เวลาผ่านไป...
และทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ธาดาก็ยังคงบอกกับเธอว่าเราสองคนเป็นแค่คู่นอนกันเท่านั้น ถึงจะผ่านไปเป็นปีกว่าแล้วเขาก็ยังยืนยันคำเดิม แต่เธอดูท่าทีของเขาก็แสดงความหึงหวงมากอยู่ มีโอกาสที่จะมีใจแหละเธอคิดแบบนั้นนะ
"ธาดาตัวเองจะมานอนกับเค้ามั้ย"
(ไม่อ่ะ วันนี้นัดครอบครัวทานข้าวแฟนน้องก็มาด้วยผมไม่อยากผิดนัด)
แพรีสกดโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มเสียงเศร้า พักหลังเขามาหาเธอบ้างกลับไปนอนที่บ้านบ้าง และตั้งแต่ที่เราแอบเป็นคู่นอนกันมานี้ก็เกือบสองปีแล้วมั่ง เธอยังไม่เคยไปเจอครอบครัวของเขาเลยสักครั้ง แต่ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรเพราะนี่คือคู่นอนไม่ใช่คนรัก จึงไม่มีสิทธิ์อะไร
"งั้นเหรอ... ไม่เห็นพาเค้าไปเจอครอบครัวบ้างเลย"
(ไปทำไม เจอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่)
เธอเงียบไปก่อนจะกดวางสายไม่พูดอะไรต่ออีก นี่ก็นานแล้วนะจะบอกว่าเธอมีความอดทนมากก็คงใช่ ผู้หญิงคนอื่นโดนขนาดนี้เขายอมแพ้หนีไปหาแฟนใหม่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเขาจะพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอดีมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่มากเท่าที่เธอคาดหวังไว้แต่มันเป็นน้ำชะโลมหัวใจเธอให้อยู่กับเขาตรงนี้ต่อ
"จะทนได้อีกนานแค่ไหนเนี่ย เฮ้อ"
ธาดามองหน้าจอโทรศัพท์อย่างมึนงง อะไรของเค้าก็ไม่รู้โทรมาบ่นๆแล้วก็กดวางสาย เขาวางโทรศัพท์ลงไม่สนใจนั่งทำงานของตัวเองต่อจนเสร็จ วันนี้จะไปทานข้าวกับพี่คชาแล้วก็คุณพ่อคุณแม่ ไหนจะน้องชายและน้องสาวอีก ตอนนี้พวกเขาย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านคุณพ่อแล้ว เนื่องจากว่าท่านตื้อคุณแม่อยู่หลายปีจนท่านยอมใจอ่อนคืนดีด้วย ก็ดีนะช่วงหลังไม่ค่อยบ่นว่าลูกไม่กลับบ้าน แต่เริ่มสงสัยว่าเขามีผู้หญิงรึเปล่าไปอยู่กินกับเค้าทุกวันรึไม่ แต่เขาไม่รู้ว่าจะพาแพรีสไปเจอครอบครัวทำไม สุดท้ายแล้ววันหนึ่งก็แยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเองอยู่ดี
"ธาดาช่วยงานหน่อยดิ"
"อืม เอามาสิ"
เขาหันไปคุยกับเพื่อนร่วมแผนกก่อนจะช่วยตัดต่อภาพให้สองสามรูป เพราะงานของเขาก็เรียบร้อยแล้วช่วยเพื่อนสักนิดหน่อยก็น่าจะดี
หลังจากเขานั่งทำงานจนถึงช่วงเย็นก็เดินทางกลับบ้านของตัวเอง พักหลังเวียนรถที่บ้านมาใช้ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะซื้อมาทำไมเยอะนักหนา ตัวเองขับคนเดียวแต่ซื้อรถมาเป็นสิบคันเพื่ออะไร
"ไงพี่ชายมาพร้อมกันเลยนะเนี่ย"
ธารันเดินมากอดคอพี่ชายพร้อมกับทักทาย เขาถือกระเป๋าของตัวเองลงมาด้วยก่อนจะกอดคอเขากลับเช่นกัน
"มาพร้อมแกก็ดีจะได้ไม่โดนแม่บ่นคนเดียวไง"
"ตกลงว่าเอาผมมาเป็นไม่กันหมาว่างั้นเถอะ"
ทั้งสองคนคุยกันไปหัวเราะกันไปจนถึงในห้องรับแขก ตอนนี้พี่คชาภัทรและน้องดารามาถึงก่อนแล้ว
"พี่คชาสวัสดีครับ"
"ไงทั้งสองหนุ่ม มานี่สิพี่มีของมาฝากด้วย"
ทั้งสองคนมานั่งคุยกับชายหนุ่มอย่างสนิทสนม แฟนน้องสาวคนนี้เป็นนักธุรกิจติดอันดับมหาเศรษฐีในประเทศด้วย รวย หล่อ เพอร์เฟค เป็นความโชคดีของดาราที่ได้ว่าที่สามีดีพร้อมขนาดนี้ ส่วนเขาก็ไม่รู้นะว่าจะลงเอยกับใคร อายุยังไม่มากเท่าไหร่เพิ่งจะสามสิบเองใจเย็นก่อนไม่รีบ
"ตายแล้วลูกชายแม่ นึกว่ามาบ้านไม่ถูกซะแล้ว"
"แม่อ่ะทำไมต้องแซวผมตลอดเลยเนี่ย ไอ้ธารันมันก็ไม่กลับบ้านมั้ย"
"อ่าวพี่ผมจะรอดอยู่แล้ว พูดเพื่อ..."
ทั้งสองคนปาหมอนใส่กัน ส่วนคนเป็นแม่ส่ายหน้าอย่างปลงๆช่วงหลังไม่ค่อยบ่นเพราะสามีบอกให้ปล่อยลูกไป อายุสองคนนั้นก็มากพอที่จะมีคนรักสามารถแต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะรอให้ลูกพามาแนะนำให้รู้จักบ้าง เธอไม่เคยจู้จี้ถามเรื่องส่วนตัวของลูกจึงไม่รู้ว่าพวกเค้ามีปัญหารึเปล่าหรือว่าชีวิตปกติราบรื่นดี
"มากันแล้วเหรอ มาเซ็นเอกสารให้พ่อหน่อย จะแบ่งสมบัติให้ล่ะ"
"รีบอะไรครับเนี่ย"
ธาดามองพ่ออย่างทึ่งมาก ไม่คิดว่าจะไม่ละความพยายามในการยกสมบัติให้ลูกอีก
"เอาน่าพี่รับไว้ดีกว่า เผื่อจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้"
ธารันเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ท่านธารินทร์เดินมาตบบ่าลูกชายคนกลางอย่างชอบใจ
"ฟังน้องแกไว้นี่ เห็นมะรู้จักเอาสมบัติพ่อไปต่อยอด"
"เชื่อมันรึไง เอาไปเปย์สาวนะสิไม่ว่า"
ธาดาเบะปากใส่ธารันอย่างหมั่นไส้ ทั้งสามคนพี่น้องพากันไปเซ็นเอกสารกับทนายที่มารออยู่เพื่อแบ่งสมบัติตามที่คุณพ่อได้แบ่งสรรปันส่วนให้เท่ากันทั้งสามคน ส่วนอย่างอื่นเช่น บ้าน รถ เงินสดบางส่วน หุ้นในตลาดหลักทรัพย์อย่างอื่นน่าจะยังไม่แบ่ง คงเก็บไว้ใช้ยามแก่เฒ่ากับคุณแม่ล่ะมั่ง
"ที่ดินเยอะนะเนี่ย"
เขามองรายละเอียดที่จะได้รับก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ที่ดินในกรุงเทพคนละสี่สิบไร่ ที่ดินต่างจังหวัดอีกเป็นร้อยไร่ ยังมีคอนโดปล่อยเช่าอีกคนละห้าห้อง ตึกเช่าพาณิชย์ หุ้นโรงแรม บ้านโครงการ รวมๆแล้วประเมินค่าไม่ได้ของพวกนี้ยิ่งนานยิ่งมีราคา เงินสดอีกคนละสามพันล้าน แม่เจ้าไม่คิดว่าคุณพ่อจะรวยมากขนาดนี้เลยนะ
"เป็นไงอึ้งในความรวยของพ่อล่ะสิ"
ท่านธารินทร์คุยโม้ไม่เลิก เขาโชคดีที่เกิดมาตระกูลครอบครัวที่ร่ำรวย แถมยังเป็นลูกคนเดียวอีก พ่อแม่เสียชีวิตไปหมดแล้วเขาจึงได้รับมรดกทุกอย่างจากท่านทั้งสอง นี่ยังแบ่งไม่หมดเลยนะเหลืออีกเยอะเลย เขาว่าจะเอาไปลงทุนทำธุรกิจอย่างอื่นแล้วค่อยมาแบ่งหุ้นให้ลูกทีหลัง แบบนี้จะได้มีเงินใช้กันไปจนตาย ไม่ต้องดิ้นรนอะไรให้มันเหนื่อย
"ดาราได้หมดนี่เลยเหรอคะ"
"ใช่ค่ะลูกสาวของพ่อ แต่ถ้าไม่ได้ใช้อะไรก็เก็บไว้เป็นสมบัติของลูกในอนาคต"
"ค่ะคุณพ่อ"
ดาราดูตื่นเต้นที่อยู่ๆก็มีสมบัติมากมายมากองอยู่ตรงหน้า เป็นนักแสดงทั้งชาติไม่รู้ว่าจะได้แบบนี้รึเปล่า ธาดาเซ็นชื่อลงไปคนสุดท้ายก่อนจะเสร็จสิ้นการโอนกรรมสิทธิ์ทุกอย่างให้บุตร
"เดี๋ยวทางผมจะไปจัดการให้นะครับ ไม่เกินหนึ่งเดือนทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ"
"ขอบคุณมากนะคุณทนาย"
"ด้วยความยินดีครับท่าน ผมขอตัวก่อนนะครับ"
เขาโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากบ้านทันที จากนั้นทุกคนก็มานั่งทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข นานๆจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ คนเป็นพ่อแม่ก็มีความสุขมากที่สุดเลย
"ว่าแต่เราสองคนอ่ะมีแฟนยัง ไม่พามาเจอพ่อกับแม่บ้างอ่ะ"
ธาดาและธารันหันไปมองหน้ากันทันที สะกิดให้อีกคนตอบจนคนเป็นแม่ถึงกับเวียนหัว
"แกตอบแม่ดิ"
"พี่ตอบก่อนดิ"
"พอๆ ไม่อยากพามาก็ไม่ต้องพามา ซ่อนไว้นั่นแหละ แต่ถ้าวันหนึ่งมีปัญหาไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือแล้วกัน"
ทั้งสองคนสะดุ้งออกมาพร้อมกันก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้รีบทานอาหารตรงหน้าต่อจนหมด ก็ไม่รู้ว่าจะพาคู่นอนมาแนะนำตัวทำไมนี่ สุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องเลิกกันอยู่ดี...