ปอไหมกลับมาที่งานประมูลอีกครั้งพร้อมกับพีท เธอมองไปรอบ ๆ เห็นว่าสายฟ้ากำลังพูดคุยกับแขกคนอื่นอยู่ ทำให้โล่งใจไม่น้อย เธอไม่ชอบที่เขาเอาแต่จ้องเธอด้วยสายตาน่ากลัว การจ้องเขม็งของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าทำอะไรผิดตลอดเวลา และที่แย่ที่สุดคือ การได้เห็นเขายืนอยู่ไกล ๆ โดยมีทับทิมยืนอยู่ข้าง ๆ นั้นทำให้เธอเจ็บปวด ทั้งที่ผ่านมาห้าปีแล้วแท้ ๆ เธอควรจะเดินหน้ามูฟออนได้แล้วสิ
เขาไม่เคยเป็นของเธอ… มันคือเรื่องจริงที่เธอต้องยอมรับ เขาไม่เคยเป็นของเธอเลย
“คืนนี้เธออยากดื่มไหม” พีทถาม
“แชมเปญสักแก้วก็ได้ ฉันไม่อยากเมา” ปอไหมตอบ พลางมองแก้วที่พีทหยิบยื่นให้
“แด่ความสำเร็จของคืนนี้” พีทกระซิบ เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็หัวเราะอย่างขมขื่น
“สถานการณ์ของฉันไม่ค่อยเหมาะที่จะฉลองเลยแฮะ”
“ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าคิดมาก ลองคิดดูสิ เป็นเขาก็ดีกว่าเป็นคนอื่นที่ได้ภาพนั้นไปนี่ เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร”
“ฉันเข้าใจ แต่เขาแต่งงานแล้วนะ ภาพเกือบเปลือยนั่นมันจะทำให้เขาทะเลาะกับแฟนหรือเปล่า”
“นั่นมันเรื่องของเขานี่นา ความสัมพันธ์ของเขาจะเป็นยังไงต่อจากนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย คิดในแง่บวกดูสิ เราได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของสิบล้านจีเอชเลยนะ แล้วมันก็เป็นของเธอทั้งหมดด้วย”
“บ้าเหรอ เราต้องแบ่งกันคนละครึ่งสิ ฉันจะไม่ยอมให้นายเสียสละเพื่อฉันอีกแล้ว นายต้องเก็บเงินไว้รักษาแม่นายด้วย จะได้ยุติธรรม” ปอไหมสบตาเขา “อย่าได้คิดจะปฏิเสธเชียว เข้าใจไหม”
หญิงสาวกล่าวเสริม เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังจะแย้ง พีทจึงพึมพำอย่างไม่พอใจ
“ดื้อด้าน” เขาว่า
“เหมือนกับนายนั่นแหละ” ปอไหมหัวเราะพลางกลอกตาไปมา ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของใครบางคน
“ขออนุญาตครับ ครอบครัวศศิวัตรเกียรติกุลอยากเชิญพวกคุณไปร่วมโต๊ะได้ไหมครับ” ผู้ชายคนหนึ่งยิ้มให้พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นมา ทั้งสองหันไปมองก่อนที่ปอไหมจะเบิกตากว้างด้วยความกลัว
"อืม... ได้ครับ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมาก" พีทเอ่ย
“เชิญทางนี้เลยครับ” ชายคนนั้นผายมือ ระหว่างเดินปอไหมรีบกอดแขนพีทไว้ เขาจึงบีบมือให้กำลังใจเป็นระยะ กระทั่งเบื้องหน้าเธอคือครอบครัวศศิวัตรเกียรติกุลซึ่งมีชื่อเสียงมาก พีทจึงเรียกสติเธอเบา ๆ
“ไหม...”
ปอไหมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“ยินดีที่ได้พบค่ะ ผลงานของพวกคุณยอดเยี่ยมมากเลย ดิฉันอันเทียน่า ส่วนนี่สามีฉันเหมราช นั่นก็ลูกสาวฉันเมญ่า” อันเทียน่าเป็นคนแนะนำ ความสุภาพและใจดีของเธอช่วยให้ปอไหมรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
“ขอบคุณครับมาดาม ผมพีท ส่วนเธอ ปอไหมครับ”
“อนาคตของคุณรุ่งแน่คุณพีท ผลงานชิ้นนี้สวยมาก” เหมราชเอ่ยชมอย่างจริงใจ
“ขอบคุณครับท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ท่านให้ความสนใจ"
"คุณปอไหม คุณแสดงสีหน้าได้ดีมากเลยค่ะ มันสมบูรณ์แบบมาก” อันเทียน่าเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่ครับมาดาม เธอเก่งมาก” พีทภูมิใจ
“คุณดึงอารมณ์ออกมาได้ดีมากเลยนะ ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ไม่ได้ร่วมประมูลด้วย แต่ไม่เป็นไร ลูกชายฉันได้มันไปแล้ว ใจจริงฉันไม่อยากให้มันตกไปเป็นของคนอื่นเลยค่ะ” อันเทียน่าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“งานศิลปะทุกชิ้นมีเรื่องราวซ่อนอยู่ครับ และผมรู้สึกดีใจมากที่ผู้ชมรับรู้ถึงข้อความที่ผมถ่ายทอดออกมา” พีทว่า
“นั่นสิคะ...” อันเทียน่าเอ่ย ก่อนหยุดพูดกะทันหัน จากนั้นทำเพียงแค่ยิ้มและส่ายหัว “ก่อนที่ฉันจะลืมบอก พรุ่งนี้ตอนเที่ยงเราอยากทานข้าวกับพวกคุณสองคนจะได้ไหมคะ จะเป็นเกียรติมากหากได้รู้จักพวกคุณมากขึ้น” เธอพูด พลางมองสลับกันระหว่างปอไหมกับพีท
“นั่นสิคะ คุณคงไม่ได้คิดที่จะหนีไปก่อนใช่ไหมคุณปอไหม” เมญ่าพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“เมญ่า...” อันเทียน่าเอ่ยเตือน “ถ้าพวกคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ เราหวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง"
“ไม่เลยค่ะมาดาม เป็นเกียรติมากที่จะได้ร่วมรับประทานอาหารกับพวกคุณค่ะ พรุ่งนี้เราว่างค่ะ” ปอไหมพูดพร้อมรอยยิ้มสุภาพ พยายามควบคุมจิตใจที่วุ่นวายของตัวเองเอาไว้ ด้วยการตอบตกลงทานอาหารกับครอบครัวนี้ หมายถึงการเปลี่ยนแผนกลับบ้านของเธอ
“ขอบคุณมากค่ะ” ดวงตาของอันเทียน่าเป็นประกายขึ้นมา
“มัมดีใจอะไรขนาดนั้นครับ” เสียงทุ้มลึกจากข้างหลังทำให้ปอไหมสะดุ้ง
“พรุ่งนี้คุณปอไหมจะมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเราค่ะพี่ชาย” เมญ่าตอบ
“ดีเลย ผมจะได้มีโอกาสรู้จักศิลปินและผลงานชิ้นเอกในคืนนี้ด้วย” สายฟ้าก้าวเข้ามาใกล้และยืนข้างปอไหมอย่างสบาย ๆ หากเธอไม่รู้จักเขามาก่อนหน้านี้ คงคิดว่าเขาเป็นกันเองกับเธอไปแล้ว กลิ่นโคโลญจน์ราคาแพงจากตัวเขาทำให้เธอรู้สึกมึนเมา อัตราการเต้นของหัวใจแรงมากขึ้น ทว่าต้องอดทนรักษาความสงบต่อหน้าครอบครัวเขาไว้ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว ทว่าเขายังคงส่งผลกระทบต่อเธอเหมือนเดิม เธอจึงถอยหลังห่างออกไป แต่ต้องเบิกตากว้างเมื่อเขาขยับตามมาด้วย
“คุณโอเคหรือเปล่าไหม” เขากระซิบ
“ฉันไม่เป็นไรค่ะคุณสายฟ้า” เธอตอบ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ทันเธอ
“กลัวที่จะอยู่ใกล้ผมเหรอคะเบบี๋” เขาหัวเราะเบา ๆ
“เปล่าค่ะ” ปอไหมตอบเสียงลอดไรฟัน
“ผู้ชายที่มากับคุณไม่ใช่แฟนคุณใช่ไหม ผมเห็นเขามองผู้ชายคนอื่นตาเป็นมัน” สายฟ้าพูดอย่างตลกขบขัน ปอไหมมองหน้าเขาทันที “เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงใช่หรือเปล่า”
“ฉันเหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้านค่ะเซบ” ทันใดนั้นเสียงหวานของทับทิมขัดจังหวะทุกคน เมญ่ารีบชิงพูดแทน
“ให้คนขับรถไปส่งที่บ้านได้เลยค่ะ”
ปอไหมขยับห่างออกไปจากสายฟ้าอีก และเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สายฟ้าจึงหันมาหาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาบดกรามแน่น คล้ายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเสียงของทับทิมดังขึ้นมาก่อน
“ไปส่งทับทิมหน่อยได้ไหมคะเซบ”
สิ้นประโยคนั้น ปอไหมชิงขอตัวก่อน เธอโค้งคำนับและยิ้มอย่างสุภาพให้ทุกคนบนโต๊ะก่อนหันหลังกลับไป หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้ห่างจากครอบครัวศศิวัตรเกียรติกุลให้มากที่สุด ด้วยไม่อยากฟังว่าสายฟ้าจะตอบทับทิมว่าอย่างไร คืนนี้เธอแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบเพียงลำพังเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม