Stay Hug ที่พบรัก 12

1094 Words
Stay Hug ที่พบรัก 12 “สวัสดีค่ะพี่ปริม พี่คุณ เรารู้จักกันอยู่แล้วเนอะ แล้วก็นี่ คนนี้ ๆ ชื่ออิงดาวค่ะ” แนนนี่ทำหน้าที่แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน ธิชาแอบบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว ฉันจึงหันไปมองเพื่อนขำ ๆ แล้วส่งยิ้มให้พี่ปริมพลางส่งเสียงแนะนำตัวกลับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ “สวัสดีค่ะพี่ปริม หนูอิงดาวค่ะ” “ครับ ก็ว่าหน้าคุ้น ๆ เราใช่น้องไอ้อชิไหม?” เขาถามกลับด้วยความข้องใจ ฉันจึงพยักหน้าตอบรับ “ใช่ค่ะ แล้ว...พี่รู้จักพี่อชิด้วยเหรอคะ?” “โอ๊ยน้อง ต้องรู้จักสิ มันก็เพื่อนพี่สมัยเรียนม.ปลายนี่แหละ จริง ๆ ตอนเข้ามหา’ลัยก็เรียนที่เดียวกันนะ แต่คนละคณะ ไอ้คุณด้วย รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” พี่ปริมเล่าอย่างสนุก ฉันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะปล่อยให้แนนนี่ชวนพี่เขาคุยกันไปก่อน แล้วกลับมาตั้งใจเลือกเมนูอาหารที่อยากลองกิน “สั่งรวมมาเลยก็ได้” คนที่นั่งข้างฉันเอ่ยบอกเสียงเบาหลังจากที่นั่งมองกันมาสักพัก ฉันเลื่อนรายการอาหารให้เขาช้า ๆ ก่อนจะบอกให้เขาเลือกเมนูที่อยากกินมาแล้วจะเขียนให้เอง เลือกเสร็จก็เอ่ยเรียกพนักงานเข้ามารับออเดอร์ ระหว่างนี้ก็นั่งฟังทุกคนคุยกันไปเรื่อย แต่หลัก ๆ จะเป็นธิชาที่ดุพี่ปริมเมื่อโดนแกล้งกวนประสาทจนทำให้หงุดหงิด “แล้วนี่เด็ก ๆ ทำอะไรกันอยู่นะ?” และยังคงเป็นพี่ปริมที่ชวนคุย “แนนดูร้านคาเฟ่คาใจค่ะ ธิชาอยู่ร้านขายส่งของครอบครัว ส่วนอิงดูแลสเตย์ฮักค่ะ” แนนนี่ตอบฉันพยักหน้ายืนยัน ส่วนธิชาบ่นงุบงิบเสียงเบาเรียกรอยยิ้มจากพี่ปริมได้อย่างดีเลยแหละ “รู้แล้วยังจะถาม” “เด็ก พูดดี ๆ” พี่ปริมเตือนเสียงนุ่มนวล แต่ยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าอยู่ดังเดิม “กินข้าวเสร็จจะไปไหนกันต่อไหม?” “แนนมีไปรับของในเมืองค่ะ ส่วนธิชาแกจะไปไหนนะ?” แนนนี่หันกลับไปมองธิชา “จะเข้าไปสั่งของในเมืองเหมือนกัน” ธิชาตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “แล้วเราจะไปไหนต่อ?” ครั้งนี้เป็นคุณแทนคุณที่เอ่ยถามฉัน “กลับโรงแรมค่ะ คุณล่ะ” ฉันถามกลับ “มีคุยกับร้านปุ๋ยต่อน่ะ” “ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” เสียงพนักงานของร้านเอ่ยแทรกขึ้นมา เราจึงไม่ได้พูดคุยกันต่อ แต่ในระหว่างที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน ก็มีบ้างที่จะคุยและถามไถ่กันไปพลาง ๆ คนที่นั่งข้างฉันคอยตักอาหารมาใส่จานให้บ้างในบางครั้ง ส่วนพี่ปริมรายนั้นถึงแม้จะชอบแกล้งธิชา แต่ก็ยังตักอาหารใส่จานให้อยู่ตลอด ทั้งยังเน้นตักเมนูที่เพื่อนฉันชอบด้วย จนฉันและแนนนี่ที่สังเกตเพื่อนตัวเล็กกับพี่ปริมมาตั้งแต่ต้น ได้แต่ลอบมองกันด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ทำหน้าไม่ไว้วางใจอีกแล้ว” ธิชาหันมามองหน้าแนนนี่สลับกับมองหน้าฉันอย่างจับผิด “คิดมาก กินข้าวจะได้รีบกลับ” ฉันบอกเพื่อนมือก็ยื่นไปตักอาหารมาใส่จานตัวเอง เราใช้เวลากินข้าวด้วยกันสักพักใหญ่ก็เช็กบิลแต่กลายเป็นว่าพี่ปริมและคุณแทนคุณเป็นคนเลี้ยงในมื้อนี้ และไม่ยอมให้เราสามคนได้ออกค่าข้าวเลยสักบาทเดียว แถมยังไม่ทันจะได้โต้แย้ง สองสาวก็ต้องรีบเดินทางเข้าตัวจังหวัด รวมถึงพี่ปริมกับคุณแทนคุณด้วยที่ต้องไปทำธุระต่อ ออกจากร้านอาหารก็แวะซื้อขนมไปฝากพี่ ๆ ที่โรงแรมก่อนจะขับรถกลับด้วยเส้นทางที่คุ้นเคย ความเงียบสงบที่ได้รับขณะขับรถ ทำให้ฉันอารมณ์นิ่งขึ้นเมื่อไม่ต้องเจอรถติด เส้นทางที่ใช้ขับกลับโรงแรมนั้นดูโล่งอยู่ไม่น้อยเพราะนาน ๆ ครั้งถึงจะมีรถขับสวนกันมาสักคันหนึ่ง “หือ?” แต่จังหวะรถที่กระตุกแล้วดับไป ทำให้ฉันอุทานด้วยความตกใจ รีบหักหลบไปจอดรถที่ริมถนน พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินไว้ พอลองสตาร์ตอีกครั้งกลับไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงาน นั่นจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาพี่ชาย แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างกันเลยสักนิด เพราะติดต่อพี่ชายไม่ได้ และแม้จะเปลี่ยนไปโทร. หาพี่ ๆ ที่โรงแรมให้ออกมารับและช่วยดูรถ ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม “บ้าจริง ไม่มีสัญญาณเลยเหรอ เป็นไปได้ยังไง” บ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ ระหว่างนี้ก็ค่อย ๆ ลงจากรถเดินหาสัญญาณโทรศัพท์แต่ก็ไม่มีเลยสักขีด ฉันจะร้องไห้แล้วนะ “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” บ่นกับตัวเองอย่างงอแง มือก็พยายามกดส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ ที่โรงแรมแต่ข้อความเหล่านั้นกลับส่งไม่ไป ฉันเดินกลับเข้ามานั่งในรถ แล้วนั่งขบคิดหาวิธีไปเรื่อยนานเกือบยี่สิบนาทีก็ยังไม่มีรถผ่านมาสักคัน “เฮ้อ ใครก็ได้ ขับผ่านมาหน่อยได้ไหม ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ นะคะ” เอ่ยกับตัวเองด้วยความกลัว ฉันนั่งอยู่ในรถสักพักมือก็พยายามยื่นหาสัญญาณ พูดตามตรงคือฉันไม่กล้าลงจากรถ เพราะเหมือนถนนเส้นนี้จะเปลี่ยวอยู่ไม่น้อยทั้งที่ตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวัน และเหมือนฉันจะมีแต้มบุญอยู่เล็กน้อยเมื่อฉันเห็นรถคันหนึ่งขับมาในเส้นทางเดียวกันกับฉัน ด้วยความร้อนรนจึงกดบีบแตรเบา ๆ เป็นการส่งสัญญาณให้เจ้าของรถสนใจ ซึ่งก็ได้ผล รถคันนั้นเปิดไฟเลี้ยวและค่อย ๆ ชะลอความเร็วมาจอดต่อท้ายรถฉัน “อิง! เกิดอะไรขึ้น” เจ้าของรถคันดังกล่าวรีบลงจากรถอย่างรีบร้อน เขาตะโกนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพียงแค่เห็นรถฉันจอดอยู่ข้างทาง พอเห็นว่าเป็นใครชัด ๆ ฉันจึงรีบปลดล็อก แล้วเปิดประตูรถลงไปหาเขา ฉันดีใจจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อย่างน้อยคนตรงหน้าก็เป็นคนรู้จัก ปลอดภัยแล้วยัยอิง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD