“มึงได้กับพี่ทัพแล้วใช่มั้ย”
“.....”
“เล่าเลยค่า กูจะเคลียร์หูรอฟัง”
ฉันกลอกตามองบนใส่ดาลีน บุคคลที่เป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อรู้ลึกซึ้งไปซะทุกอย่าง
รวมถึงการที่ฉันนั่งรถของพี่ทัพมามหา’ ลัย เพื่อนคู่กายก็ไม่ลืมที่จะดักรอหน้าประตูเพื่อกวักมือเรียกคุย
“ไอ้จีน”
“ให้กูพักหายใจก่อน จะขาดอากาศหรือไงวะ”
“ให้สามวิค่าสาว”
ฉันสูดลมหายใจ แต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนลมออกมา ยัยลีนก็รีบเสนอหน้าตัวเองนั่งเท้าแขนรอฉันเริ่มเล่าทันที
“โอเค ไหนเล่า”
“ยังไม่สามเลยมั้ย”
ต่อให้กลอกตามองบนจนตาดำหมุนกลับเข้าไปในสมอง ยัยลีนก็ไม่มีทางที่จะสะทกสะท้านตามฉบับเด็กนอก
ฉันลอบถอนหายใจ ก่อนจะเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง หน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงริมฝีปากนุ่มหยุ่นประทับลงมา
เขาจูบเก่ง.. ปฏิเสธไม่ได้เลย
“สรุป..” ยัยลีนเว้นวรรค ก่อนจะทำมือประกบกันแล้วมีเสียงตั่บๆ ปนเสียงหัวเราะครืนของเจ้าตัว
“ไอ้ลีน” ฉันจิกตาแข็งใส่ สายตาเหลือบมองนักศึกษาคนอื่น พลางกระเถิบก้นเข้าไปใกล้เพื่อนสนิท
“กูเห็นมึงนั่งเฟอพี่ทัพมาตอนเช้า คนอื่นก็พูดถึงให้แซดว่าพี่ทัพเปลี่ยนแฟนใหม่ มึงนี่เองเหรอจ๊ะ”
“เออ กูเอง”
“เด็ดป่ะ”
ฉันไม่ตอบแต่หลับตาแล้วอมยิ้ม พลางยักคิ้วใส่ให้ยัยลีน
เราสองคนไม่ได้สนิทกันตอนรับน้อง แต่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้นหรืออาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน โลกถึงได้เหวี่ยงให้เราสองคนเป็นเพื่อนกัน
ดาลีนมันย้ายมาจากอเมริกา ตอนนั้นผมทองประกายเขียวเด่นหรามาเชียว แต่พอมาอยู่ไทยนางต้องย้อมผมกลับเป็นสีดำ
แอบวีนแตกด้วยแหละ..
หลังจากเรียนจบ หัวมันก็เปลี่ยนสีจนฉันยังอดสงสารหนังหัวมันแทนไม่ได้ อยู่คณะบริหารภาคอินเตอร์มาเกือบปี หัวเปลี่ยนสีไปเป็นร้อยแล้วมั้ง
“สักทีนะมึง” มันทำหน้าโล่งใจ
อย่างที่รู้กันว่าฉันแอบชอบพี่ทัพมานานมากแล้ว ฉันรู้ ยัยลีนรู้ แต่พี่ทัพไม่เคยรู้ ถึงจะเพิ่งรู้เมื่อคืนก็เถอะ เหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก
ราวกับว่าพอเป็นคนที่เราชอบมาจนเกินพอดี พอคลิกเข้าหน่อยร่างกายก็ตอบสนองกันจนต้านทานเอาไว้ไม่อยู แถมตอนนี้ฉันก็ยังลืมเรื่องเขาไม่ได้เลย
“แต่มึง.. มึงว่ากูตัดสินใจผิดหรือเปล่าวะ”
“จะผิดอะไร มึงชอบเขา ทั้งสองคนเต็มใจทำ มันจะผิดยังไง”
“จำไม่ได้หรอว่าคนอื่นเขาพูดถึงพี่ทัพว่ายังไง..”
“เรื่องที่เขาเป็นพวกเบื่อง่าย ทิ้งเร็ว เปลี่ยนแฟนบ่อยน่ะเหรอ”
“อืม” ฉันพยักหน้ารับ
ทุกคนต่างก็รู้ดี หากใครได้ขึ้นรถเฟอรารี่ของพี่ทัพแปลว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังคบกับเขาอยู่ และนั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงบางส่วนมองมาที่ฉัน รวมถึงหันไปซุบซิบนินทากับเพื่อนเธอเองอีกต่างหาก
ฉันสวมชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอรัดตามรูปของบั้นเอว ใส่เสื้อตัวโคร่งทับด้วยเสื้อกั๊กไหมพรหมสีดำ บวกกับรองเท้าแตะรัดส้นคู่โปรด เพิ่มความเบาสบายในวันที่ร่างกายเผชิญศึกอันหนักหน่วงมาเมื่อคืน
พอได้พูดถึงสิ่งที่คนอื่นกล่าวหาพี่ทัพ ฉันก็อดคิดมากไม่ได้เลยว่าตัวเองตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
“คนล่าสุดที่เขาคบก็ร่วมปีมั้ยวะ”
ฉันนั่งซึมแล้วพยักหน้ารับ รู้มาอีกอย่างว่าแฟนคนล่าสุดพี่ทัพทรีตดีมาก แล้วก็เป็นคนที่คบนานที่สุดด้วย
“แปลว่าต้องมีอะไรมัดใจเขาได้” มันทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตบเข่าดังฉาดใหญ่ยืดอกด้วยทีท่ามั่นใจ
“จะเอาอะไรไปมัดใจ” ฉันตัดพ้อ แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้เป็นลูซเซอร์ก่อนเวลาอันควร
“หลายอย่างจะตายไป ทำให้เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขดิ ให้เขาเป็นตัวเองเต็มที่.. หรือว่าเซ็กซ์ที่ดีก็มัดใจได้”
“เซ็กซ์หรอ”
“ขนาดอเล็กซ์มันยังมาอ้อนวอนให้ฉันแอบแซ่บหลังจากเลิกกันเลยจีน แกคิดว่าอะไรที่มัดตัวมันไว้อ่ะ”
จบประโยคฉันก็มุ่นคิ้วคิดตาม เรื่องราวระหว่างดาลีนกับแฟนเก่าฉันก็พอจะรู้อยู่ว่าเป็นเพราะอะไร น่าเสียดายเหมือนกันที่สองคนไปต่อกันไม่ได้เพราะระยะทาง
ลีนเลือกที่จะไม่รอเพราะไม่อยากพลาดเวลาชีวิต ส่วนอเล็กซ์ก็คงอยากจะมุ่งมั่นในหน้าที่การงานตัวเองก่อน
“แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างอ่ะ เมื่อคืนฉันให้เขาเป็นฝ่ายทำอยู่คนเดียวเลย”
“อย่าให้เขาคุมเกมเองบ่อย มึงลองขึ้นมาคุมเกมบ้าง”
“คุมเกมหรอวะ”
ไอ้ลีนมันกระแอมไอในลำคอ ทำท่าลับๆ ล่อๆ จนฉันอดที่จะนิ่วหน้าไม่ได้
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่มันพูดหรอก แต่แค่ไม่ค่อยสันทัดสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนพี่ทัพเป็นเหมือนกุญแจที่ปลดล็อคฉันครั้งแรก
ฉันอยากจะมีเซ็กซ์กับคนที่ชอบเท่านั้น และการแอบชอบเขาเพียงคนเดียวมาตลอดหลายปี มันก็กลายเป็นเหมือนว่าฉันรอคอยเซ็กซ์จากเขาเพียงคนเดียว
“ออนท็อปไงคะเพื่อน ขย่มให้เขาร้องซี๊ดแล้วก็.. แตกไปเลยสิคะ”
อีกฝ่ายพูดติดตลก แต่ฉันกลับขำไม่ออกเพราะสมองกำลังจินตนาการตามคำพูดของดาลีน จนใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมา
“แล้วเมื่อคืนเขาชอบป่ะล่ะ” อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาถาม
“ก็ดูชอบนะ” ฉันตอบกลับ พี่ทัพเขาล้อเล่นกับร่างกายฉันไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากให้เขารักทั้งฉัน แล้วก็สิ่งที่ฉันเป็นด้วย
“ต้องชอบดิวะ เพื่อนกูมีทั้งนม ทั้งตูดขนาดนี้” มันพูดพลางตบลงบนก้นฉันด้วยความหยอกล้อ
ฉันเบะริมฝีปาก “ถ้าเขาชอบของพวกนี้ คนอื่นก็มีป่ะวะลีน"
“อย่าไปคิดเรื่องนั้นดิ”
“กูอยากให้เขารักกูว่ะ”
เราทุกคนต่างก็อยากเป็นคนที่ถูกรักด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นความรักที่ได้ตอบกลับมาจากคนที่เรารักแล้ว ฉันว่าตัวเองคงจะอยากมีความรักแบบนั้น มากกว่าความฉาบฉวยหรือสวยงามเพียงชั่วครู่เหมือนกัน
“ไอ้จีน”
"กูพูดจริง.. กูอยากให้เขารักกู"
แววตาของคนตรงหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะปกติแล้วฉันไม่ค่อยอยากจะดึงเข้าบทโศก แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กับตัวเอง
“มึงแนะนำกูหน่อย..”
“แนะนำเหรอวะ”
“เออ ทั้งเรื่องทริคการจีบ แล้วก็ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง ขอที่มัดใจเขาอยู่หมัดเลยนะเว้ย”
การขึ้นเป็นผู้หญิงของทัพแล้ว นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะเลิกกับเขาเมื่อไหร่ แต่ฉันควรคิดว่าทำยังไงฉันถึงจะได้เป็นผู้หญิงของเขาแค่คนเดียวต่างหาก
ฉันนั่งรถของพี่ทัพกลับมาคอนโด ระหว่างทางฉันเอาแต่นั่งนิ่งทั้งที่ภายในกำลังลุกลี้ลุกลน
พี่เจย์ส่งข้อความมาว่าจะมาหาฉันที่ห้อง แถมยังมีเรื่องจะคุยอีก ต่อให้ตอนนี้ประเทศเป็นหน้าร้อน บรรยากาศก็สามารถหนาวเหน็บขึ้นมาแบบกะทันหันได้เลย
"อย่าลืมคืนนี้ล่ะ"
"อื้อ"
ฉันหลับตาปี๋กับการที่อีกฝ่ายจู่โจมริมฝีปากฉัน ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ เพื่อปลดสายเข็มขัดให้ลงจากรถ
ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนมองรถของพี่ทัพขับออกไป พลางลอบถอนหายใจแรงกับเหตุการณ์ข้างหน้าที่ต้องเผชิญหลังจากนี้
พี่เจย์ต้องโกรธฉันแน่ ถ้ารู้ว่าฉันกับพี่ทัพเราเป็นอะไรและทำอะไรกัน
แน่นอนว่าคนหัวรั้นอย่างพี่เจย์เป็นพวกความอดทนต่ำ เขาพร้อมจะโหวกเหวกโวยวายและโยนคนฟังให้หลุดเข้าไปอยู่ในตลาดสด
เขาสามารถนั่งเทศนาจนหูชา จนอาจจะดับไปข้าง หรือไม่ก็นั่งประจันหน้ากัน โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำให้ฉันอึดอัดใจ
เพราะงั้นเขาไม่ควรรู้ว่าพี่ทัพมาห้องฉันเด็ดขาด
คำเตือนป้ายโตโต
พอเดินเข้ามาหน้าล็อบบี้ ฉันก็พบว่าพี่เจย์มานั่งดื่มกาแฟรอก่อนแล้ว แถมสีหน้ายังตึงเครียดเหมือนไปกินรังแตนมาอีกด้วย
ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ปั้นหน้ายิ้มแย้มไร้พิรุธ มือกระชับกระเป๋าสะพายข้างในมือ ก่อนจะเดินตัวลีบเข้าไปทักทาย พลางยกรอยยิ้มบนมุมปากให้อีกฝ่าย
ทว่าเขาก็ยังตีหน้านิ่งแล้วผุดลุกผ่านหน้าฉันไปไม่ตอบโต้อะไร เจ้าตัวเดินนำหน้าไปที่ลิฟต์ โดยไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ
“ไอ้ทัพมาหาเราหรือเปล่า” เสียงเข้มถามขึ้น เล่นเอาฉันขนลุกชูชันเป็นแถบ
ฉันยืนก้มหน้า มันเลยทำให้พี่เจย์หันมาตวัดหางตากลับมามอง
“พี่ถามว่าไอ้ทัพมันมาที่นี่หรือเปล่า”
“ปะ..เปล่าค่ะ”
“เหรอ”
“พี่เจย์มีอะไรหรือเปล่า ทะเลาะกับพี่ทัพหรอคะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร ถ้ามันมาหาก็ไม่ต้องให้มันเข้าห้อง เข้าใจมั้ย”
“ทะเลาะกันมาแน่เลย”
“บอกว่าเปล่าไง แค่อย่าไปเข้าใกล้มันก็พอ”
บทสนทนาแสนสั้นแต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์มาคุ เตรียมทะเลาะกันตั้งแต่ยังไม่ออกจากลิฟต์
พี่เจย์เดินนำหน้าฉันไปที่ห้องหลังจากลิฟต์เปิดออก ส่วนฉันก็ได้แต่ถอนหายใจพรืดใหญ่ เดินก้าวฉับไวตามหลังเขาไปในที่สุด
“ถ้ายังอยากเจอกันก็อย่าบอกเรื่องระหว่างเรากับไอ้เจย์”
“คืนนี้พี่จะมาหาเราใหม่ ขอคีย์การ์ดสำรองด้วย”
“จะอาบน้ำรอก็ได้นะครับ.. เด็กดี”