และที่สำคัญฉันจะไม่ออกโรงเอง... น้ำตาเทียมอยู่ไหนวะ ขอหยอดให้ดูดราม่าน่าสงสารหน่อย!
ไม่นานฉันก็นั่งรอตรงโถงโรงพยาบาลอย่างตื่นเต้น ผู้คนมาจอแจมากมายเกือบครึ่งร้อย ยัยแตงกวากับแตงไทยไปตามล่าหาตัวยัยแพรวา แก้วรังสรรค์นั่นมา ถ้าจำไม่ผิดพี่เตย์เรียกว่า... ไอ้เวย์?
จริงๆน่าจะเป็นไอ้เวร มากกว่านะ เฮอะ!
ฉันนั่งจุมปุกอยู่สักพัก เพื่อนข้างๆที่เหลือนอกจากยัยสองคนนั่นก็สะกิดให้ฉันรู้ตัวว่าเธอมาแล้ว... มาพร้อมกับยัยแตงกวาและแตงไทยขนาบข้างแถมยังทำหน้าไม่ยินดียินร้ายไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ!
ฉันเห็นแบบนั้นก็รีบหยอดน้ำตาเทียมและเตี๊ยมกับเพื่อนอีกสามคนที่ล้อมรอบฉันอยู่ทันที
“กูต้องดูเป็นนางเอกที่สุด มึงพูดจาให้อีนั่นมันดูแรดร่านสันดานกะหรี่เลยนะเข้าใจมั้ย?” ฉันว่าพลางสบตาเพื่อนทั้งสามคนคือ ยัยใบบัว ใบบอน และใบเตย เออ พวกนางจะชื่ออะไรไม่ต้องไปสนใจนักหรอก แค่ออกมาประกอบฉากนิดหน่อยเท่านั้น! เอาเป็นว่านางเอกคือฉัน โอเคนะ?
“มาแล้วอีโม มันมาแล้ว” ตัวประกอบคนที่หนึ่งพูด ฉันสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะเซตผมสวยพริ้งให้ฟูเหมือนยัยเพิ้งเหมือนผ่านการร้องไห้มาก็ไม่ปาน อ่าฮะ โมพร้อมค่ะพร้อม!
“มึงส่งซิกบอกอีแตงกวาให้กระชากหัวมันเลย เอาเลย เดี๋ยวกูแกล้งวิ่งออกไปห้าม” ฉันว่าพลางหยอดน้ำตาเทียมยิกๆแล้วหาอะไรฉุนๆมาดมให้คัดจมูกนิดหน่อยจะได้แดงๆเหมือนคนที่ร้องไห้มาไง... เจ๋งป่ะล่ะ?
“มึงนี่มัน...” ตัวประกอบคนที่สองเบ้ปาก
“เก็บปากแล้วทำตามกูก็พอ” ฉันว่าก่อนจะลอบยิ้มร้ายเมื่อยัยตัวประกอบที่สามขยิบตาหนึ่งทีจนยัยชะนีนั่นสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆยัยแตงกวาก็กระชากผมสวยๆของเธออย่างแรง!
“?” ยัยนั่นขมวดคิ้วแล้วกลอกนัยน์ตาไปมาอย่างงงๆจนกระทั่งมองมาทางฉันและสบตากันเข้าพอดี ฉันเหยียดยิ้มร้ายก่อนแล้วตีหน้าฟูมฟายเหมือนนางเอกก่อนจะวิ่งเข้าไปทางเธอและตะโกนลั่นโรงพยาบาล!
“อย่า แก... อย่าทำร้ายพี่เค้า ฮึก!” ฉันวิ่งเข้าไปห้ามยัยแตงไทยที่เงื้อมือทำท่าจะตบ ในขณะที่ยัยชะนีนั่นเอียงคอมองฉันอย่างสงสัย ไม่ได้รู้อะไรสักนิดว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่!
เดี๋ยวเธอจะได้เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจแน่! คอยดู!
“คนแบบนี้ต้องตบมันซะบ้าง อยู่ดีไม่ว่าดีแย่งสามีชาวบ้าน! อย่าไปยอมมันนะโม!” ยัยแตงไทยว่าพลางกระชากเสียงรุนแรงมองหน้ายัยชะนีนั่นอย่างหงุดหงิด
“ใช่ อีหน้าด้าน! คนเขามีเจ้าของอยู่แล้วยังจะไปเล่นด้วยอีก พ่อแม่ไม่สั่งสอนไง!” ยัยแตงกวาตะคอกใส่รูหูเธอในขณะที่ฉันแอบลอบยิ้มในใจ ดี ด่ามันเยอะๆ ด่าดังๆให้คนมันได้ยินทั้งประเทศเลย!
“ใช่ๆๆๆ” ตัวประกอบสามคน ไม่ขอพูดถึงเอามาเป็นแบล็คกราวน์เฉยๆ โอเคนะ
“อย่าเลย โมไม่โกรธหรอก... ที่สำคัญเรายังไม่รู้เลยนะว่าเรื่องจริงรึเปล่า ฮึก” ฉันพยายามบีบน้ำตาเต็มที่พลางทำทีเหมือนเสียใจจนสั่นไปทั้งตัว
“โถๆๆๆ โมผู้น่าสงสาร มึงจะรอให้เขาตะเกียกตะกายได้กันบนเตียงต่อหน้ามึงหรือยังไงถึงจะได้เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง!” ยัยแตงไทยเบ้หน้าไม่พอใจตามบทบาท สมกับที่ถูกยกเป็นเจ้าแม่แห่งละครเวทีของมหาวิทยาลัย JDR ไม่มีหลุดแม้แต่นิด! ฉันแกล้งสะอึกสะอื้นต่ออย่างเอาเป็นเอาตายก่อนจะชะงักเมื่อยัยชะนีขนตาโซล่าเซลล์นั่นพูดขึ้นมา...
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ถ่ายคลิปไว้ให้ก็ได้นะ”
เหอะๆ... กวนตีน! ฉันแอบกัดฟันกรอดก่อนจะเห็นเธอยกยิ้มบางอย่างนางมารร้ายชั่ววินาทีหนึ่งแล้วหัวเราะเหมือนเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องโจ๊กขำขัน!
“พี่ล้อเล่นนะ อิอิ ^O^”
ยัง... ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ! นี่ไม่เคยตั้งใจจะรุมตบใครแล้วรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้มาก่อนเลยนะ!
เพี๊ยะ!
แตงไทยฟาดมือลงกับใบหน้าขาวเนียนฉาดใหญ่อย่างอดใจไม่ได้ เพียงเพราะยัยบ้านั่นกวนตีนทำเอาเธอสติหลุดด้วยความหงุดหงิด แต่ก็เข้าใจนะ ถ้าเป็นฉันที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คงตบ!
“ปากดีนะมึง!”
“...” ยัยนั่นเงียบเมื่อถูกยารักษาที่เรียกว่าฝ่ามือหนึ่งฉาดเข้าไปหนักๆจนหน้าแดงช้ำเป็นแถบ เธอขมวดคิ้วอย่างงงๆก่อนจะเลียเลือดที่ริมฝีปากนิดหน่อยและหัวเราะอีกครั้ง
“โหย... เถื่อนถ่อยต้อยต่ำสลัมโง่ฮีโร่กูเลย ^O^”
“มึงขำอะไร!” แตงกวาล็อกแขนยัยนั่นแรงขึ้นอีกจนหน้าเธอขึ้นสีนิดหน่อยแต่ก็ยังเปื้อนยิ้มจนฉันแทบข่มอารมณ์หงุดหงิดไม่ไหว คนอะไรน่าหมั่นไส้ได้ขนาดนี้!
“ก็หันไปดูน้องโมสิค่ะ...” ยัยนั่นว่าทำเอาทุกคนหันมาทางฉันเป็นตาเดียวว่ามีอะไร ซึ่งฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรนักหนาถึงได้มองหน้าฉันแล้วหัวเราะ!
“ส่วนน้องโมถ้าอยากรู้ว่าหน้าตัวเองสภาพตอนนี้เป็นยังไงให้หันไปทางขวาค่ะ มีกระจก”
ทำไมฉันต้องเชื่อเธอ...
เออ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันและเพราะความอยากรู้นี่แหละฉันถึงได้หันตามที่เธอพูดจนกระทั่งต้องหรี่ตาเพราะว่าพอหันไปปุ๊ป...
แชะ!
“?!?”
“เชื่อด้วยแฮะ พี่แค่ให้หันไปจะได้ถ่ายหน้าพวกเราชัดๆ” เธอพูดเสียงทีเล่นทีจริงกลั้วเสียงหัวเราะเมื่อฉันหลงกลเธอเข้าเต็มเปา แถมเจ้าพวกมนุษย์กล้องนี่ก็หน้าด้านหน้าทนเสือกเรื่องชาวบ้านยังคงยกมือถือขึ้นมาถ่ายต่อ! ฉันยืนอึ้งอยู่สักพักก่อนจะคิดได้ว่าฉันยังไม่หลุดอะไรออกไป...
ฉันยังดูเป็นนางเอกอยู่ไงและมันคงจะเป็นแบบนั้นต่อถ้าเกิดว่ายัยสองคนนั้นไม่ทรยศฉันจนคดีพลิก!
“พวกหนูไม่ได้อยากจะตบพี่นะคะ ยัยโมมันจ้างพวกเรามาคนละห้าร้อย!” ยัยแตงโมกับแตงไทยลนลานอย่างประหลาดแล้วโวยวายจนคนอื่นได้ยินกันไปทั่วทำเอาฉันหน้าตึงไปทั้งแถบไม่ต่างอะไรจากโดนตบแรงๆเลยสักนิด!
ทำไมจู่ๆยัยนั่นถึงกลับลำไปอยู่ฝ่ายอีขนตาโซล่าเซลล์นั่นได้วะ!
ฉันกัดฟันกรอดอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันแค่หันไปทางกล้องแป๊ปเดียว ทำไมยัยพวกนั้นถึงกลับลำและหักหลังฉันง่ายๆแบบนั้น... ก็รู้นะว่าพวกมันไม่ได้จริงใจสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่น่าจะทรยศกันแบบไร้สาเหตุ จริงมั้ย?
ยัยนั่นต้องทำอะไรแน่ๆ... ผู้หญิงคนนั้นน่ะ!
“แหม ไม่เห็นต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้เลย จะเซอร์ไพรส์ฮาๆก็ไม่บอก” เธอยักคิ้วจึ๋งๆก่อนจะสะบัดลำแขนออกจากยัยแตงโมกับยัยแตงไทยอย่างง่ายๆจนเสื้อกราวน์ยาวๆของเธอปลิวไสวไปตามแรงลมนิดหน่อย
ฉันได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งในหัวยังมีแต่คำว่าทำไม และทำไมเต็มไปหมด
“เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหมดนะน้องโม แย่งผัวแย่งเผออะไรกัน อายุแค่นี้มีผัวแล้วเหรอ?” เธอสาวเท้าเรียวยาวเข้ามาหาฉันก่อนจะล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกราวน์พลางสะบัดปอยผมอีกนิดหน่อย
ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ ถึงแม้ว่าแก้มเธอจะยังแดงช้ำจากการถูกตบอยู่แต่ว่า... เธอก็สวยมาก
“พี่ทำอะไร...” ฉันกระซิบเสียงแหบต่ำไม่ให้คนอื่นได้ยินพลางสบนัยน์ตาคนตรงหน้าอย่างสงสัย เธอถอนหายใจยาวก่อนจะพูดเสียงเบาเช่นเดียวกับฉัน
“ช่วยน้องอยู่ไง... เป็นถึงลูกสาว สส. มาทำตัวแบบนี้เดี๋ยวจะเปื้อนราคีหมด”
เหอะ นี่จะบอกว่าเป็นห่วงฉันอะไรแบบนั้น? อย่ามาตลกเลยจะดีกว่า มุขนี้ไม่ฮาว่ะ!
“อย่าเอาภาพพจน์ดีๆมายำเล่นเพราะผู้ชายคนเดียวจะดีกว่า ที่พูดเนี่ยเป็นห่วงนะ”
“...”
“ทำอะไรให้ใช้สมอง อย่าใช้สันดาน” เธอตีหน้ายิ้มประหนึ่งเหนือกว่าราวกับว่าเป็นนางฟ้าซะเต็มประดา... แม่งสร้างภาพมาก ว่ามั้ย! ใครจะไปเชื่อ! เป็นห่วงเนี่ยนะ? เก็บไว้หลอกหมาเหอะ!
ฉันเบ้หน้าไม่พอใจพลางกำหมัดแน่นรู้สึกหน้าตึงและแสบร้อนราวกับถูกตบซะเอง ตั้งแต่แกล้งชาวบ้านมาไม่เคยโดนตอกกลับโต้งๆสักครั้ง ที่สำคัญเธอยังทำเหมือนเป็นห่วงฉัน มันหงุดหงิด! คนที่เป็นนางเอกมันต้องเป็นฉันปะวะ อย่ามาแย่งซีนกันหน่อยเลยจะดีกว่า... เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!
“อย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลย จะอ้วก” ฉันพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะเม้มริมฝีปากแรงๆเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็ใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากฉันสองจึกและตามด้วยประโยคกวนประสาทอย่างเช่น...
“ล้างสมองตัวเองบ้างก็ได้นะ ดูเหมือนว่ามันจะสกปรกไป”
“นี่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอก?” ฉันพูดด้วยเสียงประชดประชันแต่ยัยนั่นก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิดเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเป็นพวกประเภทที่ว่าโดนด่าแต่ไม่สนใจ... แม่งน่าตบเป็นบ้า!
“ขอบใจที่ชม”
โถๆๆๆ กูประชดค่ะ! ขอหยาบคายหน่อยเหอะ พอดีว่าปรี๊ด!
“ตบพี่อีกทีดีมั้ย เผื่อเรายังไม่สาแก่ใจพอ?” ยัยบ้านั่นพูดจาเป็นเชิงท้าทายทำให้ฉันเดือดพล่านจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ในเมื่อเสนอฉันก็พร้อมจะสนอง!
เพี๊ยะ!
ฉันง้างฝ่ามือค้างไว้อย่างนั้นเมื่อใบหน้าของยัยนั่นหันไปตามแรงตบก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า แบบนี้สิมันถึงจะสาแก่ใจอีช้อย! เธอหัวเราะก่อนจะกุมแก้มเบาๆและหันมาสบตาฉัน...
ไม่ใช่นัยน์ตาโกรธแค้นแต่ประการใด ทว่ามันกลับ... ตื่นเต้น?!?
“มีเรื่องนึงนะที่น้องโมยังไม่รู้” เธอว่าพร้อมเหยียดยิ้มปริศนา ฉันกลืนน้ำลายอึกอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้นก่อนจะได้รู้ซึ้งถึงนิยามของคำๆนึงอย่างถ่องแท้เมื่อนัยน์ตาเธอเปล่งประกายอย่างใสซื่อ
“จะเล่นกับพี่ทั้งที นอกจากแรงดีต้องมีสมองนะ รู้มั้ย?”
“...”
“แต่แบบนี้ก็ตื่นเต้นดี... พี่ชอบJ”
และคำๆนั้นคือคำว่า... 'เลวบริสุทธิ์'