหรอ"พอร่างบางได้ยินก็จึงตอบกลับมาด้วยคำสั้นๆที่เธอมักจะพูดกับคนอื่นอยู่บ่อย ๆ เพราะเธอไม่ใช่คนช่างพูดช่างจากับคนที่ไม่รู้จักหรือสนิทสักเท่าไร
"อ๋อใช่ค่ะ"พอชายหนุ่มได้ยินก็จึงขมวดคิ้วเอ่ยถามอีกครั้ง
"เธอไม่ชอบพูดหรอ"ร่างบางก็งุนงงจึงตอบออกมาอย่างสุภาพ
"เปล่าหรอกค่ะ เจ้านายกับลูกน้องจะมาคุยแบบเป็นกันเองมันคงจะดูไม่เหมาะดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น"นิรันดร์ตอบออกมาอย่างมีมารยาท
"แล้วกลางวันทำอะไรล่ะ"ชายหนุ่มก็ยังคงถามอีกเพราะเขาอยากรู้จริงๆนั่นแหละว่าตอนกลางวันเธอทำอะไรในเมื่อตอนกลางคืนทำงานพิเศษด้วยการเป็นนักร้องของผับของเขาต้องใส่ใจพนักงานหน่อยซึ่งปกติชายหนุ่มก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรกับพนักงานเท่าไรหรอก
"ตอนกลางวันเรียนค่ะ"พอชายหนุ่มได้ยินก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกนี่เขารู้สึกว่าทำไมถึงอยากถามผู้หญิงคนนี้หลาย ๆ คำถามมากนักนะ
"ยังเรียนไม่จบหรอแล้วทำงานกลางคืนแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือล่ะ"ด้วยความที่เป็นสุภาพบุรุษชั่วคราวของชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้
"เวลาว่างนะค่ะ"น้ำเสียงที่ตอบออกมาเป็นความจริงที่เธออ่านหนังสือเวลาว่างแต่ชายหนุ่มกลับคิดว่ามันเป็นคำกวนประสาทเสียมากกว่า
"นี่เธอก็ช่างรู้จักกวนประสาทคนอื่นเหมือนกันนะ"พอร่างบางได้ยินก็เลยออกพูดอย่างงุนงง
"คะ เปล่าค่ะอ่านเวลาว่างจริงๆ"คำตอบของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มชะงักเขาเกือบจะพ่นคำด่าออกมาเสียแล้วช่างเป็นผู้หญิงที่ใสซื่อจริง ๆ ในความคิดของชายหนุ่ม
"จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมมานั่งตรงนี้ก่อน"หลังจากที่คุยกันมาได้สักพักชายหนุ่มก็เอะใจขึ้นจึงเอ่ยเรียกให้นิรันดร์เข้าไปนั่งตรงบริเวณโซฟาที่เขานั่งอยู่
"ขอขอบพระคุณค่ะ"นิรันดร์ก็ไม่รอช้าจึงเดินเข้าไปนั่งตรงบริเวณโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของร่างสูงที่นั่งสบายๆอยู่บนโซฟาตั้งแต่เธอเดินเข้ามาแล้ว
"เธอรับงานอื่นอีกไหมนอกจากร้องเพลง"ชายหนุ่มพูดออกมาเชิงคำถามที่เป็นสองแง่สองง่ามทำให้หญิงสาวฉุดคิดก่อนจะตอบออกมาว่า
"รับค่ะ"เสียงของหญิงสาวตอบเขาเพียงแค่ สองคำเพราะเธอรับทำรายงานให้เพื่อนแล้วยังรับวาดรูปอีกด้วย
"รับสินะ คืนนี้ฉันจะจ้างเธออยู่กับฉันจนเช้า"พอร่างบางได้ยินก็รีบพูดสวนขึ้นมาทันที
"แต่ฉันต้องรีบกลับบ้านนะคะฉันไม่มีเวลาหรอกค่ะ"พอชายหนุ่มได้ยินก็ถึงขั้นหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
"เธอรับงานเพิ่มแต่กลับต้องรีบกลับบ้านนี่นะนี่มันกลอุบายแบบไหนกัน"พอร่างบางได้ยินชายหนุ่มพูดว่าเธอเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายเธอจึงฉุกคิดกับคำพูดของชายหนุ่ม
"ไม่มีหรอกค่ะดิฉันต้องรีบกลับบ้านจริง ๆ แล้วก็รับงานอื่นจริง ๆ ค่ะวันนี้ดิฉันไม่ว่างจริง ๆ ค่ะขอโทษด้วยนะคะ"พอชายหนุ่มได้ยินร่างบางพูดแบบนั้นก็จึงเกิดความโมโหและตะโกนขึ้นมาทันที
"ก็ฉันจะจ้างให้เธออยู่ไง!"น้ำเสียงของชายหนุ่มที่ดูโมโหทำให้ร่างบางสะดุ้งตกใจออกมาอย่างกลัว ๆ
"เธอต้องการเท่าไหร่บอกมาสิ! ฉันให้เธอได้ทั้งนั้น!"เสียงโมโหของคนตรงหน้าทำให้เธอนึกลัวขึ้นมาเพราะเขาไม่หยุดแค่นั้นยังตะโกนออกมาอีกสองสามคำ
"คะ..คุณกำลังทำฉันกลัว"น้ำเสียงสั่น ๆ ของหญิงสาวฉุดให้ชายหนุ่มเริ่มสงบสติอารมณ์ทันทีแล้วจึงเอ่ยเสียงเย็นชาออกมา
"กลัวงั้นสิ ถ้ากลัวก็จงเชื่อฟังคำสั่งฉันซะ"น้ำเสียงออกคำสั่งของชายหนุ่มทำให้นิรันดร์ไม่กล้าทำอะไรมากนักจึงพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจทำให้รอยยิ้มร้ายกาจของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
"ดีงั้นเราไปกันเถอะ"ไม่ว่าเปล่ายังเข้ามาฉุดข้อมือของหญิงสาวให้เดินตามออกมาก่อนจะขึ้นรถไปยังคอนโดของเขา
"มา..มาที่นี่ทำไมคะ"ทั้งน้ำเสียงและอาการสั่นเกร็งของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มนึกสนุกจึงแกล้งกระซิบข้าง ๆ หูของเธอ
"ชายหญิงอยู่คอนโดด้วยกันคิดว่ามาทำอะไรล่ะ"น้ำเสียงกระซิบเบา ๆ ของชายหนุ่มทำเอาแขนหญิงสาวขนลุกชูชันขึ้นมา
"คะ..คุณคงไม่ทำอะไรดิฉันใช่ไหมคะ"น้ำเสียงของหญิงสาวถามออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ ทำเอาชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้ายและหัวเราะดังลั่นเดินเข้าไปในตัวลิฟต์พร้อมกับมืออีกข้างที่ดึงหญิงสาวเข้ามาด้วย
"ไม่รู้สิ"เสียงธรรมดาของชายหนุ่มที่พูดออกมาทำให้เธอนึกกลัวจึงตอบออกมาอย่างกล้าที่จะพูดออกมา
"ดิฉันว่าคุณไม่ควรทำมัน"หญิงสาวพูดออกมาอย่างจริงจังเพราะเธอก็กลัวสิ่งที่ชายหนุ่มจะทำกับเธอเหมือนกัน
"ทำไมล่ะถ้าฉันอยากทำอะไรกับเธอใครก็มาห้ามฉันไว้ไม่ได้หรอกนะ แม้แต่ตัวของเธอเองก็ห้ามฉันไม่ได้" น้ำเสียงทุ่มต่ำของชายหนุ่มพูดออกมาทำให้หญิงสาวหมดคำจะพูดกับเขาจึงนิ่งสงบเพื่อรอดูสถานการณ์
"ทำไมเงียบไปล่ะ"เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาหลังจากสังเกตเห็นพฤติกรรมที่นิ่งเงียบของหญิงสาวตรงหน้าที่เขานึกสนุกอยากแกล้งเธอมากนัก
"เปล่าค่ะ"หญิงสาวตอบเพียงเท่านี้ก็รอจนลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของคอนโดที่มีห้องกว้างเหมือนบ้านหลังหนึ่งเลยก็ว่าได้ทุกอย่างดูหรูหราไปหมดจนเธอต้องอ้าปากมองตาค้าง
"นะ..นี้ห้องคุณหรอคะทำไมมันใหญ่จังใหญ่กว่าบ้านฉันอีก"เสียงเล็กเอ่ยถามกับชายหนุ่มออกมาเพราะเธอเพิ่งเคยเห็นคอนโดหรูที่มีเพียงห้องเดียวในชั้นบนสุดไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้เห็นของจริงเพราะตลอดเวลาเธอก็เอาแต่ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนชีวิตเธอมันไม่ได้สวยหรูเหมือนคนอื่นเขา
"เธอชอบมันไหม"น้ำเสียงของชายหนุ่มเอ่ยถามออกมา
"ชอบสิคะใคร ๆ ก็ชอบของหรู ๆ ทั้งนั้นแหละแต่ก็คงเป็นได้แค่ฝันค่ะเพราะความจริงมันโหดร้ายกว่านี้เยอะ"ด้วยความที่เธอผ่านอุปสรรคอะไรมามากมายทนทุกข์กับงานต่างๆจึงทำให้เธอรู้จักประหยัดมัธยัสถ์และเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ
"แต่นี่มันคือความจริงนะเธอกำลังยืนอยู่กับมันเห็นไหม"ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับสังเกตสีหน้าของหญิงสาวที่ตอนนี้เหมือนจะอึ้ง ๆ แล้วก็ระงับความตื่นเต้นตระการตาไว้เพราะอะไรเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
"ค่ะของจริงแต่มันไม่ใช่ของดิฉัน"เสียงร่างบางตอบออกมาจึงทำให้ชายหนุ่มพอเข้าใจได้
"เธออยากให้มันเป็นของเธอไหมล่ะ"น้ำเสียงจริงจังของชายหนุ่มพูดออกมา
"อยากค่ะแต่ฉันไม่อยากหวังอะไรลม ๆ แร้ง ๆ ที่มันไม่มีทางเป็นไปได้"น้ำเสียงของหญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนจะทำให้หญิงสาวชะงักไปกับคำพูดของชายหนุ่ม
"ถ้าเธออยากได้มันก็มาเป็นแฟนฉันสิแล้วก็เลิกทำงานกลางคืนซะเอาเวลาไปเรียนให้จบ"เสียงของชายหนุ่มพูดออกมาทำเอาร่างบางนึกคิดและงงกับคำพูดของเขาเธอคงคิดว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะเพราะเราสองคนต่างกันเกินไป