“เอาจริง ๆ เสี้ยวมันก็น่าสงสารออกนะ ทั้งพ่อแม่ทั้งลุงมัน ตอนนี้ก็ป้ามัน ตายจากมันไปหมดแล้ว มันเหลือตัวคนเดียวแบบนี้มึงยังจะใจไม้ไส้ระกำอะไรกับมันอีก” ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานเท่าไหร่ กระทั่งเสียงที่มีความคลับคล้ายคลับคลาดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล... ฉันค่อย ๆ ปรือตาซึ่งหนักอึ้งอย่างประหลาดขึ้นช้า ๆ ระหว่างนั้นการโต้ตอบของบุคคลปริศนาจำนวนสองคนก็ดำเนินต่อไป “กูไม่ได้ใจร้าย แต่ป้ามันทำให้กูเสียทุกอย่าง เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันก็คงระยำพอกันนั่นแหละ” “เด็กมันจะรู้อะไรวะ มึงนี่ไม่แยกแยะเอาซะเลย” “...” “หน้าที่ของพวกเราคือต้องดูใจมันหรือเปล่า ตอนนี้มันเหลือใครบ้างในชีวิต แฟนเฟินอะไรก็ไม่มี สภาพจิตใจพัง ร่างกายก็โคตรเยิน ยังจะเอาแต่พูดจาแย่ ๆ ใส่ไม่เลิก อย่าเอาแต่โทษอีดุจดาวกับปานตะวันเลย มึงก็คงไม่ได้ต่างกับพวกมันหรอกมั้ง” จนถึงตอนนี้ แม้สติสตังยังกลับคืนมาไม่ครบถ้วนแต่ก็พอเดาได้ว่าบทสนทนานี้เป็นข