“ไหวค่ะ”
“ไม่คิดเลยเหรอ ถ้าอาจัดให้ทั้งคืน รับรองว่าเราเดินขาสั่นลงจากเตียงแน่ๆ”
“อาณัฐเก่ง”
“อ้าว... ไหนเราบอกว่าอาทำไม่เป็นไง”
“ที่ไหนคะไม่ได้พูดเสียหน่อย”
เธอตีมึนอีกแล้ว เขาดีดหน้าผากเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู
“หน้ามึนตลอด” เขาจูบหน้าผากนูนเกลี้ยงของเธอแรงๆ
“เปล่านะคะ หนูดีแค่บอกว่าถ้าอาณัฐทำไม่เป็น ศึกษาจากภาพเคลื่อนไหวก็ได้”
ณัฐไม่พูดโต้ตอบกับเธออีกเพราะตอนนี้เขาทนไม่ไหวกับความทรมานที่ได้ฝังอยู่ในร่างของเธอ เขาขยับอีกครั้ง เสียงหยาดน้ำฉ่ำแฉะดังเป็นจังหวะรักจะโคน นุดีร้องครางอยู่ใต้ร่างในขณะที่เขากุมสะโพกนวดเฟ้นอย่างมันมือ
“เขาบอกว่าผู้ชายมีอายุชอบเด็กผู้หญิงเหรอคะ”
“ไม่ชอบเด็ก ชอบสาวๆ นี่แหละ แต่ไม่ใช่อา”
“อาไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบสาว ชอบผู้ชายเหรอคะ”
“แค่กๆๆๆ”
ณัฐสำลักกับความทะเล้นของเธอ เขารวบขาดเธอพาดบ่าอีกครั้ง สะโพกผายของเธอโย้ขึ้นเพราะโดนสอดเสียบมิดเม้น นุดีร้องครางเสียงหลง รู้ตัวว่าโดนเขาทำโทษ
“หนูดีแค่พูดเล่น”
“อาไม่ชอบไม้ป่าเดียวกัน”
“แล้วอาชอบแบบไหนคะ”
“แบบหนูดีนี่แหละ”
คำตอบพร้อมแรงกระแทกกระทั้งที่ฝังเข้าหาทำให้นุดี หวีดร้องไปถึงสวรรค์ในเวลาต่อมา
นุดีเพิ่งเข้าใจคำว่าขาสั่นแทบเดินไม่ไหวจริงๆ จังๆ ก็วันนี้เอง จะโทษว่าเป็นความผิดของเขาก็ไม่ได้เพราะเธอยั่วเขาเอง
สามวันกับการถูกกักตัวเอาไว้บนเตียง บทรักของเขาวาบหวามทุกลีลารัก เธอแทบสำลักความเสียวจนขาดใจตาย เขาป้อนข้าวป้อนน้ำ อุ้มเธอไปอาบน้ำและกลับมาคลุกเคล้าจนเธอหนีไปไหนไม่พ้น ซอกทางรักฉ่ำเยิ้มอยู่ตลอดเวลาเพราะโดนกระแทกกระทั้นฝากฝังจากแก่นชายแทบไม่ได้หยุดหย่อน เขาบอกว่าอย่าไปสบประมาทผู้ชายก็คงเป็นแบบนี้เอง
น่าอายไหมล่ะนุดี ไปบอกว่าเขาทำไม่เป็น ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย อายุอานามตั้ง 36 ปีเข้าไปแล้ว เขาเก่งกว่าเด็กไร้เดียงสาแต่ดันแก่แดดแบบเธอแน่นอน
นุดีหน้าแดงเมื่อโดนอุ้มลงมาจากห้อง เธอขาสั่นจนเดินไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร ยินดีและเต็มใจอุ้มเธอลงมาจากห้องนอนอย่างน่ารัก
“อยากกินอาอีกไหม”
เขากระซิบถามเมื่อวางเธอให้นั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร นุดีรีบส่ายหน้าดิก เขาหัวเราะอย่างเอ็นดู แต่เธอหน้างอ
“หน้างอทำไม อยากให้อากินอีกก็บอกนะ”
เขาหยิกแก้มอย่างมันเขี้ยว เธอค้อนเขา มองตามร่างสูงที่เดินเข้าครัวไปสักครู่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมอาหารเช้าหอมกรุ่น
วันนี้มีขนมปังกรอบไส้สับปะรด นมสด ไข่ดาวกรอบนอกด้านในเยิ้มน่ากิน สลัดผักผลไม้รวม และข้าวต้มปลาหอมฉุย
“ป้อนไหม”
“ป้อนกับปากนะคะ”
เธอพูดอย่างแสนซน ณัฐไม่เกี่ยงงอนเขายกร่างขาวอวบไปนั่งบนตักก่อนจะป้อนขนมปังเธอด้วยปาก
“อร่อยไหม อื้ม...”
เขาเอ่ยถามขณะป้อนหมดชิ้น เธอก็บดจูบเขาอย่างเร่าร้อน หาเรื่องให้คลานลงจากเตียงอีกนะยัยเด็กบ๊อง เขาโยกศีรษะของเธอไปมาอย่างเอ็นดู
“อร่อยมากค่ะ ปากอาณัฐน่ะอร่อย”
“อยากกินอาอีกแล้วเหรอ”
“พักก่อนนะคะ ขาสั่นไปหมดแล้ว แทบเดินไม่ได้”
“แต่ก็ยังยั่วอา ทนไม่ไหวจับกดบนโต๊ะอาหารนะ”
“อาณัฐไม่เหนื่อยเหรอคะ”
เขาส่ายหน้าไปมา ก็บอกเธอไปแล้วว่าเขาไม่มีวันเหนื่อย เพราะเขามีอารมณ์เสมอเมื่ออยู่กับเธอ
“อาณัฐมีอารมณ์ตลอดเลยเหรอคะ”
“ก็ตลอดเวลาที่อยู่กับหนูดี”
“แล้วอยู่ข้างนอกล่ะคะ”
“ไม่หรอก เดี๋ยวเป้ากางเกงตุงเขาจะหาว่าอาลามก”
“ก็ดีนะคะ”
“ดียังไง”
“ก็ดีที่อาณัฐไม่ตายด้าน รู้จักขยันทำการบ้าน คิกๆ”
เธอหัวเราะเสียงใส เขาตีและขยำก้นเธอเบาๆ คล้ายจะทำโทษ เธอครางเมื่อเขาลูบวนลงไปยังโคนขา
“ดีอีกข้อคืออาณัฐจะได้ไม่ไปเจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่น”
“อาไม่ใช่คนเจ้าชู้”
“ดีแล้วค่ะ หนูดีไม่อยากมีแฟนเป็นคนเจ้าชู้เหมือนพ่อ”
“ผู้ชายทุกคนไม่เหมือนกันหรอกนะ”
“ใช่ค่ะ อาณัฐของหนูดีน่ารักกว่าผู้ชายทุกคนบนโลก”
เธอซบอกเขา ลูบไล้เบาๆ อย่างหวงแหนและแสนรัก เขาเป็นคนที่เธอรัก อยากจะฝากชีวิตเอาไว้ตลอดไป
“อาอยากไปทำความรู้จักกับครอบครัวหนูดีนะ”
“จะดีเหรอคะ”
“ทำไมจะไม่ดีล่ะ หรือว่าได้อาแล้วจะเขี่ยทิ้ง รู้ไหมขาอ่อนของอาไม่มีใครได้เห็นง่ายๆ หรอกนะ”
นุดีหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง หยิกแก้มคนขี้งอนไปมา เธอมีความสุขเสมอเมื่ออยู่กับณัฐ ตอนแรกๆ เขาขรึมดูดุ แต่พออยู่ๆ กันไปเขาน่ารักเหลือเกิน
“ที่ทำงานอาณัฐคงรักอาณัฐน่าดูเลยนะคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็อาณัฐตลกดี อยู่ด้วยแล้วไม่เครียด”
“อาตลกกับคนที่อารักเท่านั้น เพราะอาไม่อยากให้เขาเครียด อาเลือกตลกหรอกนะ”
ณัฐกดคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเธอออก แม้ภายนอกนุดีจะดูเซี้ยวซ่าหรือซน แต่ลึกๆ แล้วเขายอมรับว่าเด็กสาวขาดความอบอุ่น
เธอโหยหาใครสักคนมาทดแทนความเงียบเหงาที่ถูกทิ้งขว้างตั้งแต่เด็ก ถ้าจะมีความใส่ใจของพ่อแม่บ้างก็เพราะต่างฝ่ายต้องการเอาชนะว่าฉันดูแลลูกดีกว่า
การเกิดมาเป็นพ่อแม่นั้นใช่แต่สักว่ามีอะไรกันจนท้องและคลอด แต่มันต้องมีสามัญสำนึกในความเป็นพ่อแม่ การให้กำเนิดลูกมาคนหนึ่งแล้ว มันต้องดูแลให้ดี ให้เขาเติบโตเป็นเยาวชนที่ดี ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวไม่เหมาะสมให้ลูกเห็น
“หนูดีหวงนะคะ ห้ามอาณัฐไปตลกกับผู้หญิงคนไหนนะคะ”
“รับปาก”
เขายกนิ้วก้อยขึ้นเกี่ยว เธอยิ้มยิงฟัน ชอบที่เขาปรับตัวเข้ากับเด็กๆ อย่างเธอ ไม่ตีหน้าขรึมหน้ายักษ์อยู่ตลอดเวลา
“อาณัฐน่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ”
เธอหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ออดอ้อนอยู่บนตักเขา ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่สุด
“อาณัฐไปเที่ยวบ้านหนูดีไหมคะ”
เธอชวนเขาไปเที่ยวบ้าน บิดามารดาหายไปหลายวันคงกำลังสนุกสนานร่าเริงกับการกินเด็ก เธอชินเสียแล้ว และไม่ได้สนใจด้วยว่าพวกท่านจะไปไหน ขอแค่มีณัฐอยู่ใกล้ๆ ก็เพียงพอแล้ว
“นึกยังไงชวนอาไปเที่ยวบ้าน”
“ก็อยากให้อาณัฐไปทำความรู้จักกับบ้านของหนูดีไงคะ เผื่อเปลี่ยนบรรยากาศไปค้างบ้านหนูดีไง คิกๆ”
“คิดเรื่องลามกอยู่ล่ะสิ”
“หรืออาไม่ชอบ”
“ชอบให้เมียลามก”
“คิกๆ เรียกเมียแล้วจั๊กจี้จังเลยค่ะ”
“ไปสิ แต่ไปทางหน้าบ้านนะ ปีนรั้วไปไม่เอานะ”
เขาโยกศีรษะเธอไปมา
“หนูดีว่าจะชวนปีนรั้วเสียหน่อย”
“เราน่ะลูกลิงกลับชาติมาเกิดหรือไง เกิดตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง”
“ไม่ตกหรอกค่ะ หนูดีน่ะเซียนแล้วค่ะ เรื่องการปีนป่าย”
“ไปทางหน้าบ้านน่ะดีแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณอา”
นุดีพาณัฐไปเที่ยวบ้านของเธอ และพาเจ้าดุ๊กดิ๊กไปด้วย เจ้ามู่ทู่งงๆ กับชื่อของตัวเอง แต่พอณัฐให้เด็กสาวเรียกมันตามที่ชอบ มันก็รู้ว่านี่คือชื่อใหม่ของมันไปโดยปริยาย
“บ้านของหนูดีสวยไหมคะ”
“สวยดี”
“หนูดีจัดบ้านเองนะคะ”
“เก่งนะ”
“ว่างๆ มันเบื่อๆ เงียบๆ เหงาๆ ก็จัดบ้านเอง”
เธอกุมมือเขาเดินเข้าบ้าน ณัฐสัมผัสได้ถึงความเงียบเหงา ใบหน้าของคนข้างๆ เศร้าสร้อย บ่งบอกถึงความหงอยเหงาที่ได้รับจากบ้านหลังนี้ บ้านซึ่งไร้ความสุขอย่างสิ้นเชิง
“จะชวนอาณัฐมาเอาของหรอกค่ะ ไม่อยากชวนมานอนที่นี่หรอก บ้านหลังนี้มันเงียบเหงา”
“ลองให้อานอนเป็นเพื่อนดูบ้างไหม บ้านอาจจะไม่เงียบเหงาก็ได้”
“จะดีเหรอคะ”
เธอถามกลับแต่ยิ้มแป้นให้เขา
“คิดว่าดีไหมล่ะ”
“ไปชมห้องนอนของหนูดีก่อนไหมคะ”
“แก่แดดชวนผู้ชายขึ้นห้อง”
“ก็ผู้ชายคนนี้น่ากินนี่คะ”
เธอยิ้มหวานโปรยให้เขา ณัฐถึงกับตาพร่า เขาชอบให้คนตรงหน้ายิ้ม เพราะเวลาเธอยิ้มเขารู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างสดใสเหลือเกิน แม้ดวงตานั้นจะเศร้าอยู่บ้าง
นุดีรู้สึกว่าณัฐเหมือนสายน้ำเย็นฉ่ำที่มาหล่อเลี้ยงหัวใจของเธอ มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก