"ว่าไงนะคะ" เลิกคิ้วถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินจากปากของพอใจ ก็เพราะก่อนหน้าเด็กสาวตื่นเต้นกับการเปิดภาคเรียนจนออกนอกหน้า
"หนูอยากกลับบ้าน" เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร พร้อมกับตะแคงตัว หันหน้าเข้าหาคุณหมอ ทิ้งตัวติดเบาะ ยกเท้าขึ้นมาวางไว้บนที่นั่ง กอดเข่าแน่น
"ที่มหาลัยฯ วันนี้ มีอะไรหรือเปล่า"
"หนูอยากกลับบ้าน" พอใจย้ำอีก
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ"
"ก็ วันนี้ มีคนล้อชื่อหนู หาว่าชื่อโบราณ มีคนหัวเราะเยอะด้วย"
"แค่นั้นเนี่ยนะ ถึงขนาดจะเลิกเรียนเลยเหรอ"
"ไม่ได้บอกว่าจะเลิกเรียนสักหน่อย แต่แค่จะไปเปลี่ยนชื่อ"
"ถ้าแค่นั้น ไม่ต้องถึงขั้นกลับบ้านหรอกค่ะ เดี๋ยวหมอพาไปเปลี่ยนที่อำเภอ"
"ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องไปขอพ่อก่อน เพราะถ้ารู้ทีหลัง ต้องโกรธแน่" โบกมือหยอยๆ อย่างปฏิเสธ
"ก็โทรไปบอกได้นี่คะ"
"หมอไม่เข้าใจอะ" ยกมือขึ้นมากำผมตัวเอง พร้อมกับทำปากจู๋อย่างงอนๆ ที่คุณหมอเอาแต่ขัดใจ
"ค่ะ ไม่เข้าใจ ถ้าจะให้เคลียร์กว่านี้ควรจะอธิบาย ไม่ใช่เอาแต่พูด"
"โอ้ย... ไม่เปลี่ยนก็ได้" พอใจเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่อธิบายและหันกลับไปนั่งแบบผู้โดยสารปกติ
"ดีแล้วค่ะ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ไม่ควรเปลี่ยน ถือว่าเป็นมงคลกับตัวเรา" ได้ทีสอนคนข้างๆ โดยที่ตัวเองก็กำลังจดจ่อกับเส้นทางบนท้องถนน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเด็กเอาแต่ใจทำปากขมุบขมิบ ตาปลิ้นล้อเลียนคำพูด แต่สักพักก็ชวนเปลี่ยนเรื่อง
"ชื่อหมอก็โบราณเหมือนกันนะ ไม่อยากเปลี่ยนเหรอ"
"ไม่เห็นโบราณเลย หมอชอบชื่อตัวเอง"
"ชิ! " ส่งเสียงพร้อมเหล่มองคนขับ ซึ่งคุณหมอก็ไม่ได้ถือสา
"แล้ววันนี้ทำอะไรมาบ้าง เปิดเทอมวันแรกน่ะ" ถามออกมาอย่างอยากรู้ แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา จนต้องหันไปหาแทน
"อ้าว หลับแล้วเหรอ" คุณหมอได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เมื่อครู่พอใจยังเจื้อยแจ้วไม่หยุด แต่ตอนนี้ดันคอพับหลับไปแล้ว แต่ความจริงคือ เด็กเจ้าเล่ห์นั้นแกล้งหลับเพื่อหลีกหนีการตอบคำถามของคุณหมอแทนเท่านั้น
"ถ้าพรุ่งนี้เรียนเสร็จเเล้ว หนูไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า" เพราะตั้งใจจะโดดรับน้องช่วงบ่าย แต่ก็ยังไม่อยากกลับมาอยู่ที่ห้องคนเดียวลำพัง ดังนั้นการไปหาคุณหมอคงจะดีกว่า
"ได้สิ แต่หมอคงยุ่งไม่มีเวลาดูแลพอใจหรอกนะ"
"ไม่เป็นไรเลย แค่อยู่ในห้องทำงานหมอก็ได้" ก่อนหน้านี้เคยไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล จึงจำได้ดีว่าหล่อนมีห้องส่วนตัวที่จะพอนั่งเล่นหรือนอนเล่นได้อย่างสบายใจ
"งั้นก็ ถ้าถึงแล้วโทรหาหมอก็ได้นะคะ"
"เย่! " ร้องออกมาอย่างดีใจราวกับเด็กได้ของเล่น จนคุณหมอชักจะไม่ไว้ใจกับ ความอารมณ์ดีแปลกๆ และก็ต้องสะดุ้งตัวโยน
"จิ้ม! "
"ว้าย! " เพราะพอใจเล่นจิ้มที่คอ ตรงกระดูกนูนๆ ของเธอเหมือนเมื่อเช้า แล้วจึงวิ่งหนีเข้าห้องนอนไป ซึ่งหากเด็กสาวยังยืนอยู่คงโดนคุณหมอตบศีรษะอีกแน่
วันนี้คือวันที่สองของการเปิดภาคเรียน ซึ่งก็มีเรียนการสอนแบบเป็นทางการกว่าเมื่อวาน เริ่มมีเนื้อหาของบทเรียนบ้าง แม้จะไม่มากเพราะเพิ่งจะเปิดเทอม พอใจรู้จักเพื่อนร่วมชั้นเพิ่มขึ้น คณะจิตรกรรมมีนักเรียนเพียงสิบคน แต่นั่นก็มากกว่าเมื่อวาน ที่มีกันอยู่แค่สามคน
"พอใจ ถือแฟ้มตามอาจารย์มาที" อาจารย์จรินพร หรือที่นักศึกษาพากันเรียกว่า อาจารย์จูน เอ่ยหลังจากจบคลาส หล่อนสอนวิชาการปั้น และพ่วงด้วยตำแหน่งอาจารย์ที่ปรึกษา วันนี้ห้องเราได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะก่อนหน้านี้ต่างคนต่างแยกกันไปเข้าร่วมกิจกรรมของคณะ ซึ่งนักศึกษาก็มีเป็นร้อย ดังนั้นก็ยากมากที่จะเจอกัน แต่วิชาโฮมรูมวันนี้ทำให้ได้เพื่อนเพิ่มและได้รู้จักที่อาจารย์ที่ปรึกษา ที่จะดูแลนักศึกษาห้องนี้ไปจนจบ
พอใจเดินหอบแฟ้มกองโตตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปติดๆ จนเข้าห้องส่วนตัวและวางมันไว้บนโต๊ะ
"มานี่สิ อาจารย์ขอคุยด้วยหน่อย" หล่อนเดินนำไปนั่งที่โซฟา
"ค่ะ" เดินตามไปนั่งฝั่งตรงข้ามตามคำสั่ง
"เรื่องที่เธอทำร้ายรุ่นพี่เมื่อวาน อาจารย์อยากให้มันจบ เลิกแล้วต่อกัน ถ้าพรุ่งนี้เธอไม่ไปไหน อาจารย์อยากให้เธอไปเยี่ยมพี่เค้าที่โรงพยาบาลด้วยกัน"
"แต่หนูไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะคะ"
"ฉันรู้! แต่เธอทำเขาบาดเจ็บ ฉันอุส่าคุยให้แล้ว อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต" หล่อนเริ่มเปลี่ยนสรรพนาม และเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย
"และเธอก็เป็นรุ่นน้อง ถึงจะไม่ชอบเขา ก็ควรให้ความเคารพ"
"เราต้องแสดงความเคารพต่อคนที่ควรเคารพสิคะ ทำไมอาจารย์ถึงเข้าข้างคนผิด พี่เค้าพูดจาและทำท่าทางไม่ดีกับพวกเราทุกคน ทั้งข่มขู่และทำโทษ หนูเชื่อว่าทุกคนไม่มีความสุขที่ต้องร่วมกิจกรรมบังคับจิตใจแบบนั้น"
"เขาจะแจ้งความเรื่องที่เธอทำร้ายร่างกายและเรียกร้องค่าเสียหาย"
"คะ? แค่เลือดกำเดาออกแค่นั้นเนี่ยนะ"
"ซิลิโคนทะลุย่ะ! "
"ไปขอโทษซะจะได้จบๆ แล้วก็เตรียมใช้หนี้ฉันด้วย"
"ไปขอโทษก็ได้ค่ะ แล้ว...แล้วมันเป็นเงินเท่าไหร่คะ อาจารย์พอจะบอกเป็นตัวเลขกลมๆ ให้หนูหน่อยได้มั้ย" เสียงอ่อนลงทันที
"เจ็ดหมื่น"
"ห๊า! ทำไมมันเยอะแบบนั้นล่ะคะ"
"ซิลิโคนทะลุ ต้องเอาออก ใส่ใหม่ พักฟื้น บวกค่าทำขวัญอีก"
พอใจเดินตัวลอยออกมาจากห้องพักครู จะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้อาจารย์จอมโหดนั่น โอ้ย คิดแล้วก็ปวดหัว เงินที่เจ้านายให้ใช้เป็นรายเดือน ถ้าประหยัดเอาก็คงจะเก็บมาใช้คืนได้ล่ะ แต่หล่อนดันให้เวลาแค่เดือนเดียว บ้าไปแล้ว! คิดแล้วก็แค้นไอ้รุ่นพี่นั่น และแน่นอนว่าพอใจยังไม่ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลทันทีตามที่นัดกันไว้ เด็กสาวเลือกหามุมสงบในมหาวิทยาลัยหนีกิจกรรมรับน้อง เพราะหากมัวเดินเตร็ดเตร่แล้วมีรุ่นพี่คนอื่นมาเจอเข้า คงถูกหมายหัวเป็นแน่ เธอเลือกเดินกลับมายังห้องหนึ่งที่ติดอยู่กับห้องวาดรูป ดูแล้วน่าจะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ช่าง และมีพวกงานศิลป์ปนเปวางซ้อนกันบ้าง เรียงเป็นระเบียบบ้าง คล้ายกับของทิ้งขว้าง
เมื่อลองหมุนลูกบิดก็รู้ว่าภายในไม่ได้ล็อค จึงถือวิสาสะเข้าไป ก้าวแรกที่เหยียบลงพื้น ก็สะท้านหนาวทันที นั่นเพราะเครื่องปรับอากาศที่กำลังส่งเสียงทำงานอยู่ ได้แต่แปลกใจว่าห้องที่ไม่น่าจะมีใครกล้าเข้ามา จะมีคนมาเปิดแอร์ทิ้งไว้ เดินสำรวจดูภาพวาดรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ หยิบจับเอาออกมาดูด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนจะนึกอะไรออก เดินเข้าซอก หยิบสมุดและดินสอออกมา เวลานี้ช่างเหมาะแก่การวาดรูป ชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด ที่แคบๆ มัดทำให้อารมณ์ศิลปินบังเกิด
'แกร้ก'
"เห้ย! " พอใจร้องออกมาด้วยความตกใจเพราะได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรขยับและตามด้วยเสียงไอ
"เห้ย! " คราวนี้เด็กสาวร้องดังกว่าเก่า
"เสียงดังทำไม คนจะนอน" พอใจตาตื่น เพราะได้ยินแต่เสียงไม่เห็นตัว 'ผะ ผี หรือเปล่า' คิดแบบนั้นก็ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับได้แต่ยกมือพนมท่องบทสวดซ้ำไปซ้ำมา
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ เจ่าที่เจ้าทางอย่าหลอกหนูเลยนะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะค้นของในห้อง แค่อยากดูเฉยๆ "
"ฮะฮ่า" เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
"ฮึ้ย... อยู่ไม่ได้แล้ว" รีบเก็บข้าวเก็บของยัดลงกระเป๋า แล้วลุกยืน วิ่งไปทางประตูแต่ 'หมับ' มือของใครบางคนคว้าจับแขนเธอไว้
"หนูจะไปแล้ว จะไม่เข้ามาอีก อย่าทำอะไรหนูเลย" ร้องบอกโดยที่ไม่กล้าหันมาดู สักพักก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
"เห้ย..." เพราะอยู่ๆ ก็ถูกลากไปอยู่ในซอกหลืบที่มีผ้ายับยู่ยี่ปูอยู่ ราวกับเป็นที่นอนชั่วคราว
"ทำให้พี่ตื่น น้องต้องรับผิดชอบ" ถูกดึงให้นั่งลงบนพื้น เพราะตัวเล็กกว่าจึงถูกลากถูได้ง่าย
"ปะ เป็น เป็นคนใช่มั้ย" เพราะผู้หญิงตรงหน้าก็ดูท่าทางไม่ใช่ผี
"คนสิ ผีที่ไหนจะสวยแบบนี้" พูดจบก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักเด็กสาว
"เห้ย! อะไรเนี่ย ไปนอนที่อื่น"
"เป็นรุ่นน้องที่ปากเก่งเหมือนที่ใครๆ บอกจริงๆ "
"รู้เรื่องหนูได้ไง" คำพูดหาเรื่อง
"เด็กปีหนึ่งเนี่ย หัวร้อนแบบนี้ทุกคนมั้ยนะ" พูดพลางพลิกตัวเข้าหาหน้าท้องเด็กสาวและกอดรัดเอวไว้ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
"หึ้ย... อะไรเนี่ย ออกไปมันหนัก" นอกจากความรู้สึกหนักที่บอกออกไปแล้ว ยังรู้สึกแปลกๆ กับการซุกไซร้ใบหน้าแนบชิดหน้าท้องเธออีก จนต้องขยับหนี แต่ยิ่งขยับไอ้คนที่อ้างตัวว่าเป็นรุ่นพี่ก็ยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม
"แค่เป็นหมอนให้แป๊บเดียว แลกกับการที่พี่จะรูดซิปปาก และไม่ฟ้องใครเรื่องที่น้องพอใจโดดรับน้อง"
"อยากฟ้องก็ฟ้องไป ไม่กลัวหรอก" พูดพลางพยายามดันไหล่คนที่พูดเอาแต่ใจพัลวัน แต่หล่อนดันทำเป็นตัวอ่อนยอมให้เด็กสาวปัดป้องโดยไม่คิดสู้ กวนประสาทชะมัด แต่มือจับเสื้อพอใจไว้แน่น
"พี่รู้ว่าน้องเก่ง แต่เพื่อนๆ ของน้อง อาจถูกทำโทษก็ได้นะ" พอใจยิ่งหงุดหงิดไปอีกจะอะไรกันนักกันหนากับแค่เรื่องรับน้อง ไม่เห็นมันจะสำคัญต่อการเรียนสักนิด
"นะ แค่สิบห้านาที แล้วพี่จะไม่กวนน้องพอใจอีก"
"อืม! " ตอบออกไปอย่างไม่พอใจ เพื่อตัดความรำคาญ ไหนๆ ก็เสียเวลาแล้ว อีกแค่สิบห้านาทีคงไม่เป็นไร
"หลับแล้วเหรอ" พอใจเอ่ยออกมาเบาๆ เพราะรู้สึกถึงลมหายใจสม่ำเสมอ และเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ จึงใช้วิธีที่เคยทำกับคุณหมอมะนาว นั่นคือการจิ้ม ยกมือขึ้นจิ้มที่หัวไหล่ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นเบาๆ เพื่อเป็นการเช็ค
"ถึงแม้คุณจะเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ แต่ก็ควรระลึกไว้เสมอ ว่าในอนาคต คุณจะกลายเป็น หมอ ดังนั้น! คุณต้องรับผิดชอบทุกชีวิต และรอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่เห็นชีวิตคนเป็นของเล่น" นักศึกษาแพทย์ยืนก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าแดงก่ำ พยายามกลั้นน้ำตา ยังดีหน่อยที่คุณหมอพูดโดยไม่คิดสบตาเขา
"ออกไป และหวังว่าคุณจะไม่ลืมเหตุการณ์ครั้งนี้" เขาจึงรีบเดินออกจากห้องไปทันที
สำหรับหมอมะนาว บทบาทในการทำงาน เธอคือคนจริงจัง เข้มงวด ดุจนทั้งหมอและพยาบาลต่างพากันเกรงกลัว ไม่กล้าหยอกล้อหรือพูดเรื่องไร้สาระในเวลางานกับเธอ และวันนี้ก็มีเรื่องหนักหน่วงหัวใจสำหรับเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน การที่มีคนไข้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ทุกเมื่อ แต่เธอไม่ใช่คนที่จะอ่อนแอในเวลาที่ทุกคนกำลังเสียใจ การตอกย้ำความผิด นั่นคือวิธีทำให้เหล่านักศึกษาแพทย์โตขึ้น ไม่ใช่เอาแต่ปลอบใจ ซึ่งทุกคนก็ต่างลงความเห็นกันว่าหล่อนไร้หัวใจ
คุณหมอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เพื่อดูเวลา บ่ายโมงครึ่ง นึกถึงเจ้าลิงลมที่พูดคุยกันเมื่อวานว่าจะมาหา แต่ยังไม่เห็นติดต่อมา หล่อนจึงเลือกส่งข้อความไปหาแทนด้วยความเป็นห่วง
เมื่อครบสิบห้านาที คนที่นอนหนุนตักอยู่ก็ลุกพรวด บิดขี้เกียจอย่างอัตโนมัติ
"พี่ชื่อเฌอปรางนะน้องพอใจ"
"ไม่ได้อยากรู้"
"คิดว่ารู้อยู่แล้วเชียว"
"ทำไมจะต้องรู้"
"ไม่รู้จักพี่จริงๆ เหรอ แปลกจัง"
"คิดว่าตัวเองเป็นดาราหรือไง ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะต้องรู้จัก" เอ่ยบอกอย่างหัวเสียก่อนจะลุกพรวดรีบเดินออกจากห้องไป
"แปลก แปลกจริงๆ " เฌอปรางบ่นกับตัวเอง ไม่มีใครที่จะเดินหนีและไม่มีใคร ไม่รู้จักเธอ
'กำลังไป ถ้าถึงแล้วจะโทรหา' พิมพ์ข้อความตอบกลับคุณหมอ พร้อมกับสาวเท้า จ้ำอ้าวไปหน้ามหาวิทยาลัย โบกรถแท็กซี่ จะให้ขึ้นรถเมล์ในช่วงเวลาที่แปรปรวนแบบนี้คงต้องนั่งเลยป้ายแน่ โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก จึงเสียค่ารถไม่เท่าไหร่ ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรคงต้องคำนึงถึงแต่เรื่องเงิน ต้องประหยัด
หลังจากถึงที่หมายหน้าโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้เข้าไปข้างในในทีเดียว เด็กสาวเลือกที่จะเดินเข้าร้านสะดวกซื้อก่อน เพื่อหาขนมหวานติดไม้ติดมือไปฝากคุณหมอ แม้จะต้องประหยัดเงินแต่ก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง
"หมอมะนาว งั้นซื้อไอติมรสมะนาวไปฝากดีกว่า แล้วก็ไอติมวานิลลาของพอใจเอง" เพราะกลิ่นตัวของคุณหมอคล้ายวานิลลา จนทำให้เด็กสาวตัดสินใจเลิกทานไอศกรีมรสช็อกโกแลตที่เป็นรสโปรด เปลี่ยนใจอยากจะลิ้มลองรสชาติวานิลลาแทน พอคิดเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากร้านเตรียมจะข้ามถนน แต่มีบางอย่างดึงดูดสายตา
"ผู้ชายคนนั้น หน้าคุ้นจัง" พยายามนึก ผู้ชายฝั่งตรงข้ามที่กำลังก้าวขึ้นรถ เขาก้มลงหอมแก้มผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งข้าง
"แหวะ กลางวันแสกๆ " เอ่ยตำหนิแค่นั้นไม่พอ ยังเบะปากใส่อีก แต่สักพักก็ตาโตเกือบจะเท่าไข่ห่าน
"ห๊ะ! นั่นแฟนหมอนี่" ตายแล้วๆ ทำไมต้องมาเห็นภาพบาดตาแบบนี้ด้วย ไอ้บ้านั่น กล้าดียังไงพาผู้หญิงอื่นมากระหนุงกระหนิงหน้าที่ทำงานแฟนแบบนี้ เรื่องนี้ต้องฟ้อง ให้เลิกกันไปเลย
"มาหาใครคะหนู" ก็จู่ๆ พอใจก็เดินทะเล่อทะล่า เข้ามาในแผนกฉุกเฉินที่กำลังวุ่นวาย โดยที่ไม่สนใจสถานการณ์ตรงหน้า เพื่อไปยังห้องทำงานคุณหมอ กำลังจะหมุนเปิดประตูก็ดันมีเสียงขัดดังขึ้น หันไปก็พบผู้หญิงสูงอายุในชุดขาว นั่นเพราะหล่อนเป็นพยาบาล
"มาหาหมอค่ะ หมอมะนาว"
"เป็นญาติเหรอ" ใบหน้าหล่อนดูเหมือนจับผิด
"ไม่ค่ะ เป็น..." จะบอกว่าอะไรดีล่ะ ญาติก็ไม่ใช่ น้องสาวเหรอ นั่นก็ยิ่งไม่ใช่ เป็นแค่คนอาศัยมากกว่า
"นัดไว้หรือเปล่าคะ" เมื่อเห็นว่าเด็กสาวเงียบไป จึงเปลี่ยนคำถามแทน ไม่ใช่ว่าจะไม่ไว้ใจ แต่เพราะปกติแล้วคนอย่างคุณหมอมะนาว ไม่มีเพื่อนหรือญาติมาหาในเวลางาน ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่คนทำงานใกล้ชิดกับคุณหมอ จะสงสัย
"ค่ะๆ นัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืน"
"เหรอคะ" เลิกคิ้วถามออกไป หล่อนดูสงสัยหนักกว่าเก่า
"งั้นรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่าเพิ่งเข้าห้องนะ" หล่อนยกหูโทรศัพท์สายในที่ติดอยู่ที่ผนัง ต่อถึงภายในห้องฉุกเฉิน
"ขอสายหมอมะนาว"
"คุณหมอคะ มีเด็กมาหาค่ะ เธอบอกว่านัดไว้"
"ค่ะ ได้ค่ะ" หลังจากได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว จึงยอมให้พอใจเข้าไปในห้อง แถมยังอำนวยความสะดวกช่วยเปิดทีวี และเอาของว่างมาเสิร์ฟให้
เด็กสาวนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีอยู่พักใหญ่ ไม่มีวี่แววว่าคุณหมอจะมา ที่บอกหล่อนไปว่าอยู่คนเดียวในห้องได้ไม่เป็นไร เริ่มจะไม่จริงแล้ว ตอนนี้อยากเจอหล่อนใจจะขาด และก็ตามคาด เสียงประตูถูกเปิดออกตามด้วยร่างคุณหมอเดินเข้ามา แล้วตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ทำเหมือนไม่เห็นพอใจนั่งอยู่บนโซฟา ที่หล่อนเพิ่งจะเดินผ่านไป เด็กสาวจึงลุกขึ้นและเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานคุณหมอ
"หมอ เห็นกันมั้ยเนี่ย"
"เห็นค่ะ" หล่อนก้มหน้าก้มตาตอบ โดยไม่สบตาคนถาม
"เป็นอะ... ร้องไห้ทำไม" เห็นว่าขอบตาคุณหมอแดงก่ำ
"เปล่าค่ะ"
"จะเปล่าได้ไง ก็เห็นอยู่" เพื่อความแน่ใจ จึงยื่นมือเล็กๆ ไปแตะหางตาคุณหมออย่างเบามือ มันยังคงเปียกเพราะคราบน้ำตาอยู่
"ฝุ่นเข้าตา" หล่อนเบี่ยงหนีนิ้วชี้ของเด็กสาวที่วางอยู่บนหน้าแต่เหมือนแค่จิ้มกันมากกว่า ก่อนจะตอบออกมา ซึ่งพอใจก็ยอมเก็นนิ้วนองตัวเองแต่โดยดี
"เชื่อก็บ้าแล้ว ในนี้ไม่มีฝุ่นหรอก โกหกไม่เนียนเลยนะ"
"ค่ะ หมอร้องไห้" หล่อนเงยหน้าขึ้นตอบ อย่างที่พอใจต้องการ
"เพราะ ผู้ชายคนนั้นเหรอ" พอใจเสียงอ่อนลง คิดไปเองว่าเป็นเรื่องที่เห็นหน้าโรงพยาบาล ที่ทำให้หล่อนร้องไห้
"คะ? " หล่อนไม่เข้าใจในสิ่งที่พอใจพูด
"ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ก่อนแต่งงานก็จะดีกับเรา แต่พอหลังจากนั้น ก็จะเปลี่ยนไป มันเป็นเรื่องปกติ" อยู่ๆ ก็อยากจะให้เขาคืนดีกันเสียอย่างนั้น ก็เพราะสงสารคุณหมอ ไม่อยากให้หล่อนร้องไห้ แถมช่วยอธิบายเสียอย่างดิบดีราวกับเข้าใจทุกเรื่อง
"อะไรนะคะ? "
"ไม่ต้องอายหรอก หนูรู้เรื่องหมดแล้ว ที่แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นน่ะ เพราะว่าเขาหล่อใช่มั้ยล่ะ" จากที่เศร้าเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาเมื่อกี้ กลับต้องมางงเพราะคำพูดของพอใจแทน
"มานี่ๆ " ลุกขึ้นเดินไปทางคุณหมอ และดึงมือหล่อนให้เดินตามมานั่งที่โซฟาด้วยกัน
"ให้ยืมตักหนุนร้องไห้"
"ไม่เป็นไร หมอดีขึ้นแล้ว" เข้าใจที่เด็กสาวทำ เพราะต้องการจะปลอบเธอ
"แน่ใจนะ"
"ค่ะ"
"งั้น...ให้หนูหนุนตักหมอนะ" ไม่รอให้หล่อนอนุญาต ก็เป็นฝ่ายทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคุณหมอแทน แม้จะตกใจกับพฤติกรรมของพอใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
"เดี๋ยวหาผู้ชายให้ใหม่" คนพูดของพอใจทำให้หล่อนขำ
"แค่ร้องไห้ พอใจจะหาผู้ชายใหม่ให้เลยเหรอ"
"ก็ถ้าคนเก่าไม่ดี ก็ทิ้งไป จะทนทำไม" เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง คิ้วขมวดเข้าหากัน จนคุณหมอต้องยกมือขึ้นบีบหัวคิ้วเด็กสาวอย่างหมั่นไส้
"หมอว่า เราคงเข้าใจกันคนละเรื่องแล้วค่ะ"
"อ้าว ที่ร้องไห้น่ะ ไม่ใช่เพราะแฟนเหรอ"
"ค่ะ ไม่ใช่ นี่เข้าใจไปถึงไหนต่อไหนคะ" สีหน้าเอาเรื่องของพอใจเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นง้ำงอ เริ่มจะทำปากจู๋อีก
"แล้วร้องไห้เรื่องอะไรล่ะ"
"ช่างเถอะค่ะ หมอก็ร้องไห้แบบนี้เกือบทุกวันอยู่แล้ว"
"ทำไมล่ะ ใครทำอะไรหมอเหรอ" ศีรษะขยับยุกยิกอยู่บนตักคุณหมออย่างกับเด็กน้อย
"บอกหนูได้นะ หนูไม่ใช่คนขี้เม้า"
"เอ๊ะ... นั่นซื้ออะไรมาคะ" ทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งเด็กสาวก็รู้ทัน แต่ไม่อยากจะเซ้าซี้
"ไอติม ซื้อมาฝากหมอหนึ่งอัน แล้วก็ตัวเองหนึ่งอัน" บอกออกไปพลางเอื้อมมือหยิบถุงบนโต๊ะ แต่ดูลำบากเพราะระยะห่าง แถมยังไม่ยอมลุกจากตักคุณหมอ
"เดี๋ยวหยิบเองค่ะ แขนสั้นก็อยู่นิ่งๆ " เอ่ยออกมาอย่างหยอกล้อ ก่อนจะเอื้อมมือไปข้างหน้า แต่ติดที่คนใต้ร่างยังจับจองพื้นที่บนตัก คุณหมอจึงต้องก้มตัวลงต่ำ เพื่อส่งมือไปข้างหน้า และบางอย่างก็สัมผัสที่ใบหน้าของพอใจเต็มๆ แม้จะผ่านเสื้อก็เถอะ แต่มันก็ยังนุ่มนิ่มเหมือนเดิม แถมกลิ่นวานิลลาของคุณหมอ ทำให้อยากจะกัดหล่อนอีกสักครั้ง
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" เมื่อได้ของที่ตั้งใจแล้วจึงกลับมาสนใจคนบนตักอีก ก็สภาพพอใจตอนนี้เหมือนเพิ่งเจอเรื่องที่น่าตกใจมา นอนนิ่งตาเบิกโพลง
"ปะ เปล่า" ตอบออกไปแบบตะกุกตะกัก ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเหมือนเดิม
"ถ้าจะกินก็ต้องลุกขึ้นนะ ไม่นอน" เอ่ยดุคนที่กำลังขยับหันหน้าเข้าหาหน้าท้องเธอมากขึ้น
"ไม่อยากกินไอติมแล้ว" ไม่พูดเปล่ายกมือขึ้นโอบรอบเอวคุณหมออีก
"อะไรคะเนี่ย" ท่าทางเอาแต่ใจของเด็กสาว ช่างน่าตีเสียเหลือเกิน จนต้องร้องท้วงออกมาอย่างไม่จริงจังนัก
"พอใจ! เลิกทำแบบนั้น" แต่ก็ต้องเอ่ยห้ามอีก เพราะชักจะไปใหญ่ พอตามใจก็ได้ใจ จมูกซนๆ กำลังคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้อง ราวกับอยากจะแกล้งกันจนท้องไส้คุณหมอปั่นป่วนไปหมด
"พอก็ได้" เอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง นั่นทำให้คุณหมอหายใจหายคอได้สะดวก คว้าหยิบถุงไอศกรีมจากมือหล่อน และหยิบออกมา
"อันนี้ของหมอ" ยื่นไอศกรีมรสมะนาวให้
"อยากกินอันนั้น" หล่อนรับจากมือพอใจ แต่ดันชี้มาที่รสวานิลลาในมือเด็กสาวแทน
"เห็นชื่อมะนาว นึกว่าจะชอบกินรสมะนาว"
"ตรรกะไหนคะ ชื่อมะนาวก็ไม่ได้แปลว่าจะชอบกินมะนาวนะ" พูดจบก็ดึงรสวานิลลาในมือเด็กสาวมา พอใจจึงจำใจยอมแลกกับคุณหมอ เห็นว่าอีกคนกำลังเศร้าอยู่หรอกจึงยอม แต่ก็น่าจะเดาได้ตั้งแต่ทีแรก ว่าตัวหล่อนก็หวานคล้ายวานิลลา ก็คงต้องชอบรสวานิลลา ไม่น่าคิดอะไรตื้นๆ
"เอ๊ะ... แต่หมอว่าน่าจะยังกินไม่ได้" มือก็จับถุงไอศกรีมบี้ทั่วทั้งห่อ พอใจจึงทำตามบ้าง
"จริงด้วย ละลายหมดแล้ว" เพราะความสะเพร่า ลืมไปเสียสนิทว่าต้องแช่เย็น เลยอดกิน
"ไม่เป็นไร แค่นึกถึงหมอและตั้งใจซื้อมาฝากก็ดีแล้ว ขอบคุณนะคะ" เห็นหน้ายุ่งๆ ของพอใจก็อดสงสารไม่ได้ หยิบจากมือเด็กสาว แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อแช่ไอศกรีม
"ขอเอาไว้ทานเองทั้งสองแท่งนี้นะคะ" หันมายิ้มบอก
"ได้สิ แต่ขอกัดทีนึงได้ป่าว"