ค่ำคืนที่ท้องฟ้าถูกเมฆหมอกหนาครึ้มอำพรางความสดใส จนมองไม่เห็นแม้ดาวสักดวง ช่างเหมือนความรักของเธอเสียเหลือเกิน
รัก... แม้จะมองไม่เห็นว่ามันมีอยู่จริง
รัก... แม้รู้ว่าเป็นเพียงรักข้างเดียว
รัก... ที่ยอมให้เขาได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตและศักดิ์ศรี
แต่สิ่งที่เหลืออยู่วันนี้ กลับเป็นเพียงน้ำตาเท่านั้น น้ำตาที่ไหลออกมาเอง แล้วเธอก็ต้องเป็นคนเช็ดมันเอง...
ลมที่พัดพาความเหน็บหนาวเย็นเยียบเข้ามาทางประตูข้างระเบียง เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวที่ยืนเหม่อมองออกไปไกล เริ่มห่อตัวและกระชับชุดคลุมให้แน่นขึ้น ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ฝนมักตกลงมาให้เห็นอยู่เกือบจะทุกวัน บางวันตกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี บางวันก็ตกตั้งแต่ช่วงบ่ายยันเย็น หรือบางทีฟ้าสว่างทั้งวัน แต่ฝนเจ้ากรรมดันมาเทเอาช่วงดึกๆ อย่างเช่นคืนนี้ก็เห็นทีจะหนีไม่พ้นเป็นแน่
อุรัตน์นรินทร์หันหลังกลับไปมองสิ่งที่อยู่รอบตัวอีกครั้ง ตลอดค่ำคืนเธอทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ เหมือนอยากจะเก็บภาพนี้ไว้ให้นานที่สุด พลันสายตานั้นก็ไปสิ้นสุดลงที่เตียงนอนกลางห้อง ตรงที่มีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนนอนหลับอยู่... ตั้งแต่เธอพูดเรื่องหย่าจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ให้คำตอบที่มันกระจ่างอะไรสักอย่าง
พอมาถึงปราปต์ก็ตรงขึ้นห้อนนอน จัดการธุระส่วนตัวอย่างไม่พิรี้พิไรรอตื๊อให้เธอเข้าไปอาบน้ำให้เหมือนทุกที... แน่ละสิ เมื่อเย็นเขารังแกเธอจนอิ่มหนำสำราญใจไปแล้ว แถมเธอยังหน้ามืดออกฤทธิ์ออกเดชกับเขาไปตั้งมาก จากที่ไม่เคยคิดพิศวาสกันอยู่แล้วตอนนี้ปราปต์คงทั้งรังเกียจ ทั้งรำคาญจนแทบไม่อยากจะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนอุรัตน์นรินทร์เคยคิดว่า ไม่ว่าปราปต์จะทำกับเธอยังไง เธอก็ทนได้ ขอแค่ได้อยู่กับเขาก็พอ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอกลับไม่เข้มแข็งพอ...
เธอคิดทบทวนเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แต่ที่ยังยื้อเวลาต่อไปก็เพราะเหตุผลหลายอย่าง แต่พอวันนี้ สิ่งที่เธอได้เห็นตอนอยู่ที่บ้านใหญ่มันทำให้เธอตัดสินใจได้เด็ดขาด ปราปต์เคยเป็นที่รักของทุกคน ไม่ว่าเขาจะขี้โมโห หรือเอาแต่ใจไปบ้าง แต่เขาก็รักครอบครัว ไม่เคยก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ปราปต์ไม่พอใจอะไร เขาก็ออกจะนิ่งๆ ซะด้วยซ้ำ แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้ ว่าเขาไม่ได้เต็มใจอยากได้เธอมาเป็นภรรยา และจนถึงวันนี้ปราปต์ก็ไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด
หญิงสาวเดินเข้าไปล้มตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนยังฝั่งของตน พยายามจะจับจ้องสามีผู้เป็นที่รักให้นานที่สุด ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขายังไม่ได้หลับ เพราะคิ้วเข้มๆ ของคนตัวโต มันยังขมวดมุ่นเข้าหากันอยู่เลย บางทีบุคลิกบางอย่างของปราปต์ก็น่าขันไม่น้อย ถึงตอนนี้เธอจะหัวเราะไม่ออกก็ตาม
ร่างบางแนบใบหน้าลงกับหมอน พร้อมขยับตัวเข้าหาความอบอุ่นจากสามี ใช้แขนข้างหนึ่งโอบร่างคนที่แกล้งหลับก่อนหน้านี้ให้แน่นขึ้น เธออยากกอดเขา... ความจริงคืออยากให้เขากอดเธอบ้างมากกว่า สักครั้งก็ยังดี
แต่แค่นี้ก็ดีเกินไปแล้วสำหรับคนที่เขารังเกียจอย่างเธอ แค่เขายอมให้เธอกอดโดยไม่ได้ผลักออก หรือด่าว่าให้เธอได้อายว่าหน้าด้านหน้าทน
ร่างกายของปราปต์ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอ ถึงจะบอกไม่ได้ก็ตามว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ทั้งที่เขาเองก็ไม่เต็มใจที่จะปกป้องหรือดูแลเธอสักนิด แต่สำหรับอุรัตน์นรินทร์แล้ว ปราปต์คือทุกสิ่งทุกอย่างอย่างในชีวิตที่เธอเหลืออยู่ และกำลังจะสูญเสียมันไป...
“อินรู้ว่าพี่ยังไม่หลับ”
“รู้แล้วก็ปล่อย ผมอึดอัด” เขาแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงแล้วมันก็ให้ความรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย ที่อยู่ๆ อุรัตน์นรินทร์กลับมากอดเขาหน้าตาเฉย สงสัยคงจะลืมเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำไปแล้ว
“ขออินกอดพี่จนกว่าจะหลับนะคะ ขอแค่คืนนี้ แค่ครั้งนี้เท่านั้น ก่อนที่...”
“ก่อนที่อะไร ?”
ปราปต์ถามเสียงดุ ทีแรกนึกว่าหญิงสาวจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว ที่ไหนได้ถึงตอนนี้เธอก็ยังคงพูดจาทำนองว่าจะไปจากเขาอยู่ดี จริงๆ แล้วเขาต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายขอเลิกกับเธอก่อน เพราะฉะนั้นการที่หญิงสาวทำแบบนี้มันคือการหักหน้ากันชัดๆ
“พี่ปราปต์คะ ทุกวันที่อินอยู่กับพี่ ไม่เคยมีวันไหนเลยที่อินจะไม่มีความสุข แต่ก็แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่อินไม่เสียน้ำตา”
เธอไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่เลือกที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกมา เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้วที่เธอจะต้องปิดบังมันเอาไว้
“โกรธผมหรือไง ทุกทีก็ไม่เห็นว่าคุณจะเป็นอะไร ทำไมคราวนี้ถึงทำตัวมีปัญหานัก”
ยังไงปราปต์ก็ยังคงเป็นปราปต์อยู่วันยังค่ำ เขาปลอบใจหรือพูดหวานๆ อย่างใครไม่เป็น แต่ตอนนี้เธอปลงเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะยังไงเธอก็รักเขาอยู่ดี
... และไม่ว่าจะยังไง เธอก็ตัดสินใจแล้ว ที่จะไปจากปราปต์อยู่ดี...
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าจะมีก็แค่น้อยใจบ้างเท่านั้น ถ้าการที่อินแต่งงานกับพี่ แล้วทำให้พี่มองว่าอินเป็นผู้หญิงใจง่าย เอาตัวเองมาใส่พานให้ผู้ชายถึงที่ อินยังไม่รู้สึกอะไร เท่ากับการที่เราอยู่ด้วยกันมาเกือบปี อินทำทุกอย่างให้พี่ด้วยความรัก แต่พี่ไม่เคยมีแม้แต่ความเวทนาสงสารให้อินเลย...”
อุรัตน์นรินทร์หยุดกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังจุกแน่นอยู่ในอก ก่อนจะพูดต่อ
“บางทีมันก็คงถึงเวลาแล้ว ที่อินจะต้องยอมรับความจริง...”
ผู้หญิงเนี่ยนะ ปากบอกไม่โกรธ แล้วไอ้ที่พูดฉอดๆ ออกมาทั้งหมดนี่ล่ะ จะให้เขาเรียกมันว่าอะไร
“เพราะผมไม่รักคุณ คุณเลยอยากหย่างั้นสิ”
เจ้าของร่างสูงไล้มือเล่นบนแขนที่โอบพาดตัวเองอยู่พร้อมกับประชดเสียงสูง ร่างกายเขามันก็บ้า อยู่ใกล้เมียตัวเองทีไรควบคุมไม่เคยได้สักที ยายตัวดีจะรู้บ้างมั้ยว่าเสียงเศร้าๆ กับหน้าอมทุกข์ของเจ้าหล่อนกำลังจะทำให้เขาตบะแตก และอยากจับเธอกดลงกับเตียงและทำอะไรๆ อย่างที่ใจต้องการอยากจะทำ
แต่คำว่าไม่รักของคนที่ตัวเองกกกอดอยู่เรียกมวลความอ่อนแอมารวมตัวกันในดวงตาและหัวใจของอุรัตน์นรินทร์ ได้ยินแบบนี้ก็ดี เพราะมันยิ่งทำให้เธอตัดใจได้ง่ายขึ้น
“พี่ปราปต์ไม่เคยนึกรักอินสักครั้งเลยหรือคะ...”
“อันที่จริงผมก็รักคุณอยู่แทบทุกคืนนะอุรัตน์นรินทร์”
คำตอบของสามีทำให้เธอหน้าชา ‘รัก’ ของปราปต์กับ ‘รัก’ ของเธอมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
เมื่อเห็นภรรยาเงียบไปนานปราปต์จึงเชยคางหญิงสาวขึ้นมา มองเลยจมูกโด่งรั้นไปที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มแต่อิ่มวาวน่าจูบ เขารู้ดีเชียวละว่าเจ้ากลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อนี้ หวานฉ่ำราวผลเชอรี่สุกก็ไม่ปาน
“ทำไม ผมตอบไม่ถูกใจคุณหรือไง”
“เปล่าค่ะ” อุรัตน์นรินทร์ส่ายศีรษะเบาๆ แล้วเขยิบเข้าซุกซบอกกว้าง “แล้ว... พี่ปราปต์เคยรักใครมั้ยคะ”
“เคยสิ ก่อนเราจะแต่งงานกัน ผมรักผู้หญิงอยู่คนนึง รักมากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ”
ปราปต์แทบไม่ชั่งใจก่อนว่าจะตอบดีหรือไม่ อุรัตน์นรินทร์รู้ไว้ก็ดี จะได้เข้าใจว่าเธอทำให้ชีวิตเขาผกผันแค่ไหน และทำไมเขาต้องใจร้ายกับเธอมาตลอด
แม้จะเจ็บจุกกับคำตอบเรียบเรื่อยของชายหนุ่ม แต่อุรัตน์นรินทร์ก็ยังอยากรู้ อยากถามในสิ่งที่ไม่เคยกล้ามาก่อน
“แล้วเธอทำยังไงคะที่รู้ว่าพี่ต้องมาแต่งงานกับอิน”
“ก็ไม่ทำยังไง ตอนนี้เธอไปเรียนต่อรอผมจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน เธอถึงจะกลับมา”
จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย... ของปราปต์คงหมายถึงเลิกกับเธอ