02

1205 Words
ขณะกำลังบ่นงึมงำอยู่ยังไม่ทันจะขาดปาก ใครคนหนึ่งก็โผล่พรวดมาจากอีกฝั่งของป่าพร้อมกับเครื่องตัดหญ้าแบบมือถือที่เปิดเครื่องเสียงดังจดจ่อกับหญ้าที่ขึ้นรกรอบบ้าน คนคนนั้นสวมกางเกงผ้าฝ้ายขายาวเก่า ๆ เสื้อเชิ้ตลายตารางที่เก่าไม่แพ้กัน พร้อมกับสวมผ้าโพกหัวมิดชิด สิ่งที่โผล่มาให้เห็นก็มีแค่ลูกกะตาเท่านั้น เธออนุมานเอาว่าเขาน่าจะเป็นคนงานของที่นี่ “ นี่นาย ” น้ำฟ้ากวักมือเรียกไหว ๆ แต่คงเพราะเสียงดังของเครื่องตัดหญ้าเลยทำให้คนคนนั้นไม่ได้ยิน เลยไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมาทั้งนั้น นั่นทำให้น้ำฟ้ายิ่งเพิ่มดีกรีความหงุดหงิด คราวนี้ตะโกนออกไปจนสุดเสียง “ เฮ้ย ! ” ได้ผล คราวนี้เขาชะงักแล้วหันมามอง แต่ก็ยังไม่ยอมปิดเครื่องตัดหญ้านั้น “ ปิดไอ้นั่นก่อน ” หญิงสาวพูดดัง ๆ อีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่ง ๆ “ ปิดเครื่องสิโว้ย ปิด ปิดเดี๋ยวนี้ ! ” เธอป้องปากกรีดร้องออกไป อีกฝ่ายคงได้ยินจึงปิดสวิตซ์เจ้าเครื่องนั้นลง น้ำฟ้าสูดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ พยายามข่มอารมณ์ให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ พ่อเลี้ยงปฐพีอยู่ไหนคะ ” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้ราบเรียบ อีกฝ่ายยืนนิ่ง ไม่ตอบคำถาม “ นี่มันอะไรกันวะ ฉันมาโผล่ที่จักรวาลไหนเนี่ย ทำไมคนแถวนี้มันไม่มีมารยาทกันหมด ” เธอบ่นพึมพำ “ เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นคนงานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ฟังภาษาไทยไม่ออก ” เธอนึกเอะใจ ก่อนจะสงบอารมณ์ลงอีกครั้ง ฝืนยิ้มน้อย ๆ ออกมาแล้วเปลี่ยนการสนทนาเป็นใช้มือขึ้นมาช่วยด้วย เธอชี้ไปในตัวเรือนสักหลังใหญ่นั้นแล้วค่อย ๆ ถามช้า ๆ เสียงดัง ๆ อีกครั้ง “ เนี่ย ตาลุงพ่อเลี้ยง เจ้าของบ้านเนี้ย เออ บ้านหลังใหญ่เนี่ย เขาไปไหน ไปตามมาให้หน่อยจ้ะ ” นายคนนั้นก็ยังยืนนิ่ง นั่นทำให้เธอหมดความอดทน “ โอ๊ย มันอะไรกันนักกันหนานะ บ้านป่าเมืองเถื่อนห่างไกลความเจริญ ผู้คนก็ดันไม่มีอารยะอีก ฟังภาษาคนไม่ออก ร้อนก็ร้อน เออ ลูกน้องจะเป็นอย่างนี้ก็ไม่แปลก เจ้านายมันยังไม่มารยาทเลย อีตามนุษย์ลุงเอ๊ย ” เธอบ่นเสียยาวก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าไปนั่งที่เก้าอี้มุมระเบียงบ้าน แต่จู่ ๆ คนงานคนนั้นก็หยุดทำการตัดหญ้าแล้วเดินขึ้นมาบนเรือน พร้อมกับค่อยถอดหมวกคลุมหน้า ถอดเสื้อถอดผ้าออกหมดจนเหลือกางเกงผ้าฝ้ายสีตุ่นสามส่วนตัวเดียว น้ำฟ้าตกใจสุดขีดแล้วกรีดร้องออกมาสุดเสียงเพราะกลัวว่าจะถูกทำมิดีมิร้าย “ ทำบ้าอะไรของแก ช่วยด้วย ช่วยด้วย กรี๊ด ! ” คนงานคนนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วตะปบปากเธอเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียง สองมือจับสองแขนของเธอล็อกเอาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว น้ำฟ้าพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่หลุด มือของเขาแข็งแรงราวกับคีมเหล็ก และพออยู่ในระยะใกล้แบบนี้ถึงได้รู้ว่าเขาทั้งสูงทำล่ำสัน ตัวใหญ่กว่าเธอมากมายเหลือเกิน ตายแน่น้ำฟ้าเอ๋ย เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่แน่ ๆ ! “ เงียบ ! ” เขาตะคอก เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาประหวั่นพรั่นพรึงก็พบกับใบหน้าคร้ามเข้มที่มีดวงตาดุดันดำสนิทจ้องมองมาอย่างเอาเรื่องแล้วพูดเสียงดุ “ แหกปากทำบ้าอะไร ร้องอย่างกับเปรตขอส่วนบุญ ชาวบ้านชาวช่องเขาตกใจกันหมด ” ขนาดโดนปิดปากอยู่ เธอก็ยังส่งเสียงผ่านมือเขาดังอู้อี้ ๆ จนเขารำคาญ “ ฉันนี่แหละ อีตามนุษย์ลุงไร้มารยาทที่เธอว่า ! ” นั่นทำให้ตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ เวรละ เผลอนินทาหลายคำแล้วเสียด้วย ! “ เดี๋ยวจะปล่อยมือนะ แล้วไม่ต้องแหกปากออกมาอีก รำคาญ ! ” เขาว่าก่อนปล่อยมือออกจากปากของเธอ และทันทีที่มันเป็นอิสระ เธอก็สวนกลับทันที “ แล้วคุณทำไมไม่บอกล่ะคะว่าคือพ่อเลี้ยงดิน ฉันจะได้รู้ว่าใครเป็นใครจะได้ทักทาย นี่อะไร เอาแต่ยืนจ้องไม่พูดไม่จา ฉันจะรู้ได้ยังไง แล้วคุณก็เป็นฝ่ายนัดฉันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องงาน ดังนั้นตามมารยาทแล้วคุณก็ควรจะอยู่ต้อนรับไงคะ นี่มาถึงก็ไม่เจอใคร ถามนายไกรคนขับรถก็ไม่บอกอะไรเลย ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทหรอกนะคะ แต่มันเคว้งไปหมดไง ” คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างหงุดหงิด “ สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก รู้จักคำพวกนั้นไหม ” “ ทราบค่ะ ฉันถูกเลี้ยงให้มีมารยาท แม้จะไปอยู่เมืองนอกนานแต่ก็ไม่เคยลืมวัฒนธรรมไทย แต่ก็ที่ฉันบอกไงคะ ทางคุณเสียมารยาทกับฉันก่อน ฉันก็เลยต้องชี้แจง ” เขาไม่พูดไม่จาแต่คว้าข้อมือเธอแล้วออกแรงดึงให้เดินตาม แต่เธอไม่ยอม พยายามสะบัดมันออก “ นี่คุณทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ! ” “ เห็นเหงื่อออกเยอะแล้วก็บ่นว่าร้อนไง เลยจะพาไปอาบน้ำ ” “ อะ... อาบน้ำ อาบน้ำอะไรของคุณ ! ” เขาไม่ตอบ พยายามดึงเธอให้เดินตาม แต่เธอขืนตัวเอาไว้ นั่นทำให้เขาหันขวับมาจ้องเขม็ง “ จะเดินไปดี ๆ หรือจะให้อุ้ม ” เธออ้าปากหวอ นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนอะไรกันนะ “ คุณบ้าไปแล้ว ฉันไม่ทำงานอะไรกับคุณทั้งนั้น จะกลับบ้าน ” ว่าพลางจะหมุนตัวเดินหนี พลันนั้นเอวบางก็ถูกรวบแล้วยกขึ้นพาดบ่าแข็งแรงเปลือยเปล่าของเขาทันที “ เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ปล่อยฉันโว้ย บอกให้ปล่อยไง ช่วยด้วย ช่วยด้วยยยย ! ” เสียงร้องของเธอไร้การตอบรับหรือความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น ทั้งที่คนขับรถที่พ่วงตำแหน่งคนสนิทอย่างนายไกรที่นั่งสูบบุหรี่อยู่กับเพื่อนที่เป็นหัวหน้าคนงานในไร่ที่ชื่อนายสม บริเวณสวนละมุดห่างจากเรือนไทยหลังใหญ่ไม่เกินยี่สิบเมตรได้ยินเต็มสองหู “ เอาแล้วไง ยังไม่ทันไรก็โวยวายไร่แทบแตกแล้วโว้ย พ่อเลี้ยงกูจะรอดไหมเนี่ย ” นายไกรว่า นายสมหัวเราะร่วน “ รับบทจำเลยรักเข้าแล้ว พ่อเลี้ยงดิน ” “ ไม่รู้นึกยังไงอยากจะมีเมีย ” “ นั่นน่ะสิ ที่ผ่านมาเห็นคุณนายภาวนาท่านหาคนโน้นคนนี้มาให้แต่ก็เปิดเปิงกลับไปทุกราย นึกว่าจะชอบไม้ป่าเดียวกันซะแล้ว ” “ ต้องมีดีแหละ พ่อเลี้ยงถึงได้นึกอยากจะลอง ” “ ที่เห็น ๆ ก็ดีแหละ ทั้งขาวทั้งอวบขนาดนั้น ” “ แต่เสียงบาดหูเหลือเกินแม่เอ๊ย ไม่ทันเท่าไรก็แหกปากลั่นขนาดนี้ ” “ เขาว่าของแรง ทะเลาะกันบ่อย ๆ สิดี ลูกดก ” ทั้งคู่หัวเราะร่วน สนทนากันต่ออีกไม่นานก็แยกย้ายกันไปทำงาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD