CHAPTER 3 : ฝันร้ายคงกลายเป็นดี

1615 Words
ระหว่างทางเทียร์รดานั่งเงียบแล้วปล่อยใจให้ว่างเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากคิดลบกับคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่าทีแปลกๆ ของคียติณณ์ทำให้เธอประหม่าไม่น้อยเลย “คุณประหม่าเหรอ” คียติณณ์ถามขึ้นเพื่อทำลายกำแพงความเงียบ เขาแทบไม่มีความประหม่าให้เธอเห็น ออกจะวางตัวเป็นกันเอง รวมถึงไม่มีคำพูดแทะโลมเหมือนผู้ชายคนอื่นที่เธอเคยเจอด้วยซ้ำ “ถ้าจะให้พูดตามตรงก็ใช่ค่ะ เพราะเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนี่คะ" "อ่า นี่คงเป็นครั้งแรกของคุณที่ได้เจอผมสินะครับ" คียติณณ์พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ เพราะคงมีแค่เขาที่สามารถสงบนิ่ง ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำพร้อมปล่อยใจไปกับเสียงเพลงที่คลอเบาๆ ระหว่างเดินทางไปด้วยได้ "ครั้งแรก.." เทียร์รดาย้ำคำพูดของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยบอกอีกฝ่ายไปตามความรู้สึก "ฉันประหม่าเวลาอยู่กับคนที่ไม่สนิทน่ะค่ะ” “ถ้างั้นเรามาสนิทกันดีมั้ยครับ” คียติณณ์ตอบกลับหวังว่าบทสนทนาจะลื่นไหล แต่ด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ มันเลยทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาซะยังงั้น “อะไรนะคะ” ใบหน้าสวยดูฉงน จะฉีกยิ้มก็ดูแห้งเกินกว่าที่จะเสแสร้งตามน้ำไปได้ “ผมหมายถึงทำความคุ้นเคยกันไว้ ยังไงในอนาคตบริษัทเราก็อยากดึงตัวคุณเทียร์มาร่วมงานเหมือนกัน” เขารีบแก้ต่างให้ตัวเอง พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย จนกลายเป็นว่าประหม่าเองเสียได้ “ถ้าเป็นเรื่องงานล่ะก็ ด้วยความยินดีเลยค่ะ” “อย่าเข้าใจผิดในทางที่ไม่ดีเลยนะครับ ผมแค่.. พูดตามความรู้สึก ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” “ฉันไม่เข้าใจคุณผิดหรอกค่ะ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย” ทั้งสองคนแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกเมื่อครู่นี้ ก่อนเทียร์รดาจะเบี่ยงใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมรอยยิ้มที่นึกเอ็นดูท่าทางเก้อเขินของชายหนุ่ม ตั้งแต่เริ่มมีชื่อเสียงเทียร์รดาก็ได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา สังคมที่สวมหน้ากากเข้าหากันเพื่อผลประโยชน์แต่ฉากหลังไร้ซึ่งคำว่ามิตรไมตรี เธอได้สัมผัสมันมาทั้งหมดแล้ว เข้าใจคำว่าวงการบันเทิงยิ่งกว่าอะไรดี.. เธอไม่สามารถไว้ใจใครได้เพราะอดีตที่เคยถูกหักหลังจากคนใกล้ตัว การแสดงออกที่ดูเย่อหยิ่งและเฉยเมยต่อทุกสิ่งของเธอ มันเลยทำให้ใครหลายคนปรามาสกันมากเลยทีเดียว “คุณอยากขึ้นไปรอที่ห้องฉันก่อนมั้ยคะ” เสียงคำถามจากเทียร์รดาเอ่ยขึ้น หลังรถหรูขับฝ่าพายุห่าฝนมาจนถึงคอนโดหรูของเธอ “อะไรนะครับ” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปสบสายตาเรียบนิ่งของหญิงสาวที่มองลอดผ่านไปยังด้านหลังเขา “กว่าฝนจะหยุดตกก็คงอีกนาน การที่คุณจะขับรถฝ่าฝนแบบนี้ออกไปมันอันตราย รอฝนซาหรือหยุดก่อนค่อยกลับก็ได้ค่ะ” เทียร์รดาว่าไปตามความจริง ระหว่างทางขับกลับมาที่คอนโด ฝนตกหนักจนแทบจะมองไฟท้ายของรถคันหน้าไม่เห็น การให้คียติณณ์ขับรถกลับไปทั้งที่สภาพอากาศย่ำแย่ขนาดนี้ คงดูใจร้ายสำหรับความหวังดีที่เขาหยิบยื่นให้ไม่น้อยเลย “กลัวเหรอคะ” เทียร์รดาเลิกคิ้วขึ้น พลางเม้มริมฝีปากกลั้นขำ หลังได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของอีกฝ่ายเมื่อครู่ “กลัว.. ผมน่ะเหรอครับที่กลัว” “ถ้าไม่มีอะไรให้กลัว ก็รับความหวังดีนี้ไว้เถอะค่ะ ฉันไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องตามไปรับคุณตอนขับรถอีก” สิ้นประโยคเชิงหยอกเย้า คียติณณ์ที่ได้ยินก็ถึงกับหน้าถอดสี ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ผมยินดีทำให้คุณชาตินี้ ชาติหน้าก็ให้เป็นเรื่องของชาติหน้านะครับ” เขาว่าพลางยิ้มบางๆ แต่กลับอบอุ่นจนบรรยากาศระหว่างทั้งคู่เริ่มดีขึ้นทีละนิด นิสัยที่แก้ไม่หายอีกอย่างของเทียร์รดาคงเป็นการพูดจาตรงไปตรงมา ในบางครั้งก็โผงผางจนใครได้ยินเข้าอาจจะระคายหูได้ แต่อย่างน้อยเธอคนนี้ก็ไม่มีพิษมีภัยกับใคร มีแค่ความโหดร้ายของโลกใบนี้เท่านั้น ที่ทำให้เด็กสาวที่เคยสดใสในวันวานเริ่มเลือนหายไปทีละนิด “ไม่ใช่ว่าผมกลัวคุณหรอก แต่ผมกลัวว่าคุณจะดูไม่ดีมากกว่า” “ทำไมคะ ได้ยินชื่อเสียฉันมาเยอะเลยสินะ” เทียร์รดาโบกมือคล้ายว่าอย่าใส่ใจ อีกทั้งยังยิ้มรับราวกับคำด่าทอมากมายที่เคยได้รับไม่มีผลต่อความรู้สึกเธอ การยืนอยู่บนจุดนี้มันทำให้เธอได้รับทั้งความรักและความเกลียดชัง.. ไม่มีใครสนใจว่าเธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคหรือดิ้นรนแค่ไหน พวกเขาสนเพียงแค่ข่าวฉาวที่นำไปพูดต่ออย่างสนุกปาก โดยที่ไม่สนด้วยซ้ำว่ามูลเหตุความจริงมีมากน้อยเพียงใด แต่ก็นั่นแหละ.. ดูเหมือนว่าเทียร์รดาจะทำใจให้ปลงเพราะเริ่มเอียนกับมันเต็มที “ผมเป็นห่วงคุณ ไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะตกเป็นข่าวลือหรอกนะครับ” “แล้วคิดว่าฉันสนใจข่าวลือที่ไม่ใช่เรื่องจริงเหรอคะ” คียติณณ์ไหวไหล่ “ผมเอาที่คุณสบายใจ ส่วนผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว” พอได้ยินคำตอบจากปากคียติณณ์ เทียร์รดาก็พยักหน้ารับหลังใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่ง พลางผายมือเชิญอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มที่มีนัยยะ “เชิญค่ะ ฉันจะชงชาร้อนๆ ให้ดื่มคลายหนาว” ทั้งสองคนเดินเข้าล็อบบี้คอนโดโดยไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างขึ้นลิฟต์ไปด้านบน คียติณณ์พยายามทิ้งห่างจากเธออย่างเป็นธรรมชาติ เพราะไม่อยากให้หญิงสาวถูกเข้าใจผิดเพราะตัวเขาเอง เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของเทียร์รดา มือเรียวบางก็แตะคีย์การ์ดเข้าห้อง พร้อมกับหันไปมองชายหนุ่มที่กวาดสายตาสังเกตการณ์รอบข้างไปเรื่อยเปื่อย “นั่งรอตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้ามาให้” “อ่า ครับ” คียติณณ์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เขาเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์บริเวณห้องครัว ที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและแสงไฟนวลอ่อนทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ล้วนเป็นสีโทนเดียวกัน ทุกอย่างถูกจัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อย จนเหมือนเป็นห้องตัวอย่างของคอนโดยังไงยังงั้น เมื่อคียติณณ์ขยับสายตามองจากตรงนี้ไปยังระเบียงกระจกของห้องนั่งเล่น เขาก็พบว่าฝนด้านนอกยังคงตกหนักจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้าด้านบน หนำซ้ำเจ้าของห้องยังทิ้งเขาให้นั่งคอยตรงนี้นานหลายนาที แต่ชายหนุ่มก็ยังนั่งนิ่งเชื่อฟังคำสั่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน กระทั่งนัยน์ตาคมคายขยับเห็นผ้าม่านปลิวไสวตามแรงลม ถึงได้รู้ว่าประตูระเบียงปิดไม่สนิท เขาเลยถือวิสาสะเดินไปปิดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เทียร์รดาเดินออกมาจากห้อง พร้อมผ้าขนหนูผืนสีขาวในมือพอดิบพอดี “คุณจะทำอะไร” เสียงคำถามโพล่งขึ้นด้วยความไม่ไว้ใจ ขณะที่เทียร์รดาวางสายตามองชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้อยู่ตรงหน้าไม่ละไปไหน คียติณณ์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงแค่เอี่ยวองศาใบหน้าหันกลับมามอง ไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวขาไปไหนไฟในห้องก็ดับไปชั่วขณะ ก่อนจะมีแสงจากสายฟ้าสาดส่องพร้อมเสียงคำรามส่งผลให้ห้องสว่างวาบ ฉับพลันในดวงตาคู่สวยก็เบิกโตตัวค้างแข็งคล้ายว่าสติหลุดลอย แข้งขาของเทียร์รดาอ่อนแรงอย่างไม่มีทางขัดขืน เมื่อหางตาเหลือบเห็นเงาหญิงสาวถูกแขวนคอฉายบนกำแพงห้องเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ไฟในห้องจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม “อ้ะ” เทียร์รดาส่งเสียงร้องในลำคอ เหมือนว่ามีก้อนเนื้อจุกอยู่ตรงหลอดลมจนเธอหายใจไม่ออก แต่สายตายังคงจดจ้องชายหนุ่มแน่น วินาทีที่คียติณณ์หันกลับมาหาเธอเต็มตัว หญิงสาวก็ทรุดฮวบลงไปกองอยู่บนพื้น หยาดน้ำตาคลอหน่วยอยู่ที่ดวงตาคู่สวย มือไม้เย็นเฉียบกับใจที่วูบโหวงเหมือนหล่นหายไปทั้งที่ยังเต้นตุบตับอยู่ในอก “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” "คุณ.." "คุณเทียร์ได้ยินผมมั้ย" ชายหนุ่มรีบสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกับย่อตัวลงแล้วใช้มือเชยปลายคางเธอให้เงยหน้าขึ้นสบตาด้วย แต่ในเวลานี้หูของเทียร์รดาดันอื้อไปชั่วขณะ วิงเวียนศีรษะจนแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ ซ้ำดวงตายังพร่าเบลอทำให้การมองเห็นมันเลือนรางไปทุกที เทียร์รดายกมือขึ้นกุมศีรษะที่หนักอึ้ง เหมือนถูกของแข็งกระแทกเข้าใส่ ลมหายใจหอบแรงขณะที่กำปั้นเล็กๆ ทุบกลางอก จนคียติณณ์ต้องเข้าประคองเธอเอาไว้ในอ้อมแขน “เทียร์รดา” “.....” “เทียร์..” “.....” “เพตา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD