ตอนที่สี่

3952 Words
"โทรศัพท์ค่ะ" ยื่นโทรศัพท์มือถือ ให้พอใจ "ฮี่ๆ " คว้ามาถือ พร้อมกับยิ้มโชว์ฟันสวยให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตู ต่างจากคุณหมอที่ใบหน้าตึงๆ ก็เธอดันลืมมันไว้ในห้องน้ำคุณหมอ ตอนที่ไฟดับ "พรุ่งนี้ต้องถึงมหาวิทยาลัยกี่โมงคะ" แม้จะไม่ค่อยพอใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา แต่ก็อดถามไม่ได้ "แปดโมงค่ะ" "ค่ะ งั้นเจอกันเจ็ดโมงเช้า ไปพร้อมกัน" พูดจบเพียงเท่านั้น ก็หันหลังเพื่อเดินเข้าห้องของตัวเอง "ค่า คุณหมอ ขอบคุณนะคะ" พูดไล่หลังหล่อน อย่างอารมณ์ดีราวกับตั้งใจจะก่อกวน ก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องนอนตัวเองบ้าง กระโดดขึ้นเตียงกว้าง และล้มตัวนอน นึกถึงภาพตัวเองในรั้วมหาวิทยาลัยก็ยิ้มแป้นไม่หุบ แต่สิ่งที่ทำให้นึกถึงด้วยแบบที่ติดตาและติดอยู่ในสมองแบบสลัดไม่ออกก็คือ เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาในห้องน้ำ ระหว่างเธอกับคุณหมอ "อะ อร้าย พอใจ" คุณหมอใบหน้าเหยเกส่งเสียงร้องออกมาไม่ดังนักด้วยความตกใจ เพราะอวัยวะที่หวงแหนถูกจู่โจมโดยที่ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ริมฝีปากร้อนๆ ของเด็กสาวกำลังลวนลามเธอ น้ำเย็นๆ ในอ่างไม่ช่วยลดอารมณ์ร้อนในกายของคุณหมอที่กำลังพุ่งทะยานตอนนี้ได้เลย เหมือนได้คืบจะเอาศอก นอกจากจะใช้ปากเป็นอาวุธในการจู่โจมด้วยการงับที่ยอดปทุมถันของคุณหมอแล้ว เด็กสาวเริ่มละเมียดดูดกลืนสร้างพื้นที่เพิ่มเติมจนเนื้อนิ่มๆ ของหล่อนคับแน่นเต็มปาก คุณหมอเพียงยกมือขึ้นมาดันไหล่โจรขโมยนม และพยายามถอยหนีอย่างยากลำบาก เพราะเหมือนยิ่งออกห่างพอใจก็ยิ่งออกแรงดูดงับ ซึ่งการกระทำที่พยายามจะปกป้องตัวเองของคุณหมอ ทำให้คิ้วเล็กๆ ของโจรสาวขมวดชิดกันอย่างขัดใจ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ปากของพอใจยังตามดูดงับ ติดชิดคุณหมอไปอีกไม่ห่าง และมันก็เริ่มจะทวีความร้อนให้หล่อนอีก "อื้อ เจ็บ" เสียงคุณหมอร้องบอก เพราะเด็กสาวเปลี่ยนจากงับ เป็นการลงน้ำหนักฟัน จนเธอสะดุ้ง มือที่ดันไหล่พอใจต้องผ่อนแรงลง เพราะกลัวจะเจ็บกว่าเดิมหากเด็กสาวเกิดกัดเนื้อเธออย่างจริงจังขึ้นมา 'เพี้ยะ' เสียงถูกตีดังสนั่น พอใจตาเบิกโพลง หัวสมองขาวโพลน ยอมให้คุณหมอได้เป็นอิสระจากฟัน แต่ยังคงไม่ยอมคายเนื้อนิ่มในปากเพียงงับค้างไว้ จนคุณหมอต้องย้ำเตือนสติคนอายุน้อยกว่าอีกครั้ง 'เพี้ยะ' "โอ้ย! " ร้องออกมาเสียงหลง เพราะการถูกฟาดมือครั้งนี้ลงน้ำหนักมากกว่าเก่า "ต้องตบหัวเลยเหรอ" พอสติมาจึงเอ่ยต่อว่าคุณหมอแทน ราวกับไม่รู้ในความผิดของตัวเอง สำหรับคุณหมอพอได้ยินคำนั้น อารมณ์โกรธยิ่งพุ่งปรี้ด และ 'เพี้ยะ' คราวนี้ไม่ใช่หัวแต่เป็นหน้าผาก หล่อนฟาดอย่างเต็มแรง ก่อนจะลุกขึ้นยืน ก้าวขาออกจากอ่างอาบน้ำและเปิดประตูปึงปังหนีไป ทิ้งให้เด็กสาวนั่งบ่นอยู่คนเดียว สักพักไฟทั้งห้องก็สว่าง นั่นแสดงว่าไฟมาแล้ว หลังจากกลับเข้ามาในห้อง ก็ตรงดิ่งไปนั่งหน้ากระจกอีกครั้ง แถมยังจงใจปลดกระดุมเสื้อนอนเม็ดบน เพื่อสำรวจอวัยวะบนร่างกายตัวเองที่ถูกลวนลาม "เด็กบ้า" ใบหน้าคุณหมอแดงระเรื่อ เพราะพอใจทิ้งรอยฟันจากการกัดไว้ให้ดูต่างหน้า พาลให้นึกถึงเรื่องในห้องน้ำที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป จนหัวใจเต้นแรง เธอเลือกที่จะเดินหนีจากเหตุการณ์ล่อแหลม โดยไม่คิดจะพูดถึงเพราะความกระดากอาย ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เริ่มแท้ๆ แต่ก็เลือกจะทำเป็นลืมมันไป หลังจากนี้คงต้องระวังพฤติกรรมตัวเอง ไม่ไปเสี่ยงกับสถานการณ์ชวนล่อลวงของเด็กเจ้าเล่ห์อีก "โอ้ย... นอนไม่หลับ" บ่นออกมาเสียงไม่ดังนักบนที่นอน พร้อมถีบบรรดาผ้าห่มและหมอนข้างให้พ้นตัวด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงกี่ยาม รู้เพียงว่ามันกินเวลานานพอควรกับการพลิกกายไปมา ด้วยความกระสับกระส่าย ทั้งตื่นเต้นเรื่องเรียน และเรื่องสำคัญที่สุดคงเป็นเรื่องของเจ้าของห้อง หล่อนคงหลับไปแล้วต่างจากเด็กสาวที่ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ทีแรกก็เพราะเอาแต่นึกถึงเรือนร่างอันเย้ายวนของคุณหมอ ตั้งแต่หล่อนนั่งเปลือยบนขอบอ่างท่ามกลางความมืด แม้จะเห็นไม่ชัดแต่ก็พอจะคาดเดารูปร่างของคุณหมอได้จากส่วนเว้าส่วนโค้ง เวลานั้นได้ยินเสียงกวักน้ำด้วยฝีมือคุณหมอ จนไม่อาจเก็บความสงสัยได้ จึงต้องเปิดไฟฉาย แต่จุดโฟกัสท่ามกลางแสงสีส้มไม่ใช่การตีฟองของคุณหมอ สายตาพลันเหลือบมองหน้าอกของหล่อน ที่เคยฝังหน้าลงแนบแน่นตั้งแต่ตอนอุบัติเหตุบนรถเมล์ และตอนนี้ ได้เห็นมันเต็มๆ ตา นั่นคือภาพจำที่ติดตาของเด็กสาว จนเผลอตอกย้ำความรู้สึกอีกครั้งด้วยการแนบริมฝีปากตัวเองตรงที่หน้าอกนวลเนียน นุ่มนิ่ม มันให้ความรู้สึกดีกว่าแค่การเอาหน้าแนบโดยมีเสื้อกั้น "ทำไมถึงกล้าทำแบบนั้น" คราวนี้จึงผุดลุกขึ้นนั่ง ดึงทึ้งผมตัวเองอย่างโมโห นี่แหละ เหตุผลที่พอใจยังนอนตาค้างอยู่ ส่วนฝั่งคุณหมอ ความรู้สึกก็ไม่ต่างกัน พลิกตัวไปมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่งปาดเหงื่อ ทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องก็ปกติดีเหมือนทุกวัน ซึ่งทั้งหมดนั่นก็เพราะการกระทำอันอุกอาจของพอใจ ยิ่งคิดก็ทำให้มวลท้อง จนไม่อาจข่มตานอนได้ แต่ก็ต้องยอมล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้เธอต้องตื่นแต่เช้า งานของหมอฉุกเฉินต้องมีสติและตื่นตัวอยู่เสมอ หากนอนน้อยแบบไม่ตั้งตัวแบบนี้คงทำงานได้ไม่เต็มร้อย ดังนั้น ตอนนี้จึงต้องหลับตา เลิกคิดเรื่องกวนใจ และหลับให้เต็มอิ่ม "แพทย์หญิงมณีจันทร์... ฮาฮ่า ชื่อโบราณจัง" ยืนขำคิกคักอยู่หน้าประตู ก็เช้านี้เปิดเรียนวันแรก พอใจจึงตื่นตั้งแต่ไก่โห่ และจัดการธุระตัวเองจนเรียบร้อยก่อนเวลานัด จึงต้องหาเรื่องทำฆ่าเวลา โดยการเดินสำรวจห้องคุณหมอ ที่ดูโปร่งโล่ง ข้าวของน้อยชิ้น ไม่ระเกะระกะ ราวกับเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเด็กสาวคือ ตารางเวรของคุณหมอ มันติดอยู่ที่บอร์ดใหญ่ๆ หน้าประตูทางเข้า ดึงดูดสายตาของพอใจตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาแล้ว แต่ไม่ได้เยื้องย่างมาสำรวจตั้งแต่ทีแรก "เป็นหมอก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย" เห็นว่าหล่อนแทบจะไม่มีวันหยุด แถมบ้างช่องก็ทิ้งสัญลักษณ์บางอย่างราวกับตั้งใจ และตัวอักษรทั้งไทยและอังกฤษ ซึ่งคนสอดรู้อย่างพอใจก็ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวแกะลายมือของหมอ แต่ก็ต้องถอดใจ "หมอนี่ลายมือแย่แบบนี้ทุกคนมั้ยเนี่ย" "ไม่ค่ะ" เสียงของคนที่ยืนด้านหลังเอ่ยบอก เธอยืนดูพอใจที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้บอร์ดจนแทบจะติด คุณหมอเดินไปยืนเคียงข้างเด็กสาวก่อนจะแกะสติ๊กเกอร์สีชมพูและแปะทับวันที่ที่ผ่านพ้นมาแล้ว นั่นคือเมื่อวาน คุณหมอมักทำแบบนี้เป็นประจำทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน "ที่ต้องเขียนอ่านยากเพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา จะมามัวบรรจงทุกตัวอักษรจะไม่ทันการณ์" คุณหมออธิบาย ก่อนจะเดินกลับเข้าครัวเปิดตู้เย็น ซึ่งลับหลังก็ไม่ทันได้สังเกตว่าเด็กแสบนั้นทำปากขมุบขมิบล้อเลียนเรื่องที่คุณหมอเพิ่งจะอธิบายไป แต่ก็ต้องรีบดึงหน้ากลับมาเป็นปกติเพราะคุณหมอดันเดินมาทางเธออีก พร้อมกับยื่นบางอย่างให้ "ไม่ทานข้าวเช้า ก็ดื่มนมค่ะ" ยื่นกล่องนมถั่วเหลืองให้ พอใจจึงรับมาไว้ และเจาะดื่มตามคำบอก "แล้วกระเป๋านั่น จะเอาไปจริงๆ เหรอคะ" คุณหมอหมายถึงประเป๋าเป้ใบโต ที่พอใจสะพายไว้ด้านหลัง ไม่รู้ว่าภายในบรรจุอะไร รู้เพียงว่ามันตุงและคงหนักน่าดู "ใช่ค่ะ" ตอบออกมาอย่างมั่นใจ "หมอว่ามันใหญ่ไปนะ วันแรกคงเรียนไม่เยอะหรอกค่ะ" "เผื่อต้องซื้อหนังสือไง ไปตัวเปล่าแล้วจะหอบกลับมายังไงล่ะ" อธิบายเหตุผลของตัวเองบ้าง "งั้นเอาใบนี้มั้ย" หันหลังเปิดตู้กระจกบานสูงข้างประตู และหยิบกระเป๋าผ้าอย่างดีมาให้ "แบบที่หนูใช้ก็ดีอยู่แล้ว ใส่ของได้เยอะด้วย" "ไปเรียนนะคะ ไม่ได้ไปรบ ไม่ต้องขนของเยอะ" พอใจเริ่มทำปากจู๋เพราะที่คุณหมอพูดนั้นถูกทุกอย่าง ใครจะรู้ล่ะว่าในกระเป๋าเป้เธอพกอะไรบ้าง "แล้วอีกอย่างหนึ่ง สมัยนี้เด็กวัยรุ่นชอบสะพายกระเป๋าผ้ามากกว่ากระเป๋าเป้นะ" "จริงเหรอ" สายตาของพอใจเริ่มสำรวจมองกระเป๋าผ้าในมือของคุณหมออย่างสนใจ "จริงสิ" ยิ่งเมื่อคุณหมอย้ำแบบนั้นพอใจจึงคว้ามาถือไว้แทน "เลิกเรียนแล้วรอที่นี่นะคะ เดี๋ยวหมอมารับ" เมื่อถึงที่หมายคุณหมอจึงเอ่ยย้ำ พอใจพยักหน้ารับรัวๆ เพราะเริ่มจะชอบกับการที่มีคุณหมอมาส่งถึงที่โดยไม่ต้องลำบากกับรถเมล์ "แต่วันพุธพอใจคงต้องกลับเองนะ เพราะหมอเวรดึก" นี่ก็ต้องพยักหน้ารับอีกเหมือนกันด้วยใบหน้าหงอยๆ แถมยังทำปากจู๋อีก "หมอ..." ร้องเรียกคนข้างๆ โดยที่ยังไม่คิดจะลงรถ "คะ? " "เรื่องเมื่อคืน..." เมื่อเด็กสาวเกริ่นมาแบบนี้คุณหมอก็รู้เจตนาของพอใจทันทีว่าต้องการจะพูดคุยเรื่องอะไร จึงรีบโพล่งเปลี่ยนประเด็นทันควัน "ลงไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวหมอไปทำงานสาย" จบประโยคคุณหมอ พอใจก็ใบหน้าตึงทันที เพราะหล่อนดันบ่ายเบี่ยง ราวกับไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องที่เกิดขึ้น พอใจคิดแบบนั้น ซึ่งก็ดีแล้ว เมื่อคืนเด็กเจ้าเล่ห์อุส่าคิดคำแก้ตัวไว้ต่างๆ นานา หากคุณหมอเป็นคนเปิดประเด็นเอาเรื่อง แต่หล่อนดันไม่อยากฟัง จึงโชคดีไป "ก็ได้ๆ " คำพูดและท่าทางของพอใจที่ยอมทำตามแต่โดยดีทำให้หมอโล่งใจจนเผลอยิ้มออกมา แต่ก็ต้องหุบยิ้ม เมื่ออยู่ๆ เด็กแสบก็หันหน้ากลับมาหาและขยับใกล้เรื่อยๆ จุดโฟกัสทางสายตาของพอใจเลื่อนต่ำลงไปที่ลำคอคุณหมอแทน หล่อนรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองทันที เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ถอยหลังหนีจนติดประตู "จิ้ม! " พอใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ พร้อมกับการกระทำที่ตอกย้ำคำพูดอีก 'เพี้ยะ' มือคุณหมอสวนตบไปที่ศีรษะของเด็กสาวทันควันเหมือนกันด้วยความตกใจ ราวกับคนบ้าจี้ "อะไรเนี่ย! ตบหัวอีกแล้ว ไม่มีคนเคยบอกหรือไงว่าห้ามตบหัวเด็ก เดี๋ยวหนูโง่นะ" "ก็แล้วคิดจะทำอะไรเล่า" ตอบกลับออกมาอย่างหัวเสียเหมือนกัน "ก็แค่จิ้มกระดูกหมอเองนะ" ที่จิ้มเมื่อครู่นั่นคือกระดูกไหปลาร้าที่น่ามองนั่นต่างหาก ไม่ใช่นมที่คุณหมอพยายามยกมือขึ้นมาปิดเสียหน่อย "แค่นี้ก็ทำเป็นโกรธไปได้" ย้ำบอกอีก "แล้วคนปกติที่ไหน เค้าเที่ยวมาจิ้ม มางับ หรือกัดเนื้อตัวคนอื่นกันล่ะ" "ผู้หญิงเหมือนกัน แค่นี้ทำเป็นหวง ให้ทำคืนก็ได้นะ" พูดออกมาอย่างน่าตาเฉย "ลงไปเลยค่ะ" เหนื่อยจะต่อล้อต่อเถียงกับเด็กเจ้าเล่ห์จึงต้องเอ่ยปากไล่อีกครั้งแทน ซึ่งมันก็ได้ผล พอใจยอมลงจากรถแต่โดยดี ทิ้งให้คุณหมอได้แต่เจ็บใจ หลังจากส่งนักศึกษาปีหนึ่งถึงมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ขับรถมายังที่ทำงานของตัวเอง หลังจากเข้าจอดที่ประจำของคุณหมอซึ่งพ่วงด้วยตำแหน่งทางการบริหารโรงพยาบาลด้วยแล้ว สายตาก็พลันไปเห็นกระเป๋าเป้ของพอใจที่วางไว้ด้านหลัง จึงเอี้ยวตัวหยิบมาไว้ที่ตัวเอง ก่อนจะเปิดซิปเพื่อสำรวจสิ่งของภายในอย่างอยากรู้ เพราะกระเป๋าใบโตนั้นหนักอึ้งจนหน้าสงสัย "อะไรเนี่ย พกของแบบนี้ไปเรียนด้วยเหรอ" สิ่งแรกที่เห็นก่อนก็คือ ไม้ยาวๆ สีน้ำตาล ทั้งหนาและหนัก จำได้ดีว่านี่คือ คมแฝก เพราะเคยเห็นในทีวี จึงหยิบออกมาและเสียบไว้ที่เบาะหลังรถแทน จะยอมให้พอใจเก็บของแบบนี้ไว้กับตัวคงล่อแหลมเกินไป หากวันดีคืนดีพกติดตัวไปไหนต่อไหน ซวยแน่!! เพราะนี่ถือได้ว่าเป็นอาวุธ และนอกจากคมแฝกแล้ว ก็ยังมีเสื้อผ้าหนึ่งชุด ผ้าขนหนู กระเป๋ายา เสื่อพับ และหนังสือสอนวาดรูปเล่มหนาอีกสามสี่เล่ม เมื่อได้คำตอบแล้วจึงปิดกระเป๋าแล้ววางไว้ที่เดิม เธอประเมินเด็กอย่างพอใจผิดไปทุกอย่าง ช่างคาดเดาอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ทำให้คุณหมอยิ้มอารมณ์ดี คงต้องศึกษาพฤติกรรมและเฝ้าดูต่อไป "คุณหมอคะ วันนี้มีประชุมสิบโมงกับคณะบริหารค่ะ" พอลงรถก็มีคุณพยาบาลในแผนกรีบเดินตามมาติดๆ เพื่อแจ้งตารางงานที่มักแทรกเข้ามาระหว่างวัน "วันนี้ฉันคงไม่เข้า ฝากบอกท่านผู้อำนวยการด้วยค่ะ" เธอมักปฏิเสธการเข้าประชุมในเวลางานเสมอ เธอว่ามันเสียเวลาในการดูแลเคสฉุกเฉิน "วันนี้คุณหมอสวยกว่าทุกวันแถมยังดูอารมณ์ดีด้วยนะคะ" คุณพยาบาลคนสนิทอดแซวไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประชุม คุณหมอจะอารมณ์ตึงๆ ขึ้นมาทันที ต่างจากวันนี้ที่หล่อนเอาแต่ยิ้มไม่หุบ "เหรอคะ" ตอบแค่นั้น ก่อนจะรีบสาวเท้าห่างออกไปไกล ก็แน่ล่ะ ปกติเธอไม่ค่อยแต่งหน้าจัดเต็มเหมือนวันนี้ แต่ที่ต้องโบ๊ะเสียหนา ก็เพราะ การนอนน้อยเมื่อคืนทำให้ขอบตาดำคล้ำ จึงต้องใช้เครื่องสำอางช่วยปกปิด ทีแรกก็แค่ขอบตาล่างแต่ดันเลยเถิดไปทั้งใบหน้า ไหนๆ แต่งแล้วก็ต้องเอาให้ครบจัดเต็มไปเลย จนดูมีสีสันสดใสต่างจากทุกวัน "ลิงลมเหรอ" นึกถึงเรื่องที่เด็กสาวบอก ก่อนจะเปิดค้นหารูป ลิงลม ในคอมพิวเตอร์ แล้วก็ขำออกมา ก็เจ้าลิงหน้าตาตลกๆ ตัวเล็กขนปุยนั่น น่ารักแบบที่พอใจบอกจริงๆ และที่ขำก็เพราะ ความหลงตัวเองของพอใจ จนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดไปที่รายชื่อผู้ติดต่อ และเปลี่ยนจาก พอใจ เป็น ลิงลม แทน วันนี้ที่มหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาปีหนึ่ง เปิดภาคการศึกษาวันแรกไม่มีการเรียนการสอน แต่มีกิจกรรมตั้งแต่เช้า คือการปฐมนิเทศ "เธอ" เสียงเรียกพร้อมนิ้วที่จิ้มๆ บนหัวไหล่ ทำให้พอใจต้องหันมองตาม "อยู่เอกอะไรเหรอ" ผู้หญิงผมสั้นเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร "จิตรกรรม" "เห้ย... เอกเดียวกัน" หล่อนดูดีใจจนออกหน้าออกตา พลางสะกิดบอกเพื่อนที่นั่งข้างกัน "เราชื่อแก้มนะ ส่วนนี่นุช" แก้มคือคนที่พยายามชวนพอใจคุย และนุชคือผู้หญิงที่นั่งเงียบแว่นหนาเตอะ ไม่หือไม่อือใดใด "เราชื่อพอใจ" จริงๆ แล้วไม่ต้องแนะนำตัวก็ต่างรู้ดี เพราะป้ายที่ห้อยคอ "ย้ายมานั่งนี่สิ จะได้คุยกัน" พอใจนึกอยู่เพียงครู่ จึงรีบย้ายที่นั่ง อย่างน้อยย้ายไปนั่งข้างหลังก็ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว เธอนั่งฟังเหล่าอาจารย์แต่ละคณะบนเวทีที่เวียนกันมาพูดคุยแนะนำการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเซ็งๆ เพราะพอใจยังไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ เด็กสาวย้ายมานั่งกับเพื่อนใหม่ทั้งสอง และคุยกันอย่างออกรสโดยไม่สนใจรอบข้าง ราวกับนั่งกันอยู่แค่สองคน จนเวลาล่วงเลยจบพิธีในช่วงเช้า ทั้งสามพากันแยกตัวออกจากคนกลุ่มใหญ่เพื่อหาที่นั่ง แต่ก็ดูจะยากเสียหน่อย เพราะที่นั่งเกือบทุกที่เต็มหมด จึงพากันเดินเตร็ดเตร่ไกลห่างลานกิจกรรม มายังใต้ต้นไม้ใหญ่หลังลานจอดรถ บริเวณนี้ไม่มีผู้คน และเป็นส่วนตัว แต่ไม่มีม้านั่ง ทั้งสามจึงพากันนั่งที่พื้นแทน "ตอนบ่ายต้องแยกกันเข้าคณะ มีรับน้อง" แก้มบอกเพื่อนๆ "อยากกลับบ้านแล้วอะ ไม่อยากทำกิจกรรม" พอใจงอแง ดูดน้ำแดงในแก้วอย่างเซ็งๆ "เขาบังคับ ทุกคนต้องทำ" "เพื่อนแก้มพูดได้หรือเปล่า" ประโยคนี้แอบกระซิบถามเบาๆ "พูดได้" แต่คำตอบนั้นออกจากปากของนุชแทน พาให้พอใจยิ้นแหยๆ "ก็ไม่เห็นพูดเลย" แก้ตัวเสียงอ่อน "นุชมันเป็นแบบนี้แหละ พูดน้อย แต่ฉลาดมาก" ได้ทีโอ้อวดเพื่อน และเหมือนพอใจจะแอบเห็นหล่อนกระตุกยิ้มเพียงนิด และกลับมาหน้านิ่งดังเดิม "กินข้าวกันเถอะ ตอนบ่ายต้องใช้แรงเยอะ เพราะได้ข่าวมาว่าที่นี่รับน้องโหดมาก" "จริงเหรอ" ใบหน้าพอใจถอดสีเพราะความกังวล "แต่ไม่เป็นไรหรอก เราแค่ต้องทำตามคำสั่ง อย่าเถียง ไม่งั้นจะซวยกันหมด" คำพูดของแก้ม เหมือถีบพอใจตกเหวแล้วมานั่งทายาให้ เพราะมันไม่ได้ทำให้พอใจรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด "นัดบ่ายโมงแล้วทำไมเพิ่งมา! " เสียงรุ่นพี่ ที่ใครๆ ต่างพากันเรียกพี่ว้าก กำลังตะโกนใส่หน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว โชคดีที่พอใจและเพื่อนๆ มาตรงเวลา แต่ก็อดสงสารผู้โชคร้ายคนนั้นไม่ได้ "คือ หนู หนูไม่รู้ว่าต้องมาที่นี่" "ไม่ได้ฟังตอนปฐมนิเทศรึไง! " เขายังส่งเสียงตะคอกไม่หยุด "ขอโทษค่ะ" ยกมือไหว้รุ่นพี่คนนั้น "ทำไมต้องดุแบบนั้น" หันไปกระซิบกับแก้มอย่างไม่พอใจ "เขาเป็นรุ่นพี่" "แค่รุ่นพี่ไม่ใช่พ่อเสียหน่อย บ้าหรือเปล่า" "สองคนนั้นคุยอะไรกัน! " นอกจากไอ้รุ่นพี่บ้านั่นที่กำลังตะโกนใส่หน้าผู้หญิงคนนั้นแล้ว ยังมีพวกลิ่วล้อที่เดินคุมพวกเธอราวกับเห็นว่า น้องปีหนึ่งเป็นนักโทษมากกว่านักศึกษา "ลุกขึ้นมา! " เขาย้ำอีก "ออกมายืนตรงนี้! " หลังจากนั้นก็มีอีกเสียงเร่งเร้า ให้ออกไปยืนข้างหน้า พอใจและแก้มจึงจำต้องลุกเดินไปข้างหน้า เพราะสายตาเซ็งๆ ของเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ส่งมา "คุยอะไรกัน! " พอใจและแก้มสะดุ้งพร้อมกัน เริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่มาสาย "เมื่อกี้นินทารุ่นพี่เหรอ! " "ไม่ใช่ค่ะ" แก้มตอบอย่างรนราน "แล้วคุยอะไรกัน! " ไอ้บ้านี่จะอยากรู้อะไรนักหนาเซ้าซี้เหลือเกิน พอใจไม่ตอบได้แต่คิดในใจและมองค้อน "ทำไม! มองแบบนั้นทำไม จะหาเรื่องเหรอ" "เออโว้ย! " คำตอบของพอใจทำให้ทั้งบริเวณฮือฮา สำหรับรุ่นพี่พากันตาเขียวปั้ดใส่ด้วยความโกรธที่กล้าปีนเกลียว ส่วนบรรดาน้องปีหนึ่งเริ่มหัวเสีย โกรธพอใจเหมือนกันที่ทำเรื่อง กลัวว่าตัวเองจะโดนลูกหลงไปด้วย "กล้าพูดแบบนี้กับรุ่นพี่ได้ไง! " "แล้วทำไมรุ่นพี่ต้องพูดไม่ดีกับรุ่นน้องด้วย เป็นคนเหมือนกันควรจะปฏิบัติให้เท่าเทียมสิ ไม่ใช่เห็นว่าเด็กกว่าแล้วข่ม" "ปากเก่ง! ทุกคนจำชื่อเพื่อนคนนี้ไว้นะ มันจะทำให้ทุกคนซวย" เขาเดินเข้ามาใกล้และหยิบป้ายชื่อที่คล้องคอมาอ่าน เขายิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยออกมา "พอใจ! ชื่อจริง พิศมัย" "หน้าตาก็ดี ชื่อพิศมัย โคตรโบราณเลยว่ะ" แถมยังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เรียกเสียงหัวเราะแห้งๆ จากเพื่อนๆ "ทุกคนลุก! ลุกนั่งห้าสิบ ยกเว้นเพื่อนชื่อพิศมัย เร็ว! " ทุกคนต่างทำตามทันทีโดนไม่อิดออด พอใจได้แต่ยืนนิ่งมองเพื่อนร่วมคณะ ด้วยความรู้สึกผิด เสียงนับจากหนึ่งถึงห้าสิบเงียบลงต่อด้วยเสียงหอบเหนื่อยของเพื่อนๆ แทน "คราวนี้จะรู้ตัวเองหรือยังว่าทำผิดอะไร ทีหลังอย่ามาเก่งกับรุ่นพี่" "ขอโทษพี่เขาซะ" รุ่นพี่อีกคนช่วยเสริม "ทำไมต้องขอโทษ ไม่ได้ทำอะไรผิดโว้ย! " "ทุกคน! ลุกนั่งเพิ่ม ห้าสิบ" นั่นเกิดเสียงบ่นตามมาทันที แต่ คนอย่างพอใจจะไม่ยอมให้เพื่อนมาถูกทำโทษแทนแน่นอน "หนูขอรับผิดชอบแทนเพื่อน! " "ตัวแค่เนี้ย ทำเป็นปากเก่ง จะมีปัญญารับผิดอะไร" "ก็ลุกนั่งแทนเพื่อน" "ได้! เพื่อนทั้งหมดมีร้อยยี่สิบเอ็ดคน คูณ ห้าสิบ ก็ หกพันห้าสิบ ถ้ามีปัญญาก็ทำสิ หก พัน ห้า สิบ" "ห๊ะ! " แค่สิบทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไหวหรือเปล่า แต่นี่หลักพันเลยเชียว "เร็วสิ! " เขาเร่งเร้า พอใจจึงต้องจำยอม พูดคำไหนคำนั้น เริ่มทำตามที่สั่ง "หนึ่ง สอง สาม..." ลุกนั่งอย่างยากลำบากไม่ได้ทะมัดทะแมง และช้าไปด้วยซ้ำ "เร็วๆ เพื่อนรอไม่เห็นเหรอ! " พอใจค้อนควับ เป็นไงเป็นกันวะ หยุดทันที และ 'ปั้ก' มือเล็กๆ ของพอใจทุบไปที่หัวของรุ่นพี่ที่เอาแต่ใช้อำนาจสั่งโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าผ้าที่สะพายอยู่ ยกฟาดหน้าเขาเต็มๆ จนได้ยินเสียง 'ปั้ก' อีกครั้ง และ "เห้ย! ซวยแล้ว" เห็นเลือดไหลออกจากปลายจมูกของรุ่นพี่ เห็นบางอย่างใสๆ พุ่งออกมา ได้แต่เพ่งมองแท่งนั้นด้วยความสงสัย แต่ "ว้าย! อีเด็กบ้า" เสียงกรี้ดโวยวายจากรุ่นพี่ชายที่ถูกพอใจทำร้าย รุ่นน้องต่างพากันนิ่งอึ้งและหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน ก็อยู่ๆ คนที่ดูจะโหดที่สุดกลับกลายมากรี้ดเป็นสาวแตก รุ่นพี่ทั้งชายหญิงรีบวิ่งเข้าปฐมพยาบาลเพื่อนชายใจสาวทันที 'อะไรอยู่ในกระเป๋าวะ' เอ่ยออกมาเบาๆ อยากรู้สาเหตุว่าสิ่งใดที่ทำให้รุ่นพี่เลือดตกยางออก 'ปลากระป๋อง' บ้าไปแล้ว ของที่ชอบทานดันกลายมาเป็นอาวุธได้ หลังจากนั้นก็เกิดชุลมุนวุ่นวายไปหมด คนเจ็บถูกพาส่งโรงพยาบาล ไม่เหลือรุ่นพี่สักคน มีเพียงรุ่นน้องที่ถูกทิ้งให้เคว้งคว้างเป็นกลุ่มใหญ่ "กลับบ้านกันเถอะ" พอใจสรุปให้เพื่อนๆ ทุกคน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นว่าดันมาเชื่อเด็กสาวจอมสร้างเรื่องและยิ้มให้อีก "ทำไมเลิกไวคะ" เพราะพอใจส่งข้อความมาหาตั้งแต่บ่ายสอง ซึ่งจากตารางวันนี้แล้วเด็กสาวเลิกเรียนห้าโมง จึงจำต้องรอหล่อนที่มหาวิทยาลัย เพราะงานคุณหมอยังไม่เสร็จ ซึ่งก็โชคดีที่มีแก้มและนุชอยู่เป็นเพื่อนกัน "ก็ ก็วันนี้วันแรก ครูไม่สอน กิจกรรมก็ไม่มี" เด็กสาวโกหกทั้งเพ "แล้วทำอะไรบ้างคะวันนี้" ถามออกมาทั้งที่สายตากำลังจดจ้องกับการจราจรบนท้องถนน แต่พอใจดันเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดแทน "หมอ หมอ...วันหยุดนี้พาไปส่งขึ้นรถที่ท่ารถทัวร์หน่อย จะกลับบ้าน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD