Stay Hug ที่พบรัก 11
ฉันไม่ได้ตอบกลับข้อความนั้น และยังคงนั่งฟังการประชุมนี้ต่อไป สุดท้ายหลังจากที่ได้รับมาตรการโรงแรมมาฉันก็ต้องนำกลับไปทำความเข้าใจ เพื่อที่จะได้ปรับให้กิจการของครอบครัวอยู่ในกฎระเบียบ ส่วนเรื่องราคาห้องพักยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทุกอย่าง ถึงแม้เจ้าของที่พักอื่น ๆ จะมีการพูดต่อ ๆ กันว่าที่พักของฉันราคาสูงก็ตาม แต่หากเทียบเท่ากับการบริการและสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับแล้ว ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ามาก อีกอย่างที่ไม่กลัวใครจะว่าเอา และยังไม่ปรับราคาลง ก็เพราะราคายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานส่วนกลางยังไงล่ะ
แต่ก็เข้าใจได้อีกนั่นแหละ การทำธุรกิจแบบนี้มักจะมีคนไม่ชอบ และคนที่ไม่ชอบล้วนแต่เป็นคนที่ทำธุรกิจในรูปแบบเดียวกัน และนั่นจึงทำให้กลายเป็นคู่แข่งกันขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจยังไงล่ะ
“ทำหน้าเครียดจัง” หลังจากที่ประชุมเสร็จผู้คนก็ทยอยออกจากห้องประชุมฉันและเพื่อนทั้งสองคนก็เก็บของใส่กระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้องเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นทำหน้าแบบไหนอยู่กันแน่ เพื่อนถึงได้เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงแบบนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก”
“เรื่องนั้นเหรอ?” แนนนี่เอ่ยถามอย่างรู้ทัน
“ก็ใช่ แต่จัดการได้” เอ่ยบอกเพื่อนให้คลายกังวล
“เอาละ ค่อยคุยกันต่อ พิกัดร้านส่งให้ในกลุ่มแล้วนะ” ธิชาเอ่ยบอกระหว่างที่เราเดินออกจากห้องประชุม
“ได้ เจอกัน ใครถึงก่อนเลือกโต๊ะวิวสวย ๆ ด้วยนะ”
“โอเค เจอกันที่ร้าน” พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปยังจุดที่ตัวเองจอดรถไว้ซึ่งไกลนิดหน่อยจากตัวอาคารที่ใช้ประชุม เมื่อกลับมาถึงรถฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดเส้นทางไปยังร้านอาหารที่นัดแนะกันไว้ ระหว่างที่กำลังขับรถอยู่นั้นโทรศัพท์ที่เปิดแอปฯ นำทางอยู่ ก็มีสายเรียกเข้ามาจากคนเป็นพี่ชาย
“ค่ะพี่อชิ” ฉันกดเชื่อมระบบต่อสายคุยบนรถ
(ประชุมเป็นยังไงบ้าง) พี่ชายเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใย
“ก็คุยเรื่องทั่วไปเลยค่ะ”
(เจ้าของที่พักคนนั้นยังทำเหมือนเดิมไหม?)
“อื้อ ก็พูดเหมือนเดิมอะแหละ นี่รอบนี้ชงให้คนอื่นพูดเรื่องราคาที่พักเราด้วยนะพี่อชิ บอกว่าสูงเกินไปจนตัดหน้าที่พักอื่น งงปะ? แต่หนูก็แย้งกลับไปแล้วว่าราคายังอยู่ในมาตรฐาน อีกอย่างหนูตั้งราคาสูงแล้วจะไปตัดราคาที่พักของพวกเขาได้อย่างไร จริง ๆ แล้วโรงแรมเราอะไม่น่าใช่ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ด้วยถ้าเทียบกันเรื่องราคา ที่พักไหนราคาถูกคนก็สนใจเยอะเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เหมือนเขาจะสับสนอะเอาจริง” เมื่อได้คุยกับพี่ชายฉันก็เริ่มบ่นอย่างไม่เข้าใจ
เจ้าของที่พักอีกแห่งคนนั้นดูพร้อมที่จะโจมตีฉันอย่างเดียวเลย แต่เรื่องที่พักของฉันราคาสูงกว่าเจ้าตัวฉันก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นการตัดราคาพวกเขาอย่างไร ในเมื่อราคาก็ตั้งตามมาตรฐานและการบริการที่สมกับราคา หากลูกค้าต้องการที่พักราคาไม่สูง อย่างไรก็ต้องเลือกที่พักของพวกเขาอยู่แล้ว ฉันว่านะ บางทีเขาคงกำลังสับสนอยู่แน่ ๆ เลย
(เขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว แต่เอาจริง ที่พักของเขาที่อยู่อีกที่ ก็เหมือนกับที่พักของเราทุกกระเบียดนิ้วเลยนะ)
“ฮะ จริงเหรอคะ?”
(ใช่ แต่ก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเหมือนเดิม พี่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งหรอกนะว่าเกิดจากอะไร เอาเป็นว่าเริ่มต้นที่ตัวเราแล้วกัน ปรับปรุงพัฒนากิจการเราให้ดีก็พอ ลูกค้าจะได้ประทับใจแล้วกลับมาใช้บริการซ้ำ) พี่อชิเน้นย้ำสิ่งที่ทั้งพ่อและแม่พร่ำสอนเรามาตลอดไม่ว่าจะประกอบธุรกิจใดก็ตาม
“ค่ะพี่ หนูเข้าใจแล้ว อ้อ สิ้นเดือนนี้มีแผนงานเข้าไปเสนอนะคะ”
(ได้ครับ แล้วค่อยมาเจอกัน สีขาวมีน้ำมีนวลแล้วนะแม่เลี้ยงดี) ท้ายประโยคไม่ลืมรายงานเรื่องเจ้าสีขาว ที่เหมือนจะกลายเป็นลูกคนเล็กของบ้านฉันไปแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ น่ารักจังเลย เดี๋ยวว่างแล้วจะเข้าไปหานะคะพี่ชาย”
(ได้ครับ ไว้เจอกัน คิดถึงนะ)
“คิดถึงพี่เหมือนกัน เจอกันค่ะ”
ไม่คิดเลยว่าการที่ได้พูดคุยกับพี่ชายเพียงแค่ไม่กี่ประโยค จะทำให้ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเป็นกอง ปล่อยเรื่องเครียดไว้เพียงเท่านี้ เมื่อขับรถมาจนถึงร้านอาหารที่เพื่อนส่งพิกัดให้ ก็ขับรถเข้าไปจอดต่อท้ายรถคันหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน บรรยากาศด้านในเป็นไปอย่างครึกครื้น ลูกค้าแน่นร้าน ไม่ค่อยมีโต๊ะว่างให้เห็นสักเท่าไหร่ ทว่าไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด
ฉันชะเง้อคอมองจากทางเข้า ถึงเห็นว่าสองสาวกำลังนั่งอยู่ที่มุมด้านในสุดของร้านที่เปิดโล่งรับลมจากธรรมชาติ เป็นมุมที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำ
“ถึงนานแล้วเหรอ?” ฉันถามเพื่อนระหว่างที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“สักพักละ สั่งเครื่องดื่มไปแล้วส่วนอาหารยังเลือกกันไม่ได้ แกเลือกหน่อยสิ” ธิชาบอกพร้อมกับยื่นรายการอาหารมาให้ฉันได้เลือก
“เด็ก...โต๊ะเต็มอะ ขอนั่งด้วยได้ไหม” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังเลือกเมนูอาหาร
“ไม่” ได้ยินธิชาตอบกลับไปแบบนั้น จึงเงยหน้ามองเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พลันเหลือบสายตาไปมองร่างสูงอีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับโต๊ะที่เรานั่งอยู่ด้วยกัน
“เชิญนั่งค่ะ ไม่เป็นไร”
“แนนนี่!” ธิชาหันไปมองหน้าแนนนี่อย่างแง่งอนที่เชิญคนแปลกหน้ามาร่วมโต๊ะด้วย
“ก็โต๊ะเต็มอะ แบ่งกันนั่งไม่เห็นเป็นไรเลย ก็รู้จักกันหมดนี่นา นะ ๆ เป็นคนสวยต้องมีน้ำใจด้วยนะคะเพื่อน เชิญนั่งเลยค่ะ” แนนนี่บอกแบบนั้นทั้งยังส่งยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งสองคนอย่างใจดี
“อ้อ แนะนำตัวก่อนพี่ชื่อปริม ส่วนนี่เพื่อนพี่ ชื่อแทนคุณ เป็นเจ้าของสวนลำไยใกล้ ๆ กับร้านคาเฟ่คาใจน่ะ” ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ คุณแทนคุณเจ้าของสวนลำไยคนดีคนเดิมนั่นแหละ และเขาก็เลือกนั่งบนเก้าอี้ข้างฉัน ถัดออกไปถึงจะเป็นเพื่อนของเขาอย่างพี่ปริม