บทที่ 6

1601 Words
ปราปต์ชะงักไปเมื่อได้ยิน แต่เพียงชั่ววินาทีก็คลายความรุนแรงที่ข้อมือเล็กลง พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันขบขัน “เอะอะก็บีบน้ำตา คิดว่าใช้วิธีนี้แล้วผมจะไม่กล้ากดคุณลงทำอะไรต่อมิอะไรในนี้หรือไง ไอ้ที่ว่าคุณไร้ประโยชน์เห็นทีต้องถอนคำพูดสักวัน อุตส่าห์เอาของจืดๆ ชืดๆ มาเสิร์ฟให้ถึงที่ทำงาน ผมก็จะรับๆ ไว้แก้ขัดก่อนก็แล้วกัน” “อะ... เอาเลยค่ะ พี่ปราปต์อยากทำอะไรกับร่างกายอินก็เชิญตามสบายเลย” เสียงหวานที่สั่นจากการร้องไห้ไปหมาดๆ บอกออกไปอย่างไร้วี่แววประชดประชัน ระหว่างที่กลั้นหายใจรอรับสัมผัสจากสามีที่ค่อยๆ ก้มหน้าเข้ามาแนบกลางหว่างอก ใบหน้าสวยซีดก็หันหนีไปอีกทาง อุรัตน์นรินทร์คิดอย่างสลดหดหู่ใจ ว่าเธออาจทำผิดที่ยอมแต่งงานกับปราปต์ ยอมเขาไปทุกสิ่งจนรักผู้ชายคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาร้ายกับเธอเพราะเกลียดชังเธอมาก แต่เธอทำดีกับเขาก็เพราะรักเขามากเช่นกัน “ลงจากรถเข้าไปในป่ากันดีมั้ย ที่กว้างๆ ได้อารมณ์ดี” “ยะ... อย่าค่ะ” อุรัตน์นรินทร์ร้องห้ามขึ้นมาด้วยความกลัวและตกใจ “กล้าขัดใจผมเหรออุรัตน์นรินทร์” ใบหน้าสวยซีดเผือด ไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ แต่พอเห็นคนใจร้อนเดินลงจากรถพร้อมปิดประตูดังปังไปแล้ว เธอก็เลยต้องยอมตามเขาลงไป มือข้างหนึ่งดึงสาบเสื้อของตัวเองเข้าชิดติดกัน ขาที่ก้าวเดินลงมาสั่นพั่บๆ ทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่น เห็นหลังเขาไวๆ ก้าวลึกเข้าไปที่ชายป่าลับตาคนน้ำตาก็ยิ่งไหลซึมออกมา “คุณไปยืนหลังต้นไม้นั่นนะ” เสียงเข้มร้องสั่งพร้อมชี้นิ้วไปที่หมาย ส่วนตัวเองกลับหลังหันปลดเข็มขัดกางเกงอย่างรีบร้อน ไม่นานเกินรอร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาประชิดตัวเธอ ระดมทั้งปากทั้งจมูกซุกไซ้มาที่ซอกคอ เนินอก โดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ มีอารมณ์พิศวาสร่วมกับเขาบ้างหรือไม่ “วันหลังจะมาหาผมใส่กระโปรงมาดีกว่านะคุณ ถลกง่ายดี” ปราปต์กำลังไม่สบอารมณ์ที่พยายามปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเล็กที่สมัยนี้มันมีตั้งสี่ห้าเม็ดกว่าจะสุด แถมกางเกงเจ้ากรรมยังแน่นลีบไปตามเรียวขาเล็กเรียวจนถอดยากถอดเย็น ไม่ทันใจเขาเอาซะเลย “อะ... อินถอดเองดีกว่าค่ะ” เมื่อแรงดึงรั้งเนื้อผ้าที่ทั้งแข็งทั้งหยาบแบบไม่เบามือของสามี ทำให้เธอเริ่มเจ็บแสบบริเวณต้นขา อุรัตน์นรินทร์จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายขอปลดเปลื้องมันเอง คนที่เขาไม่ได้รักอย่างเธอ จะไปหวังให้เขาทะนุถนอมได้ยังไงกัน... “อืม เอาสิ” ปราปต์หายใจแรงเหมือนไม่อยากจะรอช้าสักวินาที “ผมคงต้องถอนคำพูดที่ว่าคุณมันไร้ประโยชน์ เพราะอย่างน้อยๆ ผู้หญิงอย่างคุณก็ยังช่วยผ่อนแรงผมด้วยการถอดกางเกงตัวเอง ให้ผัวอย่างผมเอาได้สบายๆ” อุรัตน์นรินทร์กัดริมฝีปากจนห้อเลือดเมื่อได้ฟังวาจาแสนเผ็ดร้อนนั่น ร่างเล็กที่หมดแรงจริงๆ รูดหลังลงครูดกับเปลือกต้นไม้อยากจะปล่อยตัวล้มลงแล้วหลับตาไม่รับรู้อะไรอีก แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิดเมื่อปราปต์เห็นว่าเธอถอดกางเกงลงจนถึงเข่าเขาก็เข้ามาแนบชิดแทบจะทันที ปราปต์ลูบไล้ส่วนสงวนร้อนฉ่าด้วยมือ และส่งลำนิ้วใหญ่ผลุบหายเข้าไปอย่างคุ้นเคย “อ๊ะ...” จังหวะสอดแทรกบางอย่างเข้ามาอย่างดุดัน รวดเร็ว ทำให้เจ้าของร่างบอบบางเผลอปล่อยเสียงร้องออกมา อุรัตน์นรินทร์กัดเม้มริมฝีปากจนแน่นเมื่อความอึดอัดคับแน่นจากนิ้วเพียงหนึ่ง เพิ่มเป็นสองอย่างรวดเร็ว “แห้งจริง โดนผัวทำขนาดนี้ไม่มีอารมณ์บ้างเลยหรือไงฮึ” ปราปต์เอ่ยปากเหมือนหยอกล้อ แต่ข้างในกำลังร้อนระอุด้วยความตื่นเต้นพึงใจทุกครั้งที่ได้สัมผัสแม่แน่งน้อยคนนี้ “พะ... พี่ปราปต์” หญิงสาวร้องเสียงระโหย เมื่อไม่คิดว่าจะเห็นเขาทำวิธีการที่หื่นกระหายอย่างการยัดนิ้วตัวเองเข้าปากแล้วดูดมันเหมือนเอร็ดอร่อยนักหนา พอลำนิ้วชโลมไปด้วยน้ำลายจนชุ่มเขาถึงได้หยุด “อื้อ...” ปราปต์ยิ้มพอใจที่เห็นท่าทีซู้ดปาก หน้าแดงก่ำ พร้อมมือเล็กที่จิกนิ้วทั้งสิบลงมาบนแขนของตน เมื่อเขานำพาลำนิ้วคว้านลึกเข้าไปในพื้นที่แห้งผาก “คงจะเสียวมากสินะ นี่ละที่ผมบอกว่าคุณมีประโยชน์ ไม่ว่าจะทำยังไงกับคุณ ร่างกายคุณมันก็ส่ายระริกหาผมทุกครั้ง แต่หัดไว้เยอะๆ ก็ดี เก่งมากๆ ผัวคนถัดไปของคุณเขาจะได้ไม่เบื่อ ที่คุณมันทั้งจืดทั้งชืด” “พอแล้ว...” คนที่ตัวกำลังสั่นเทาเปล่งเสียงแสนเบาออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังบอกให้เขาหยุดการกระทำแสนป่าเถื่อนที่กำลังล่วงล้ำเธออยู่ หรือบอกให้เขาหยุดพูดจาดูถูกเธอเสียทีกันแน่ “เอ้า เครื่องร้อนแล้วเหรอ” แต่ปราปต์กลับเข้าใจไปอีกอย่าง... หรือไม่แน่เขาก็แค่แกล้งเธอเท่านั้น ปราปต์บดอัดสะโพกสอบเข้าไปแนบชิด จนก้นขาวๆ กระแทกกับเปลือกต้นไม้ให้ได้ยินเสียงกรุบกรับ กร็อบแกร็บ “หากใครมาทำอย่างที่พี่ทำกับอินอยู่ตอนนี้ พี่ปราปต์จะไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวเปล่งเสียงแหบแห้งสั่นระโหยถามสามีออกไป ตอนนี้ร่างกายแทบไม่มีความรู้สึกร้อนรุ่มร่วมไปกับเขาอีกแล้ว ปราปต์กระตุกไปเหมือนกันกับคำถามนี้ ตลอดมาเขาไล่เธอทุกวัน บอกให้เธอไปมีคนอื่น แต่ไม่เคยลองคิดจริงๆ สักทีว่าอุรัตน์นรินทร์จะกล้าทำอย่างนั้น... ก็เธอพร่ำบอกรักเขาอยู่ทุกครั้งที่มีอะไรกัน แล้วผู้หญิงแบบนี้น่ะหรือที่จะตัดใจไปมีสามีใหม่ง่ายๆ “รู้สึกสิ” ดวงตาฉ่ำปรือกับหัวใจที่แห้งแล้ง เริ่มเบ่งบานรับความหวัง “ผมคงจะรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกเลยละ” น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงกระทบแก้มอิ่ม แทบจะพร้อมๆ กับประโยคทำร้ายจิตใจนั้นจบลง ปราปต์ไม่อยากสนใจใบหน้านวลหมองเศร้าเจ็บปวดนัก จึงหันมาใช้สองมือหยาบหนาสอดเข้าหว่างกลางช่องเรียวขาเนียนละเอียดนุ่มมือ แล้วแยกมันออก ก่อนจะดันตัวเองเข้าไปแนบชิดสนิทด้วย “อื้ม... กว้างอีกนิด” ความเสียดเสียวแล่นไปทั้งตัวจนปราปต์ต้องร้องครางออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมียเขาตัวเล็กมาก หรือของเขามันใหญ่โตเกินไปกันแน่ ที่ทำให้การสอดแทรกเข้าไปเชื่อมประสานเป็นหนึ่งเดียวกันช่างยากเย็นเหลือเกิน เมื่อสุดจะกลั้นทั้งความเสียใจ และความเจ็บปวดทางร่างกายเพราะไม่มีอารมณ์ร่วม ทำให้เจ้าของร่างเปลือยท่อนล่างร้องไห้ออกมาอย่างหมดท่า แต่การร้องแบบไม่เปล่งเสียง เม้มริมฝีปากตัวเองและกัดมันไว้จนเลือดซิบ ทำให้ยิ่งทรมานเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี... “หะ... หากอินไม่รักพี่ก็คงจะดี” โค้งสุดท้ายของการบดอัดสะโพกสอบเข้ามาถี่ยิบรุนแรง ปราปต์ได้ยินเสียงกระท่อนกระแท่นเป็นคำพูดอะไรบางอย่าง แล้วหลังจากนั้นอุรัตน์นรินทร์ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอเขาไว้ ก่อนจะแนบใบหน้าลงมาที่บ่าแข็งแรง ปราปต์กอดกระชับร่างเมียสาวไว้ แล้วเร่งพาตัวเองไปจนถึงฝั่งฝันรู้สึกแปลกๆ ที่อุรัตน์นรินทร์ไม่เกร็งตัวสะท้านเหมือนทุกที พอคลายอ้อมกอดออกถึงได้เห็นร่างบอบบางร่วงผล็อยลงมาจนเขารับไว้แทบไม่ทัน “อิน... อิน” เขาตบเบาๆ ไปบนใบหน้าซีดเซียวที่มีน้ำตาติดชุ่มเกาะแพขนตางอนยาว แต่เจ้าหล่อนก็ยังไม่รู้สึกตัว ปราปต์เลยรีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองและเธอให้เรียบร้อยก่อนจะอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกที่มีอุณหภูมิอุ่นจัดกลับมาที่รถ ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที อุรัตน์นรินทร์ถึงเริ่มขยับตัว แต่พอได้สติคุณเธอก็ดีดตัวผึงตั้งตรงจนเขาเผลอตกใจ “ทะ... ทำไมเรายังอยู่ที่นี่กันอีกคะ” แม้จะมึนศีรษะไปหมด เนื้อตัวเจ็บระบม ปวดเมื่อย แต่หญิงสาวก็รีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูจนพบว่ามันเลยเวลาที่ควรจะถึงบ้านใหญ่มาหลายนาทีแล้ว “แล้วจะให้ไปทั้งที่สภาพคุณเป็นแบบนี้เหรอ เฮอะ ! ชาวบ้านเขาคงคิดว่าไปถูกชำเราที่ไหนมา” พอเขาว่าจบก็เห็นอุรัตน์นรินทร์ก้มหน้างุด “โดนผัวเอาแค่ไม่กี่นาทีก็เป็นลมล้มพับซะแล้ว ถามจริงเถอะ ตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่ให้ถูกแดดถูกลมบ้างหรือไง ถึงได้อ่อนแอสิ้นดี” ใบหน้ากลมเกลี้ยงค่อยๆ ช้อนขึ้นแล้วหันไปมองอีกคนอย่างตัดพ้อ ไม่ว่าเรื่องใดเธอก็ผิด ไม่สบายจนเป็นลมไปก็ผิด ถูกเขาทำรักรุนแรงเกินรับไหวก็ผิด ในโลกนี้คงไม่มีอะไรที่ปราปต์จะไม่โยนให้เป็นความผิดบาปของเธออีกแล้วกระมัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD