วันต่อมา…
ญาดาในชุดนักศึกษาฝึกงานมองตัวเองผ่านกระจกแต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกไปจากห้องนอนของตัวเองและบังเอิญที่เฮียอาร์ตก็เปิดออกมาพอดี
“ไง… หลับสบายดีมั้ย”
“ก็ดีค่ะ มานีมานะอยู่กับพี่แม่บ้านแล้วนะคะไม่ต้องเป็นห่วง”
“ก็ดูแลกันเองแล้วกัน รับไปอยู่ในความดูแลแล้วนี่ ส่วนอาหารถ้าใกล้หมดก็ให้แม่บ้านไปเอาที่ฟาร์มได้ มีทุกอย่างที่ต้องการ”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะผายมือให้เธอเดินนำไปก่อน ญาดาหันหลังเดินลงบันไดไปเลี้ยวเข้าไปในห้องอาหารและตอนนี้มีของกินเต็มไปหมด
“กินมั้ย… ถ้าไม่กินที่นี่ก็ไปกินที่ห้องอาหารพนักงานมีเลี้ยงข้าวสามเวลาเช้ากลางวันเย็น แต่ว่าไม่มีของอร่อยเยอะแบบนี้นะเลือกเอาแล้วกัน”
เขาอมยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นก็ใช้ช้อนตักชิมซุปเห็ดตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย และมันเป็นของโปรดเธอด้วยก็เลยรีบนั่งลงตามเขาแล้วตักกินอย่างอารมณ์ดี เธอขี้เกียจโวยวายแล้วเพราะทำไปก็เท่านั้น สู้ให้เขาตายใจแล้วยอมคืนโทรศัพท์ให้ดีกว่าถึงตอนนั้นเธอจะคิดบัญชีทุกคนไม่มีตกหล่นแน่นอน…
“อร่อยล่ะสิ”
เฮียอาร์ตมองหญิงสาวอมยิ้มเอ่ยแซวขำๆแต่รายนั้นไม่สนใจเขาเลยเอาแต่กินท่าเดียว เขาจึงหันไปสนใจอาหารตรงหน้าและเมื่ออิ่มจะพาญาดาไปเจอเลขาของเขา เธอจะได้เรียนรู้งานตามที่ต้องการไม่มีขาดตก และเห็นว่าน้องสาวจะมาคุยธุระสำคัญด้วยก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรยังไงก็ว่ากันอีกที
และเมื่อทั้งสองคนกินข้าวเสร็จก็พากันเดินทางไปออฟฟิศ ญาดาได้รู้จักพนักงานทุกคนโดยมีคุณเลขาเป็นคนพาไปแนะนำให้รู้จัก เธอเริ่มรู้สึกว่าพนักงานที่นี่น่ารักเป็นกันเองมากทำให้เธออยากจะงานที่นี่ต่อ
“น้องญาดานั่งตรงนี้นะคะ เดี๋ยวพี่มีงานให้ทำ”
“ได้ค่ะพี่ลี่”
ทางด้านของแบงค์เขาพยายามที่จะติดต่อไปหาญาดาแต่ว่าโทรศัพท์ไม่ติดเลย แถมยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเพื่อนๆก็บอกว่าไม่รู้ไม่มีใครให้ความร่วมมือกับเขาเลยสักคน ที่บ้านก็ไม่มีเขาจนปัญญาที่จะหาแล้ว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักศึกษาฝึกงานปีสี่เค้าฝึกประสบการณ์ ถ้าเกิดเขาสืบรู้ได้ว่าเธอฝึกงานที่ไหนอาจจะตามหาตัวเจอได้
“อยู่ไหนนะญาดา…พี่ขอโทษ”
“พี่ควรจะขอโทษเอิงเอยมากกว่านะคะ ลูกอยู่ในท้องแทนที่จะเอาใจใส่พาไปตรวจร่างกายเอาแต่ตามหานังนั่น มันไม่กลับมาหรอกอย่าโทรเลย”
เอิงเอยไม่ชอบใจเป็นอย่างมากที่เขาพยายามที่จะตามหาและไม่มีท่าทีว่าจะลืมมันได้สักที และเธอจะให้พี่ชายบังคับเขาให้แต่งงานกับเธอ ตอนนี้ความอยากเอาชนะยัยญาดามีมากกว่า ยิ่งเขาแสดงออกว่ารักมันมากเท่าไหร่เธอยิ่งจะแย่งมาให้ได้เท่านั้น แล้วมาดูกันว่าเกมนี้ใครจะชนะ
“พี่รักญาดาพี่จะตามหาให้เจอ เราจะแต่งงานกัน”
“ก็เอาสิลองไปแต่งงานกันมันดู เอิงเอยจะฟ้องพี่ชายแล้วเรามาดูกันว่าพี่จะมีสภาพเป็นยังไง”
เธอเอ่ยออกมาเสียงข่มขู่และแน่นอนว่าเธอเอาจริง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอเป็นใครมาจากไหนเพราะเท่าที่คุยกันมาเธอไม่เคยเปิดเผยเรื่องครอบครัวให้ใครฟัง
“ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะให้ค่าเลี้ยงดู”
“ค่าเลี้ยงดูเหรอ… มีปัญญาให้เท่าไหร่คะ คิดว่าบริษัทที่พี่เปิดอยู่มันพอเลี้ยงเอิงเอยกับลูกเหรอ ทุกวันนี้หนูไม่เคยขอเงินพี่เลยนะไม่แปลกใจเลยเหรอว่าทำไม…”
เขาเอะใจอยู่ว่าตั้งแต่คุยกันมาเธอไม่เคยขอเงินเขาเลยแถมยังเลี้ยงเขาด้วยซ้ำ ลำพังบริษัทที่เปิดมันก็ไม่ได้กำไรอะไรมากมายนักหรอก และถ้าเขาอยากจะให้บริษัทเติบโตขึ้นกว่านี้มันต้องมีเงินทุนและคนที่จะให้เขาได้ก็มีแค่ญาดาเท่านั้นเพราะเธอเป็นลูกมหาเศรษฐี
“ถ้าพี่แต่งงานกับเอิงเอย อยากได้เงินทุนเท่าไหร่หนูจะให้ค่ะ แต่พี่ต้องไปคุยกับพี่ชายของหนูก่อนและรับปากว่าจะแต่งงานกับหนูคนเดียว จะรับผิดชอบลูกในท้องด้วย”
เธอยื่นคำขาดให้เขายังไงเกมนี้เธอต้องเป็นผู้ชนะคนเดียวเท่านั้น เธอจะได้ทุกอย่างที่ต้องการในขณะที่ญาดามันจะไม่เหลืออะไรโดยเฉพาะผู้ชายที่มันรักจะต้องเป็นของเธอคนเดียว ถึงแม้ว่าจะรักกันแต่ไม่ได้ครอบครองมันคงไม่มีความสุขเหมือนกับที่เธอไม่ได้รับความรักขอแค่ได้ครอบครองเท่านั้น
แบงค์เริ่มคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้บริษัทเขากำลังแย่ยังไงก็ต้องการเงินทุนหมุนเวียนและจะได้ขยับขยายให้ใหญ่โตขึ้น ถึงตอนนั้นเขาก็จะฟื้นตัวกลับมามีมากกว่าเดิมอีก
“คิดดีๆนะคะ ว่าพี่จะเลือกทางไหนถือว่าเอิงเอยให้โอกาสพี่เลือกแล้วนะ”
เขาเงียบไปอย่างใช้ความคิดและตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับเธอเพื่อนเงิน ถ้าเขากลับไปหาญาดาคิดว่าคงอีกนานกว่าเธอจะยอมคืนดีด้วยและไม่รู้เมื่อไหร่ที่เธอจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แต่ถ้าเขายอมแต่งงานเมื่อไหร่น่าจะได้ตอนนี้เลย
“ก็ได้… แต่งงานก็ได้”
เอิงเอยได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันทีอย่างดีใจ หญิงสาววิ่งไปกอดแขนชายหนุ่มซบใบหน้าลงกับอกกว้าง เธอรักเขามากและไม่มีทางที่จะยอมเสียเขาไป
“ขอบคุณนะคะที่เลือกเอิงเอย งั้นไปหาพี่ชายกันค่ะหนูนัดไว้แล้ว”
“ไปสิ… แล้วพี่จะได้เงินทุนใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ พี่จะได้ตามที่ต้องการ”
เฮียอาร์ตได้รับโทรศัพท์น้องสาวว่าอยากมาเจอ เขาจึงนัดให้มาหาที่ร้านอาหารเพราะไม่อยากให้มาเจอกับญาดาในตอนนี้เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก เขาเดินทางไม่นานก็มาถึงและน้องสาวรออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะพี่อาร์ต”
“อืม… ไงบ้างเราสบายดีมั้ยแล้วนี่ใคร”
เขาเหลือบสายตามองชายข้างๆน้องสาว เขายกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“สวัสดีครับพี่อาร์ต ผมแบงค์ครับ”
“แฟนของเอิงเอยเองค่ะ”
อาร์ตมองชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ คนนี้สินะที่เป็นประเด็นให้ผู้หญิงแย่งกัน ก็ไม่เท่าไหร่นะนึกว่าจะร่ำรวยจนผู้หญิงลงทุนแย่งกันซะอีกแต่ดูไปก็ธรรมดาไม่เท่าไหร่งงว่าทำไมถึงลงทุนแย่งกันขนาดนั้น
“แล้วนัดพี่มามีอะไร”
เขาวางกุญแจรถหรูลงบนโต๊ะอาหาร แบงค์เหลือบสายตามองก็ตาโตเมื่อเห็นกุญแจรถที่เขาขับราคาหลักสิบล้านท่าทางไม่ธรรมดาเลยนะคนนี้
“เราสองคนจะแต่งงานกันค่ะ”
“อืม ก็แต่งสิท้องโตขึ้นทุกวันก็ให้พ่อแม่ไปคุยให้เคลียร์จะจัดงานยังไง ส่วนค่าใช้จ่ายถ้าจะให้พี่ช่วยก็บอก”
“ค่างานแต่งงานไม่ต้องการค่ะ แต่ว่าหนูอยากได้เงินสักก้อนหนึ่งพอดีว่าอยากลงทุนเป็นหุ้นส่วนบริษัทของพี่แบงค์เค้าน่ะค่ะจะได้มีอะไรทำด้วย บริษัทพี่เค้าจะได้ขยายสาขาน้องจะได้มีรายได้ไงคะ”
ปกติเขาให้เงินน้องสาวใช้เดือนละสองแสน และถ้าเกิดว่าเธอจะเอาเงินไปลงทุนเขาก็ยินดีให้แต่คงไม่ให้เงินรายเดือนเพราะถือว่าเธอกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ
“เอาเท่าไหร่ล่ะ”
“ขอสักสิบล้านค่ะ”
เอิงเอยเอ่ยออกมาเสียงสดใส แบงค์ไม่คิดว่าเอิงเอยจะขอเงินพี่ชายเยอะมากขนาดนั้นและดูท่าทางพี่ชายคงรวยไม่น้อยไม่งั้นคงไม่ขับรถราคาแพงขนาดนี้
“เดี๋ยวพี่ให้บัญชีโอนให้แต่มีข้อแม้นะ”
“อะไรคะ…”
เธอมองพี่ชายอย่างสงสัย เฮียอาร์ตหันไปมองหน้าแบงค์สักพักก่อนจะเอ่ยออกมา
“นายพาน้องสาวฉันไปจดทะเบียนสมรสก่อน แล้วเอาใบนั้นมาแลกกับเช็คเงินสดสิบล้าน และถ้าเอาไปลงทุนทำธุรกิจก็ใส่ชื่อน้องสาวฉันเป็นหุ้นส่วนด้วย”
“อะ…อะไรนะครับ”
แบงค์ดูตกใจไม่น้อยที่พี่ชายเธอให้เขาไปจดทะเบียนสมรสก่อนแล้วค่อยมาเอาเงิน รอบคอบมากกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลย
“ถ้าตกลงตามนี้ก็ไปตอนนี้เลยยังมีเวลาอยู่ ได้สิบล้านไปแล้วงั้นพี่ไม่โอนเงินรายเดือนให้แล้วนะ แต่ถ้าไม่ไหวก็กลับมาหาพี่รู้ใช่มั้ยว่าพี่หมายถึงอะไร”
เขามองน้องสาวด้วยสีหน้าจริงจังและเอิงเอยรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร น้องสาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับว่าที่สามี
“ไปกันเถอะค่ะพี่แบงค์”
“อืม งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่อาร์ต”
“รีบไปเถอะเดี๋ยวอำเภอจะหมดเวลาทำการเสียก่อน นายเลือกที่จะแต่งงานกับน้องสาวของฉันเพราะฉะนั้นหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ เพราะถ้านายทำให้น้องสาวของฉันเสียใจเมื่อไหร่… เราคงไม่เจอกันสักที”