เซี่ยเจียวหงไม่ใช่คนที่ชอบพูดหรือชอบวุ่นวาย เธอจึงจัดการ เรื่องนี้แบบรวบรัด และอีกอย่างเธอไม่เคยมีความรัก จะให้มานั่งมองสามีภรรยาหรือคนรักส่งสายตาให้กันบอกเลยว่าเธอไม่ชิน
“เดี๋ยวค่อยกลับไปพลอดรักกันที่บ้านดีกว่า เอาเรื่องตรงหน้าก่อน สรุปบ้านเซี่ยจะเอาอย่างไร กับอาเหยาและคนรัก จะจัดงานแต่งให้ทั้ง สองคนหรือว่าจะตัดชื่อของเซี่ยเหยาเหยาออกจากตระกูล”
ขณะที่พูดเซี่ยเจียวหงส่งสายตาให้น้องต่างแม่ ไม่ให้เธอพูดอะไร เซี่ยเหยาเหยาไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวที่เปลี่ยนไปทั้งรูปร่างและนิสัยทำให้เธอเชื่อมั่นว่าช่วยเธอได้ ต่อให้บ้านเซี่ยจะตัดชื่อเธอออกจากตระกูลก็ตาม
“ฉันไม่ต้องการให้หลานชั่วมีชื่ออยู่ในตระกูลเซี่ยอีก ไล่มัน ไปซะ”
ปู่เซี่ยพูดขึ้นด้วยความโกรธและเกลียดหลานที่ตัวเองรัก แต่ถ้า ทำให้เสียชื่อเสียงเขาก็ไม่ยินดีและพร้อมที่จะตัดขาด แต่พอมองไปทางทุกคนในบ้านเซี่ยเห็นสีหน้าและแววตาคล้ายกับเห็นด้วยกับคำพูดของ ปู่เซี่ย
เซี่ยเจียวหงจึงให้คนไปตามผู้นำหมู่บ้านมาพร้อมกับหนังสือ ตัดขาด
“แน่ใจแล้วนะว่าจะตัดขาดกับเหยาเหยา”
เมื่อผู้นำหมู่บ้านมาถึงจึงเอ่ยถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง แต่พอเห็น สีหน้าของทุกคนบ้านเซี่ยจึงลงมือเขียนหนังสือตัดขาดให้กับ เซี่ยเหยาเหยาทันที
“พ่อ แม่ ปู่ ย่า อาเหยาเป็นคนไม่ดี จากนี้ไปดูแลตัวเองด้วยนะ จะไม่มีหลานชั่วคนนี้มาคอยกวนใจอีกแล้ว และขอบคุณที่เลี้ยงดูอาเหยาจนสอบเข้ามหาลัยได้ อาเหยาลาก่อน”
เซี่ยเหยาเหยาและคนรักคำนับบ้านเซี่ยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินตามเซี่ยเจียวหงกลับบ้านซือ
“ทั้งสองคนจะทำอะไรต่อจากนี้” เซี่ยเจียวหงถามทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
“คงต้องหางานทำครับ เพื่อดูแลเหยาเหยากับลูกในท้อง”
อ้าวเหวินเป็นคนตอบ เขาเองก็ไม่มีบ้านให้กลับ พ่อแต่งงานใหม่จนทอดทิ้งเขาไป ส่วนแม่ก็เพิ่งแต่งงานใหม่ก่อนที่เขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถ้ารู้ว่าเขาสร้างเรื่องเช่นนี้ท่านคงไม่สนใจเขาอีกเพราะเขาได้ข่าวว่าแม่ท้องกับสามีใหม่แล้ว
“พี่ใหญ่กวง ไปขอเช่าเหมาเกวียนหน่อย เราจะไปคฤหาสน์ของนายท่านโล่กัน ถ้าให้ทั้งสองคนอยู่ที่บ้านซือคงไม่เหมาะ และบ้านเซี่ยอาจจะมาวุ่นวายได้ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ฉันไม่ต้องการ”
กวงฮ่าวจื่อและทุกคนไม่ถามอะไรต่อ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปขอเช่าเกวียนทันที แม้จะไม่รู้ทางไปคฤหาสน์ตระกูลโล่ แต่ถามชาวบ้านในตำบลคงมีคนตอบได้
ส่วนเซี่ยเจียวหงเดินกลับเข้าบ้านเพื่อไปหยิบเงินจำนวนหนึ่งและหวังว่าเงินก้อนนี้จะต่อชีวิตให้น้องสาวต่างแม่และคนรักได้สักระยะ
เมื่อกวงฮ่าวจื่อนำเกวียนมาถึง ทั้งสี่คนจึงมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลโล่ทันที โดยถามชาวบ้านตลอดทางว่าคฤหาสน์ของนายท่านโล่อยู่ที่ไหน
ทันทีที่มาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่เซี่ยเจียวหงจึงแจ้งยามด้านหน้าว่าเธอมาขอพบนายท่านโล่ และบอก ชื่อแซ่ของตัวเองไป ไม่นานยามคนเดิมก็วิ่งกลับมาเปิดประตูให้และมีแม่บ้านมาเชิญทั้งสี่คนเข้าไปรอที่ห้องรับแขก ดีที่แผลของเซี่ยเหยาเหยาด้านหลังทำเสร็จแล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเปื้อนชุดรับแขกของนายท่านโล่ที่ดูหรูหราและ ราคาแพงชุดนี้
“มาแล้วหรือเจียวหง”
นายท่านโล่กล่าวทักทายคล้ายกับกำลังรอการมาเยือนของเธอ ตอนนี้นายท่านโล่รู้แล้วว่าเซี่ยเจียวหงยังไม่รู้เรื่องสามีของตัวเอง เพราะเขานึกถึงคำพูดของเธอที่พบเจอกันเมื่อครั้งก่อน แต่ครั้งนี้เขากลับคิดว่าเธอจะมาด้วยเรื่องของสามี
“วันนี้ฉันมาขอความช่วยเหลือนายท่านโล่ พอดีว่าน้องสาว ต่างแม่และคนรักเกิดเรื่องขึ้น และคนรักของอาเหยาต้องการทำงาน ฉันมองไม่เห็นใครจึงมาขอความช่วยเหลือจากนายท่านโล่ คิดเสียว่าฉันมาขอของตอบแทนก็แล้วกัน ได้ไหมคะ”
คำพูดของเซี่ยเจียวหงยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับนายท่านโล่และคนสนิทหนักกว่าเดิม เพราะการมาของเธอในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อขอร้องและให้ช่วยเหลือเรื่องของสามี แต่มาเพื่อให้ช่วยเรื่องน้องสาว ต่างแม่ที่ดูแล้วมันแค่เรื่องเล็กน้อย ทำให้นายท่านโล่นับถือน้ำใจของ เซี่ยเจียวหงมากกว่าเก่า
“ได้สิ ฉันจะให้น้องเขยของเธอไปทำงานที่ร้านมีเงินเดือนและ มีที่พักให้ ส่วนน้องสาวจะหางานเล็กน้อยให้ทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่านกับเรื่องที่เพิ่งเจอมา”
นายท่านโล่พูดจบก็กวักมือเรียกให้คนสนิทจัดการเรื่องนี้ต่อ
เซี่ยเจียวหงพยักหน้าให้น้องสาวและคนรักของเธอ ก่อนจะยื่นเงินจำนวนหนึ่งร้อยหยวนให้กับเซี่ยเหยาเหยา และสั่งกำชับกับทั้งสองคนอีกครั้ง
“เก็บเงินนี้ไว้ กว่าเงินเดือนจะออก ต่อให้จะมีที่พักทุกอย่างต้องใช้จ่ายด้วยเงิน ส่วนนาย ในเมื่อตอนนี้เป็นสามีของอาเหยาแล้ว หาวันว่างไปจัดการจดทะเบียนให้เรียบร้อย ลูกเกิดมาจะได้ไม่เป็นลูกนอกสมรส และถ้าฉันรู้ว่าเมื่อไรที่นายนอกใจอาเหยา ฉันนี่ล่ะจะมาเด็ดหัวนายให้หลุดออกจากคอของนายด้วยตัวเอง
ส่วนถ้าเกิดมีอะไรหรือเงินไม่พอใช้ให้รีบส่งข่าวไปแจ้งที่ บ้านซือ และดูแลตัวเองให้ดี อาเหยาจำไว้ต่อให้บ้านเซี่ยจะไม่ต้องการเธอกับลูกในท้อง แต่อย่าลืมว่าเธอกับฉันมีเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง แม้ว่าฉันจะไม่ชอบแม่เธอ แต่ฉันไม่ได้รังเกียจเธอและหลานในท้อง อย่าลืมส่งข่าวมาเสมอ เมื่อไรที่ว่างพี่สาวคนนี้จะไปเยี่ยมเอง”
เซี่ยเจียวหงสั่งความจนเซี่ยเหยาเหยาน้ำตาซึม ก่อนจะโผเข้ากอดพี่สาวต่างมาด้วยความอบอุ่น
“ขอบคุณมากนะคะพี่ใหญ่ สุดท้ายแล้วมีแต่พี่เท่านั้น ที่รักฉัน”
เซี่ยเจียวหงไม่อยากพูดอะไรเยอะ เพราะไม่ใช่บ้านตัวเองจึงค่อนข้างเกรงใจก่อนจะฝากฝังทั้งสองคนกับคนสนิทของนายท่านโล่ อีกครั้ง
“หลังจากนี้เราสองคนไม่มีบุญคุณกันแล้วนะคะนายท่านโล่ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้”
“แล้วถ้าต่อไปเธอมีเรื่องเดือดร้อนที่ต้องมาขอความช่วยเหลือ ฉันล่ะ เธอจะทำอย่างไรเจียวหง”
นายท่านโล่เอ่ยเป็นนัย แต่สำหรับเซี่ยเจียวหงกลับไม่คิดมาก ในเมื่อเท่าที่เธอรู้มาว่านายท่านโล่เป็นเจ้าพ่อค้าอาวุธ และเธอเป็นอดีต นักฆ่าและสายลับ ดังนั้นการที่จะสร้างอาวุธมาสักชิ้นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่เป็นมือหนึ่งขององค์กร
“เมื่อไรที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ เมื่อนั้นฉันจะตอบแทนท่านด้วยความรู้ความสามารถที่มี วันนี้ต้องขอตัวก่อน”
พูดจบก็ค้อมหัวให้หนึ่งครั้งพร้อมกับกวงฮ่าวจื่อ ก่อนจะเดินออกมา แต่ไม่คิดว่าต้องเจอลูกน้องร่างใหญ่ของนายท่านโล่นับสิบคน
“เกิดอะไรขึ้นน้องสะใภ้ ทำไมคนของนายท่านโล่...” กวงฮ่าวจื่อเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่กวงหลบไปยืนด้านข้างก่อน เรื่องในวันนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาดแม้แต่กับแม่พี่หรือพี่สะใภ้ รวมถึงแม่สามีฉันด้วย”
เซี่ยเจียวหงหันมากำชับ เธอพอจะรู้ว่านายท่านโล่ต้องการทดลองความสามารถของเธอ อีกทั้งตอนนี้รูปร่างเธอต่างไปจากเดิมนักจึงไม่ใช่ปัญหาหากมีการต่อสู้ขึ้นมา แต่เธอกลับเป็นห่วงว่าชายร่างยักษ์พวกนี้จะเจ็บและต้องหยอดน้ำข้าวต้มนะสิ ถ้าเธอใช้แรงทั้งหมดที่มี
“ต้องทำสัญญาก่อนไหมนายท่านโล่หากลูกน้องของท่านเกิดบาดเจ็บและต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายใช่ไหม”
นายท่านโล่ที่ฟังคำถามของเซี่ยเจียวหงเขาถึงกับหลุดยิ้ม แทนที่จะกลัวคนของเขาที่พร้อมสู้ตรงหน้า กลับมาถามว่าต้องทำสัญญาไหมหากเกิดการบาดเจ็บ มันใช่เรื่องที่จะต้องถามหรือเปล่า
“ไม่ต้องหรอกเจียวหง ทำได้เต็มที่เลย”
นายท่านโล่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ทำให้ลูกน้องแต่ละคน หน้าขึ้นสี นี่เท่ากับกำลังโดนหญิงสาวร่างอวบถูกอยู่ใช่ไหม ขนาด คนสนิทของนายท่านโล่ยังก้มหน้ากลั้นขำจนไหล่สั่นและสงสารลูกน้องที่ยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้า