“จะข่มเหงอาให้ร้องครางอยู่ใต้ร่างหนู”
“ว้าว! เหมือนนางเสือสาวเลยนะ”
“ไม่ชอบให้หนูเป็นเสือเหรอคะ”
“อยากให้เป็นลูกแมว”
เขาไล้แขนผ่องของเธอ
“จะเป็นลูกแมวก็ได้ค่ะ”
เธอลูบไล้แก่นกายแข็งแรงของเขา มันกำลังตื่นตัวเพราะการปลุกเร้าจากมือนิ่มๆ ของเธอ
เธอจุ๊บไปสองที บ่งบอกถึงความรักที่มีให้เขาอย่างบริสุทธิ์ใจ อุ้งมือใหญ่เลื่อนไปลูบศีรษะของเธอเบาๆ ให้เธอกลืนกินเขาอย่างที่อยากทำ
เธอแตะปลายลิ้นระรัวกับส่วนปลายของความแข็งแกร่ง เขาวางศีรษะบนหมอนพึงพอใจกับสัมผัสแสนวาบหวามนั้น
เธอลากลิ้นไปกับความยาวของลำกายชาย ความแข็งแกร่งนั้นทำให้เธอน้ำลายสอ ปลุกเร้าเขาจนพึงพอใจก็ค่อยๆ ขยับกายให้ส่วนสาวฉ่ำเยิ้มสัมผัสกับส่วนปลาย เธอลากไล้เสียดสีความฉ่ำกับความเยิ้มของแก่นกายชาย ก่อนจะค่อยๆ กดกายลงไปหา สวมครอบจนมิดเม้น
“อ๊าส์...”
ทั้งสองครางพร้อมกัน เธอบดกายลงไปเสียดสีกับเรือนกายชายแนบแน่น เส้นไหมแข็งแกร่งเสียดสีกับเส้นไหมอ่อนนุ่มพัวพันลึกล้ำแน่นแฟ้น
“สะ... เสียวจังค่ะคุณอา”
“มากไหม”
เขากระดกสะโพกขึ้นดุนดันใส่เธอ ทำให้ร่างสาวขยับโยกย้ายไปมา
“มากค่ะ อื้อ...”
เธอวางมือบนหน้าท้องแกร่งของเขา มองสบตาเขาอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสวยหวาดหยาดเยิ้ม
“ไหน... ให้อากินนมหน่อย”
เขากวักมือเรียกเสียงแหบพร่า เธอยังบดกายกับแก่นชายของเขา แต่ยังไม่ขยับมากมาย เพียงแค่นี้ก็เสียวจับจิตจับใจ แค่เธอขมิบรัดความคับแคบกับแก่นกายชายแข็งแรง เขาก็เสียวสุดใจ ร่างแกร่งกระตุกเล็กน้อย กุมสะโพกเอาไว้อย่างแน่นหนัก
ณัฐขยับสะโพกโยกกายไปพร้อมๆ กับเธอ เธอขยับรุก เขาก็รับ เธอดีดดิ้นร้องครางอยู่บนร่างของเขา สะโพกผายโยกขยับควบขี่อยู่บนกายเขาเหมือนจ๊อกกี้สาว
เขากุมสะโพกเธอเอาไว้ ก่อนจะยกร่างของเธอให้นั่งทับบนตักของเขา ทั้งสองนั่งประจันหน้าเข้าหากัน ต่างโยกกายรุกรับกันอย่างเมามัน เนื้อกายที่เสียดสีกันก่อเกิดความเสียวซ่านจับจิตจับใจ
เธอกอดคอเขาเอาไว้แน่น ตวัดเรียวขาอวบกับเอวหนาของเขา คล้ายเด็กเล่นโยกโย้ แต่เธอกับเขาไม่ใช่เด็กๆ นั่นเอง
ณัฐกดร่างสาวน้อยลงแนบชิดกับเตียงกว้าง เขาตระหนักว่าพลาดหนักกับการลืมสวมเครื่องป้องกัน มันไม่ดีแน่หากเธอจะเกิดพลาดพลั้งท้องขึ้นมา เพราะเธอเองจะเสียหาย
“ยัยเด็กบ๊อง อาลืมป้องกัน”
“ไม่ใช่อาหรอกค่ะที่ลืม หนูดีต่างหาก เมื่อกี้เสียบลงไปมิดโคนเลย ลืมว่าต้องใส่ถุงยางอนามัยให้อาก่อน”
“เซี้ยวนักนะ”
“ไม่ท้องหรอกค่ะ”
“อาเป็นห่วงอนาคตเรา”
“หนูกินยาคุมแล้วค่ะ”
“กินเข้าไปทำไมเป็นเด็กเป็นเล็ก”
เขาทำเสียงดุ จะเสียผู้เสียคนกับเด็กก็วันนี้แหละ
“หนูไม่เล็กนะคะ”
เธอจับอุ้งมือใหญ่ของเขามาสัมผัสกับหน้าอกอวบๆ ของเธอ เขาเคล้นคลึงเบาๆ
“อื้อ...”
“รู้ว่าไม่เล็ก แต่อาไม่อยากให้กินนะ”
“เพื่อนๆ หนูเขาก็กินกันทั้งนั้น”
ณัฐฟังเด็กสาวพูดแล้วอ่อนใจ แต่ตอนนี้อย่างอื่นของเขาไม่อ่อนเลย มันแข็งชันพร้อมที่จะทะลวงล้ำเข้าไปในกายสาวให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ เรื่องอื่นคงต้องคุยกันในโอกาสหน้า
กว่าณัฐจะแอบออกมาจากบ้านของนุดีได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก เพราะเด็กสาวต้องหลอกล่อบิดาไปอีกทางหนึ่ง
รุ่งขึ้นเขาก็บังคับเด็กสาวกลายๆ ให้พาเขาไปรู้จักกับปู่ย่าตายายของเธอ นุดีไม่กล้าแนะนำว่าเขาคือใคร แต่ณัฐไม่สน เขาเสนอหน้าแนะนำตัวเอง ดูเหมือนปู่ย่าตายายของเธออ้าปากค้างไปพร้อมๆ กัน เพราะนัดมาเจอกันครั้งเดียว โดยนุดีบอกว่ามีเรื่องสำคัญ ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ปู่ย่าตายายของเธอก็จะเดินทางมาทันที ปู่ย่านั้นอยู่ทางเหนือ ส่วนตายายนั้นอยู่ทางอีสาน ล้วนแล้วแต่มีฐานะทั้งสิ้น เคยแย่งกันพานุดีไปเลี้ยง แต่พ่อแม่ของนุดีก็กลับไปแย่งกันเอามาเลี้ยงเองที่กรุงเทพฯ
“อะไรนะ” เสียงของผู้ใหญ่บ่งบอกว่าตกอกตกใจขนาดไหน
“ชิงสุกก่อนห่ามเหมือนแม่แกไม่มีผิด” เสียงแบบนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณยายบังเกิดเกล้า
“แล้วคิดเหรอว่าผู้ชายจะรับผิดชอบ”
คุณยายของเธอเหมือนจะพูดกระแทกกระทั้นใครแถวนั้น คนแถวนั้นที่โดนพูดจากระแทกก็ถึงกับกระแอมเบาๆ
“ฮะ... แฮม ในเมื่อมาถึงขนาดนี้ จะเอายังไง”
คุณย่าของนุดีดูจะมีสติที่สุด อีกฝ่ายพินิจพิจารณาณัฐตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ผมจะรับผิดชอบนุดีทุกอย่างครับ ผมเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำอะไรไปก็ควรจะยั้งคิด แต่ก็ยัง...”
“อาณัฐไม่ผิดนะคะ หนูดีจับอาณัฐปล้ำเอง”
“แค่กๆๆๆ”
ผู้ใหญ่ทุกคนสำลัก ณัฐเองก็ไม่เว้น กาแฟแทบพุ่งออกมาจากปากของเขา
คนนั่งอยู่ใกล้ๆ ร้อนใจ ทะลุกลางปล้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผู้ใหญ่ทั้งสี่ได้แต่อ้าปากค้าง บางทีก็คิดว่าการที่บิดามารดาปล่อยปละละเลยนุดีเลยเป็นคนแบบนี้
“หนูดี หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อน ปู่กับย่าและก็ตากับยายจะคุยกับพ่อณัฐหน่อย”
น้ำเสียงของคนเป็นย่าทำให้นุดีหน้างอ เธอมองเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย กลัวเขาจะถูกญาติผู้ใหญ่ของเธอรุมตำหนิ เธอห่วงเขาจริงๆ นะ
“ค่ะคุณย่า”
แต่ก็ต้องรับคำเมื่อเขาพยักหน้าให้เธอออกไปก่อน เขาไม่เป็นไร
นุดีออกไปแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ก็รุมซักถามณัฐกันใหญ่ ชายหนุ่มไม่ได้เกรงกลัวแต่ก็เกรงใจอยู่มาก
“อายุตั้งสามสิบหกแล้ว ไม่ใช่จะหลอกฟาดเด็กหรอกนะ”
คุณยายไม่ใคร่จะชอบใจนักหรอก แต่มันก็พลาดไปแล้ว คิดเรื่องนี้ทีไรก็นึกถึงบุตรสาวของตัวเองทุกคราไป
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยครับ”
“ไปไงมาไงล่ะถึงได้รู้จักกัน”
“หนูดีอยู่บ้านใกล้ผมน่ะครับ เธอมีปัญหาครอบครัวก็เลยชอบปีนรั้วมาบ้านผมประจำ ผมจับได้ในวันหนึ่งก็เลยได้รู้จักกัน”
“หลานฉัน ปัดโธ่เอ๊ย! ลิงทะโมนหรือไง”
คนเป็นยาย ตบอกตัวเอง แต่ตากับปู่นั้นดูเหมือนจะคอยสังเกตว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง
ปู่ของนุดีก็เจ้าชู้ เลยดูผู้ชายเจ้าชู้ออก แต่ณัฐดูไม่เจ้าชู้ เป็นคนมีสัมมาคารวะ กล้าพูดความจริง เลยนิ่งเอาไว้ เพราะถ้าจริงๆ แล้วมาทำหลานสาวสุดที่รักขนาดนี้ ได้ควักปืนมายิงทิ้งไปแล้ว
“ผมไม่ได้ถือโทษโกรธหนูดีนะครับ เธอน่าสงสารมาก”
“เรื่องนั้นก็จริง พ่อแม่เขาไม่เอาไหนเลย”
คุณย่าเป็นคนพูดและทำให้ทุกคนยอมรับ จากที่พูดจาจิกกัดกันตอนแรกก็เงียบไป
“แล้วเราน่ะทำงานการอะไร ลูกเต้าเหล่าใคร ขอโทษนะที่ต้องถามตรงๆ พวกเรามีหลานสาวคนเดียว ย่อมห่วงเป็นธรรมดา”
“ไม่ว่าครับ นี่นามบัตรผมครับ”
“ณัฐ ธาราเลิศเกียรติ เอ๊ะ! นามสกุลคุ้นๆ ว่าไหม”
คุณย่าเป็นคนกว้างขวางไม่แพ้คุณตากับคุณยายขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะนามสกุลคุ้นๆ ของชายหนุ่ม
“ผมเป็นลูกชายคนเล็กของคุณพ่อปรีดีกับคุณแม่ทิพย์ธาราครับ”
“ตายแล้ว ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันนี่นา จริงไหม”
คุณย่าหันไปพูดกับคุณตาและคุณยาย จากใบหน้าที่เคร่งเครียดในคราแรก แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที
ปรีดีกับทิพย์ธาราเป็นเจ้าของโรงแรมหรูหลายที่ในประเทศไทย แถมทั้งสองยังมีประวัติที่ดี คุณปรีดีนั้นเป็นคนที่รักภรรยามาก ไม่เคยเจ้าชู้นอกลู่นอกทาง ได้ข่าวว่ามีลูกชายและลูกสาวหลายคนช่วยกันดูแลกิจการโรงแรมหรูหลายที่ แต่ลูกชายคนนี้ พวกท่านไม่เคยเห็น
“แต่ย่าไม่เคยเห็นเรามาก่อนเลย เคยเจอแต่กับพ่อแม่เรา”
“ผมไปอยู่เมืองนอกกับคุณอาตั้งแต่เด็กครับ ท่านไปเปิดร้านอาหารที่โน้น”
ครอบครัวของณัฐถือว่าร่ำรวย มีร้านอาหารและโรงแรมในเครือเยอะแยะ
“แล้วเราทำงานอะไรล่ะตอนนี้”
“ผมเป็นเชฟอยู่ที่โรงแรมครับ ชอบทำอาหารมากกว่าจับงานบริหาร ก็เลยขอคุณพ่อกับคุณแม่ทำในสิ่งที่รักมากกว่า”