ตอนที่ 4
ตัวร้าย
อีกฟากฝั่งหนึ่งของเมือง เห็นเป็นบริษัทผลิตยาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่หลายสิบไร่ ทุกอย่างดูมีระบบและขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศการทำงาน ความสบาย หรือสิ่งแวดล้อมโดยรวม ต่างอยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วยกันทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่คน คนหนึ่ง ผู้ซึ่งอยู่ในอารมณ์ที่ขัดกับบรรยากาศรอบข้างจริงๆ
"ก็บอกกี่ครั้งแล้วว่าของฉันต้องเอาน้ำเย็นระดับที่พอดีเท่านั้น แบบนี้มันเย็นเกินไป ต้องผสมน้ำธรรมดาด้วย ทำไมไม่จำเลยนะ"
เสียงค่อนไปทางแหลมบ่งบอกถึงสภาวะอารมณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจนั้น ทำเอาแม่บ้านผู้นำน้ำดื่มมาต้อนรับหัวหดจนแทบจะตั้งบ่าเข้าไปแล้ว พร้อมกับนึกในใจว่าตนไม่น่าซวยจนมาเจอกับคุณหนูผู้เป็นนายแบบนี้เลย เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้คุณมิลินจอมเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจคนนี้น่ะสิ
"เอาน่าเดี๋ยวมันก็พอดีเองแหละ เราน่ะไปทำอะไรก็ไปเถอะ" ท้ายประโยคผู้เป็นพ่อหันไปบอกแก่แม่บ้านคนสนิท นั่นละเจ้าตัวถึงได้กล้าออกไป พร้อมกับหันมาหาคนเป็นลูก แล้วเอ่ยบอกออกไปอย่างคนใจเย็น
"เราเองก็เหมือนกันจะอะไรนักหนา อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยบ้าง"
"ก็หนูไม่ชอบนี่คะคุณพ่อ ว่าแต่นี่พ่อทำอะไรอยู่คะ" สาวเจ้าจะถามออกมา เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อกำลังจัดการกองเอกสารตรงหน้า ด้วยการแยกบางแผ่นออกมาไว้เป็นกองเล็กอีกที
"พ่อกำลังเช็กรายชื่อของคนที่ค้างจ่ายค่ายากับทางเราอยู่น่ะลูก"
"งั้นถ้าหนูคิดไม่ผิด โรงพยาบาลของหมอหวังก็เป็นหนึ่งในนั้นใช่ไหมคะ"
ได้ยินแบบนั้นสาวเจ้าก็ทำท่าคิดอะไรอยู่หน่อยหนึ่ง ก่อนที่แววเจ้าเล่ห์บางอย่างจะฉายขึ้นมาในนั้น พร้อมกับน้ำเสียงหวานหยดเกินพอดีที่ดังขึ้น พร้อมกับมือที่ฉวยเอากระดาษใบหนึ่งมาถือเอาไว้ด้วย
"งั้นเดี๋ยวรายนี้หนูไปจัดการให้เองค่ะ ยังไงก็คนกันเอง"
"มันจะดีหรือลิน นั่นโรงพยาบาลพ่อเพื่อนเราไม่ใช่เหรอ แบบนี้จะไม่ผิดใจกันหรือไง"
"เรื่องแค่นี้เองค่ะคุณพ่อ ทางนั้นแยกแยะได้น่า หนูไปก่อนนะ" ว่าแล้วสาวเจ้าก็เดินออกมาทันที ท่ามกลางสายตาของคนเป็นพ่อที่มองตามติด ๆ
มุมหนึ่งใต้ตึกคณะของมหาลัย
"เฟยจ๋า เรามาทวงเงินที่พ่อเธอค้างบ้านเราเอาไว้"
เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควรของมิลินดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวเดินมาถึงยังจุดที่เฟยกำลังนั่งทบทวนเนื้อหาที่ตนเรียนมา และแน่นอนเสียงที่ค่อนไปทางดัง บวกกับบิลเรียกเก็บที่ยกขึ้นมาโชว์หราราวกับกลัวคนอื่นไม่เห็นเรียกสายตาของเพื่อนนักศึกษาให้หันมามองได้เป็นอย่างดี
ทั้งที่ปกติแล้วหน้าที่ทวงเงินมันก็ไม่ใช่หน้าที่ลูกคุณหนูแบบเจ้าตัวเลยสักนิด เรียกได้ว่าแค่มองตาเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาแซะคนเป็นเพื่อนร่วมคณะเท่านั้น
และใช่ เป้าหมายของเธอคือมาเพื่อทำให้เฟยอับอายจริง ๆ
เฟยกับมิลินนั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียกได้ว่า แต่จะต่างกันก็ต้องที่มักจะเป็นเฟยที่ล้ำหน้าเธอไปแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิสัย หน้าตา ความขยัน การเรียน เฟยมักจะดีกว่าอยู่หลายระดับ ในขณะที่มิลินกลับมีเหนือกว่าอย่างเดียวคือฐานะทางบ้านเท่านั้น นั่นจึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะไม่ชอบหน้าเฟยเอามาก ๆ ชนิดที่ว่าพอเห็นว่ามีใครสนใจในตัวเฟย เจ้าตัวก็มักจะจีบตัดหน้าคว้าไปกินก่อนทุกครั้งไป
และอีกเรื่องที่มิลินสามารถข่มเฟยได้ก็คือค่ายาที่ทางพ่อของเฟยค้างจ่ายมาหลายงวดแล้ว มันจึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่คนขี้อิจฉาอย่างมิลินจะเอามันมาเป็นจุดกลั่นแกล้งอีกฝ่ายแบบนี้
"ลินเข้าไปคุยกันข้างในดีไหม"
เฟยพยายามต่อรองเมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนมองกันค่อนข้างมาก ด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็นอย่างปิดไม่มิด เล่นเอาใบหน้าสวยร้อนผ่าวด้วยความอายไม่น้อย
"คุยตรงไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ทำไมอายคนหรือไง ตอนติดหนี้ทำไมไม่อายบ้างล่ะ"
"ลิน แต่ตอนนี้พ่อเราไม่ได้อยู่ตรงนี้นี่เอ่อ...ส่วนเรื่องเงิน ช่วงนี้บ้านเรายังไม่มี...ขอเลื่อนไปอีกสักหน่อยได้ไหม"
เฟยพยายามจะเอ่ยต่อรองออกไปแม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะรู้สึกเหมือนหน้าชาไปแทบจะทั้งแถวด้วยความอับอายก็ตาม ฝ่ายมิลินที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจว่าตนสามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ได้ จึงเดินหน้าตอกย้ำความรู้สึกของคนตัวเล็กมากขึ้นไปอีก
"ขอเลื่อนตลอดแต่ก็ไม่มีวี่แววสักที ให้ฉันแนะนำให้เอาไหม คือถ้าพ่อเธอยังไม่เลิกรักษาคนไข้จนๆ ที่แม้แต่ค่ายายังไม่มีปัญญามาจ่ายแบบนั้น ให้ตายก็ไม่มีวันหรอกที่จะหาเงินมาจ่ายบ้านเราได้ โง่! เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่เป็น พ่อเธอว่าโง่แล้วตัวเธอก็ยังโง่อีก ดักดานแบบนั้นไงเลยเป็นได้แค่โรงพยาบาลสับปะรังเคไม่ก้าวหน้าไปไหน"
คำของมิลินทำเอาเฟยถึงกับอ้าปากค้างขึ้นมาทันทีกับคำจิกกัดที่มันค่อนข้างแรงพอสมควร ว่าเธอก็อายพอดูอยู่แล้ว นี่เล่นถึงพ่อกันแบบนี้มันจึงไม่แปลกอะไรที่เจ้าตัวจะอดโต้ตอบไปกลับไปบ้างไม่ได้ ด้วยน้ำเสียงแข็งๆ กว่าเคย
"เธอพูดแบบนี้มันก็เกินไปไหมลิน ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ว่ามันจะออกมาจากปากของคนที่เรียนหมอแบบเธอ ความเห็นใจคนอื่นไม่มีบ้างเลยรึไง มันเรื่องพื้นฐานเลยนะนั่น"
"เธอด่าเราเหรอเฟยทั้งที่ตัวเองก็ไม่ยังต้องพึ่งเราเนี่ยนะ อย่าอวดดีให้มันมากนัก และก็ถ้าปากจะดีแบบนี้ ก็น่าจะใช้ปากไปช่วยหาเงินมาจ่ายค่ายาให้เราสักทีสิ เพราะเราเองก็เบื่อที่ต้องมาคอยทวงอะไรแบบนี้แล้วนะ"
"เราบอกแล้วไงว่าขอเวลาอีกหน่อย"
ริมฝีปากของมิลินบิดเบี้ยวขึ้นมาราวกับกำลังเย้ยหยันคนเพื่อนอยู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายตวาดจะดังออกไปในเชิงกดดันอีกว่า
"เราให้เวลาเธอมามากพอแล้ว ถ้าภายในอาทิตย์นี้เธอยังหาเงินมาจ่ายไม่ได้ เราจะไม่ส่งยาให้โรงพยาบาลเธออีก"
"ไม่ได้นะ ยาหลายตัวต้องทานต่อเนื่อง ถ้าเธอยกเลิกกว่าจะไปหารายใหม่คนไข้จะเป็นยังไงเขารอไม่ได้หรอกนะ"
"ก็มันไม่ใช่เรื่องของเรา"
"มิลิน!"
"พอแล้วพอแล้ว เสียงดังจนคนมองตื่นหมดแล้ว" ก่อนที่การปะทะฝีปากจะไปไกลกว่านี้ เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมาพร้อมกับเห็นเป็นร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาพอดี
"กวินทร์"
"นึกว่าใครมา หมาแว่นนี่เอง" เป็นอีกครั้งที่คนหน้าสวยแต่ใจแคบบิดเบ้สีหน้าแสดงความรู้สึกที่บอกว่าไม่ชอบหน้าผู้มาใหม่อย่างเห็นไม่ชัด
"มีเรื่องอะไรกันเฟย"
"ไม่มีอะไรหรอกแค่...."
"เรามาทวงเงินค่ายาที่แฟนนายไม่ยอมจ่ายสักทีไง นี่ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ใช้แทนกันเลยไหม ขี้เกียจทวงแล้ว"
กวินทร์หยิบใบบิลที่มิลินยื่นออกมาชนิดที่ว่าแทบจะต่อหน้าให้ดูตามาถือไว้ คนใต้กรอบแว่นกวาดมองอยู่หน่อยก็ควักมือถือของตนขึ้นมากดๆ แอปพลิเคชันธนาคารอยู่ครู่หนึ่งท่ามกลางสายตาของเฟยที่ไม่สบายใจเอามากๆ เพราะเจ้าตัวรู้ว่าคนเพื่อนต้องการจะช่วยจ่ายให้อย่างที่มิลินว่าแน่ๆ
"กวินทร์..."
เจ้าของชื่อทำเพียงแค่ส่งยิ้มมาให้แล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะจัดการธุรกรรมบนมือถือจนเสร็จ แล้วยื่นหน้าจอของตนให้เจ้าหนี้ผู้ไม่มีมารยาทดู
อันที่จริงฐานะทางบ้านของเขามันก็ค่อนข้างมีอันจะกินมากพออยู่แล้ว และการจะหยิบยื่นมือช่วยเหลือคนที่เขามีใจให้ มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยมากจริงๆ แต่เป็นตัวของเฟยต่างหากที่ปฏิเสธเพราะความเกรงใจเขามาตลอด
แต่เหมือนคราวนี้ถึงจะอยากปฏิเสธก็ช้ากว่าเพื่อนผู้หวังดีเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นปากของเจ้าหนี้สาวก็ยังไม่หยุดถากถางอยู่ดี
"นายนี่มันน่านับถือจังเลยนะ เคยตามก้นยัยเฟยยังไง ก็ตามต้อยๆ เหมือนเดิม แหมเห็นแล้วจะอ้วก"
ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มถอนหายใจออกมาพร้อมกับเปิดปากเอ่ยโต้อีกฝ่ายคืนไปบ้างเพราะรู้จักคนอย่างมิลินดี
"อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนที่ไม่มีใครตามแบบเธอก็แล้วกัน" คนฟังแทบกรีดร้องออกมากับคำนั้นแต่ก็ยังเชิดหน้าโต้กลับไปได้อย่างไม่ยอมแพ้
"ดี! ปกป้องกันดี นี่ ถ้าจะแต่งกันวันไหนบอกด้วยนะ แต่เราคงไม่ได้มาร่วมงานหรอกนะ กะว่าจะช่วยใส่ซองมาร่วมทำบุญสงเคราะห์คู่กรรมแบบนายก็พอ"
"ได้เงินแล้วไม่ใช่เหรอ หมดธุระแล้วใช่ไหม ทางออกอยู่ตรงนั้น" เฟยว่าอย่างเหนื่อยหน่าย
มิลินได้ยินอย่างนั้นก็อยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ยอมกระแทกเท้าออกไปด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดไม่น้อย ท่ามกลางสายตาของสองเพื่อนที่มองตามไปติดๆ บ่งบอกถึงความไม่พอใจในพฤติกรรมของเธอเป็นที่สุด
***