ตอนที่ 3 ลูกไม่รักดี

1706 Words
ตอนที่ 3 ลูกไม่รักดี หลังจากที่แยกกัน คนที่ถูกมองว่าเป็นขยะสังคม เวลานี้เห็นเจ้าตัวพารถคู่ใจของตนวนเวียนไปมาตามท้องถนน ด้วยท่าทีที่ไม่ได้เร่งรีบอะไร ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะนำพาลูกรักคู่ใจของตน กลับเข้าสู่อาณาเขตของบ้านอย่างที่ควรจะเป็น อันที่จริงต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก "คุณเม่น โธ่ กว่าจะกลับมาได้สักทีนะคะ คุณท่านถามหาตั้งนานแล้ว ไหนมาให้อิ่มดูซิว่าวันนี้ได้แผลมาหรือเปล่า" ทันทีที่ขาตั้งของรถคู่ใจถูกแตะลงตั้งกับพื้นดิน อิ่ม แม่บ้านคนสนิทก็รีบแจ้นเข้ามารับหน้าและรายงานสถานการณ์ในบ้านทันที หวังให้คุณหนูของคนเตรียมรับมือกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังก่อตัวรออยู่ในบ้าน แต่ถามว่าเม่นสนใจไหม ก็ไม่ เพราะเจ้าตัวยังคงมีรอยยิ้มทะเล้นในใบหน้าเหมือนเคยแล้วเอ่ยตอบผู้หวังดีกลับไป "โธ่ ป้าอิ่ม นี่ผม..." ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ มือของหญิงชราก็เอื้อมมาลูบตามตัวด้วยความเป็นห่วง ปากก็เอ่ยขึ้น "ดีจังนะคะ ยังครบสามสิบสองอยู่" "อันนี้เป็นห่วงผมจริงๆ ใช่ไหมครับ" เม่นว่าติดตลก "ห่วงสิคะ คุณท่านรออยู่ด้วย" "ครับ ป้าอิ่มก็บอกพ่อไปนะว่าผมยังไม่กลับมา" "แต่..." "เอ่อ แล้วก็ป้าอิ่มช่วยให้พ่อบ้านไปเคลียร์บิลที่ผมค้างไว้ด้วยได้ไหมครับ ทั้งที่อู่เฮียเป็ด บาร์เฮียกระทิง แล้วก็ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียเล้ง อ้อ อย่าลืมโอนให้ไอ้ฉลามด้วยนะ วันก่อนให้มันออกค่าเหล้าให้" "อิ่มจัดการให้ค่ะ แล้วเมื่อไหร่คุณเม่นจะพกบัตรเครดิต หรือว่าโหลดแอปธนาคารไว้ที่มือถือเหมือนคนอื่นเขาทำบ้างคะ จะได้ไม่เที่ยวไปติดเงินเขาไปทั่ว" "..." เม่นมองใบหน้าชราตามวัยอย่างนึกสงสัย ก็ปกติตนเป็นคนไม่ชอบพกอะไรยิบย่อยแบบนี้อยู่แล้ว ป้าอิ่มน่าจะรู้ดี เขาไม่ยอมพกเงินเลยทั้งที่สมบัติของตระกูลทั้งหมดนี่เป็นของเขาคนเดียว ใช้อีกสิบชาติยังไม่หมดด้วยซ้ำ "ไม่เอา ขี้เกียจพก ไว้รอมีเมียให้เมียจัดการให้ดีกว่า ผมชอบเมาแล้วลืมมือถือ ลืมกระเป๋าตัง เดี๋ยวแบล็กการ์ดคุณพ่อได้โดนรูดหมดพอดี ไม่เอาดีกว่า" "เอ่อ...งั้นเอาที่คุณเม่นสะดวกก็ได้ค่ะ ว่าแต่ตอนนี้คุณท่านรอคุณเม่นอยู่นะคะ" "ไม่เอา บอกพ่อไปเลยว่าผมยังไม่กลับ" ว่าแค่นั้นเจ้าตัวก็ลิ่วหนีออกมาเลยทันทีไม่สนเสียงร้องเรียกของคนด้านหลังสักนิด จนกระทั่งพาตัวเองมาถึงยังสวนหย่อมข้างบ้านที่เป็นมุมพักผ่อนมุมโปรดนั่นล่ะ ฝีเท้าถึงได้ถูกชะลอลง พร้อมกับหายสูงที่หย่อนตัวลงนั่งยังเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้วยความคุ้นชิน "ใครจะเข้าไปตอนนี้ล่ะ ไปให้โดนด่าฟรีหรือไง คนฉลาดเขาย่อมต้องเลี่ยงการปะทะอยู่แล้ว ขอหูอื้อเพราะลมโกรกพอนะครับพ่อ ผมยังไม่อยากหูชาเพราะพ่อตอนนี้" หนุ่มเจ้าสำราญว่ากับตัวเองแล้วยกยิ้มขึ้นมาคล้ายว่าตนนั้นภูมิใจในความคิดเสียเหลือเกิน แล้วเลือกจะหลับตานิ่งปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศเงียบสงบข้างกาย พร้อมกับอดนึกถึงเรื่องราวที่ตนไปเจอมาวันนี้ไม่ได้ นึกถึงประโยคนี้ที่ตัวเขาเอ่ยกับใครบางคน รอยยิ้มกริ่มคล้ายถูกใจของเม่นก็ผุดขึ้นมาให้เห็นยามเมื่อเจ้าตัวนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวินมอเตอร์ไซค์จากใครคนหนึ่ง "ไปมหาลัย XXX ด่วนเลยค่ะ" "แล้วนี่มีหมวกแค่ใบเดียวเหรอคะ แบบนี้ผู้โดยสารจะอันตรายเอานะ" "นี่คุณ! มัวทำอะไรอยู่ ออกรถสิ ฉันต้องรีบขึ้นวอร์ดก่อนเจ็ดโมงครึ่งนะคะ" น้ำเสียงร้อนรนของสาวเจ้าที่เม่นได้ยินนั้น ยังคงติดแน่นอยู่ในความรู้สึกอย่างที่ไม่อาจจะลบเลือนไปไหนได้ง่าย ๆ ก็แน่ล่ะ จะให้เขาลืมลงได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวคือผู้หญิงคนแรกที่กว่ากระโดดซ้อนท้ายรถคันโปรดของเขาทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้เอาก้นมาสัมผัสเลยสักครั้งตามประสาคนที่หวงของมากคนหนึ่งอย่างเขา "เก็บเอาไว้นะคุณ เผื่อจะได้ซื้อข้าวกิน และถ้าให้ฉันแนะนำ คุณควรที่จะไปหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งนะ อย่างน้อยก็จะไม่มีใครว่าเอาได้ว่าเป็นขยะสังคม" อีกหนึ่งประโยคที่มาพร้อมกับแบงก์สีเทา ทำเอาเม่นหลุดหัวเราะออกมาคนเดียว เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฝ่ายนั้นทำหลังจากแยกกันครั้งล่าสุด แบงก์เทาถูกควักออกมาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาคมที่จับจ้องมันนิ่งเช่นเดียวกับรอยยิ้มถูกใจที่ประดับอยู่เกลื่อนใบหน้า และแน่นอน นอกจากวีรกรรมของเจ้าตัว รวมถึงนิสัยบางอย่างที่สัมผัสได้ยังดึงดูดเม่นได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไหนจะความอุ่นนุ่มที่เขาลืมไม่ลงนั่นอีกละ "คนบ้าอะไร หุ่นก็ดี ตัวก็หอม นมก็นุ่ม ใจดี เสียงยังหวานอีกต่างหาก โคตรน่ารัก เธอเป็นใครกันนะ" เม่นได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังกระจายตัวเกลื่อนอยู่บนใบหน้าเหมือนเคย แล้วเรื่องที่เจ้าตัวเอ่ยเตือนตนพร้อมสละเงินที่ค่อนข้างมากอยู่ มาให้อย่างไม่ลังเลนั่นอีก เพราะเหตุผลข้อนี้มันทำให้เม่นไม่อาจสลัดความคิดที่มีต่อตัวหญิงสาวออกไปจริง ๆ ก็ในเมื่อช่วงชีวิตที่ผ่านมา แม้ว่าตัวของเขานั้นจะพบปะกับบรรดาผู้หญิงนับหน้าคร่าตาไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีใครเหมือนเธอเลยสักคน ส่วนใหญ่ที่ได้เจอมักจะเป็นลูกคุณหนูไฮโซ ที่มีนิสัยเหมือนกันราวกับโคลนนิ่งผลิตออกมาจากพิมพ์เดียวกัน คือถ้าไม่เอาแต่ใจเรียกร้องแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการฝ่ายเดียว ก็มักทำตัวเป็นแม่ไก่คอยจิก เหวี่ยง และวีน ยามที่ตนไม่ได้ดั่งใจเสมอ ทำเอาเขานึกรำคาญทุกครั้งไป แต่กับเธอคนนี้ทำให้มุมมองของเขามันเปลี่ยนไปจริง ๆ "นี่แหละว่าที่แม่ของลูก" หนุ่มอารมณ์ดีคิดในใจแบบนั้นพร้อมกับวาดฝันไปถึงคนหญิงสาวว่าที่คุณหมอไม่หยุด แต่ไฉนแรกเริ่มเดิมทีจากความประทับใจถึงได้แปรเปลี่ยนเป็นความคิดสิบแปดบวกไปได้กันล่ะ "ตัวหอม ๆ แบบนั้นถ้าได้ดมใกล้ ๆ คงจะฟินดีไม่หยุดแน่ๆ แล้วหุ่นแม่เจ้าประคุณอีก มันจะน่าฟัดอะไรขนาดนั้น แม่พันธุ์ชั้นเลิศชัดๆ พี่เม่นคนนี้อยากบีบ อยากขยำ อยากตรวจร่างกายคุณเธอคนสวยจริง ๆ " เม่นว่าออกมาพร้อมกับท่าทางเคลิบเคลิ้มที่แสดงออกมาผ่านสีหน้าอย่างชัดเจน ตามประสาคนทะเล้นที่เห็นสาวสวยเป็นไม่ได้ ต้องขอเก็บมานึกถึงสักหน่อยไม่มากก็น้อย ทว่าใครจะคิดว่าในตอนที่เจ้าตัวกำลังเพลิดเพลินกับจินตนาการไร้ขอบเขตของตนอยู่นั้น จู่ๆ ความรู้สึกเจ็บแปลบก็เล่นงานตรงกลางกบาลของเขาอย่างจัง ตามแรงตบของใครคนหนึ่ง "โอ๊ย ใครวะ" "ฉันเองเนี่ยล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า เจ้าลูกไม่รักดี" ท่าทีของคนที่ลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อครู่ เตรียมพร้อมจะมีเรื่องอย่างเห็นได้ชัด หดเล็กเหลือเพียงตัวเท่าเมี่ยง เมื่อเห็นเต็มตาว่าคนที่ตบเขาจนน้ำตาคลอเบ้านั่นคือคุณพ่อบังเกิดเกล้าที่เขาไม่อาจหาญต่อกรได้เลยจริง ๆ "โธ่ คุณพ่อครับ ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ ผมตกใจหมดเลย ตัวผมก็แค่เนี้ย" เม่นพยายามตีหน้าซื่อทำตัวเหมือนเด็กชายตัวเล็กที่ถูกดุ หวังจะให้คนพ่อเห็นใจ แต่ก็เปล่าเลย เพราะนอกจากจะไม่เห็นใจแล้ว สีหน้าที่เดิมก็ดุจนน่ากลัวยิ่งเพิ่มรังสีพร้อมทำลายล้างมากขึ้นไปอีก "ทำเป็นเล่นตลอด แล้วแบบนี้ฉันจะตายตาหลับฝากฝังทุกอย่างกับแกไว้ได้ยังไง" แล้วบทสนทนาในเชิงบ่นก็เริ่มขึ้นอีกครั้งโดยที่เม่นเองได้แต่จำยอมเป็นผู้รับฟังอย่างเดียวไม่กล้าจะเอ่ยขัดใด ๆ อันที่จริงแล้วบ้านของเขามีฐานะที่เข้าขั้นเศรษฐีก็ว่าได้ แต่เพราะเจ้าตัวชอบทำตัวติดดิน คนอื่นเลยเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กแว้นที่เลาะหาเรื่องโดนด่าไปวันๆ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะเขาก็โดนพ่อบ่นอยู่ทุกวัน "เหนื่อยแล้ว ฉันเหนื่อยจะบ่นแกแล้ว เมื่อไหร่แกจะคิดได้สักที" "เหนื่อยก็หยุดบ่นสิครับ" "ต้องให้ฉันตายเหมือนแม่แกก่อนไหม แกถึงจะคิดได้ ฉันละเหนื่อยใจจริง ๆ นี่ถ้าแม่แกมองอยู่บนสวรรค์ คงกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ ที่เห็นลูกชายคนเดียวทำตัวแบบนี้" ได้ยินแบบนั้นเม่นก็หน้าเสียลงทันที การที่แม่เสียไปตั้งแต่เด็ก มันคือปมเดียวในใจของเขาที่มี ในความคิดของเขาคือแม่ควรจะยังอยู่กับเขาเหมือนเดิมถ้าวันนั้นแม่ไม่เลือกไปรับการรักษาที่นั่น "ถ้าวันนั้นแม่ไปโรงพยาบาลอื่นที่ดีกว่านั้น ตอนนี้ท่านก็คงอยู่บ่นผมตรงนี้ ผมเกลียดที่นั่น เกลียดที่ไม่มีปัญญารักษาคนได้" น้ำเสียงเจ็บปวดทั้งยังแววตาของเม่นแข็งกระด้างผุดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกเหตุการณ์ในวัยเด็ก ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียผู้เป็นแม่ไปตลอดกาล และใช่ ในความคิดของเขาคือมันเป็นแบบนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะโรงพยาบาลนั่น โรงพยาบาลที่เขาจำชื่อได้จนขึ้นใจ! ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD