ตอนที่ 6
ในน้ำส้ม?
"บ้า! บ้าๆๆ โอ๊ย ทำไมถึงได้ตาต่ำกันหมดขนาดนี้ นังนั่นมันมีอะไรดีขนาดนั้นกันนะ!!"
เสียงกรีดร้องด้วยความขัดใจของมิลินดังแผ่วขึ้นมาแทบจะทันที เมื่อเจ้าตัวพาร่างกายกลับมาถึงยังห้องพักของตัวเอง
และแน่นอน แม้ว่านับจากเหตุการณ์ที่มหาลัยจนถึงตอนนี้จะผ่านไปนานพอสมควรแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ภายในใจของมิลินมันลบเลือนภาพเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายได้เลย
ภาพของรุ่นพี่ที่ตัวเองชอบ ไปให้ความสนใจคู่อริที่ตนไม่ชอบหน้าเอามาก ๆ แบบนั้น
"ฉันละไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าแกไม่ทำเสน่ห์มาจากสำนักไหนกันนะนังเฟย คนถึงได้รุมตอมขนาดนั้น แต่กลับฉันที่ดีกว่าแกทุกอย่าง ควรจะได้พี่รวยมาเป็นแฟน ดันโดนมองข้ามนี่นะ ไม่ยุติธรรมสักนิด!"
ใบหน้าสวยของมิลินยิ่งบูดบึ้งมากกว่าเดิมด้วยความขัดใจที่มี ปลายเล็บถูกยกขึ้นขบกัดตามวิสัยที่ชอบทำยามมีเรื่องให้ต้องคิด และเรื่องที่ว่านี่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสียเมื่อไหร่
"ฉันไม่ยอมให้แกมาเด่นกว่าฉันหรอกนะเฟย แบบแกมันจะไปเกินหน้าเกินตาฉันได้ไง "
สาวเจ้ารำพึงกับตัวเองอยู่แบบนั้น พร้อมกับใช้ความคิดไปด้วย จนกระทั่งรอยหยักสมองมันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว นั่นละ ริมฝีปากสีแดงสดถึงได้บิดยิ้มขึ้นมา ฉายชัดถึงเย้ยหยันในใจตามความคิดที่มีของตัวเอง
"คนอย่างแกนี่สงสัยต้องโดนสั่งสอนสักหน่อยแล้ว"
วันต่อมา ที่มหาลัย
"เฟยจ๋า"
เสียงลากยาวจากน้ำเสียงหวานแสบไส้เกินพอดีของเพื่อนสาวที่เดินตรงมาหานั้น ทำเอาเฟยอดจะขมวดคิ้วเข้าหากันกับท่าทีของอีกฝ่ายที่หลับตาข้างเดียวดูก็รู้ ว่าไม่ได้จริงใจอะไรขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงปั้นรอยยิ้มทักทายกลับไปอยู่ดีอย่างคนไม่อยากมีปัญหาด้วย
"ว่าไงมิลิน มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า"
"แหม เราอยากคุยด้วยต้องมีธุระอะไรด้วยเหรอ ก็แค่อยากคุยด้วยไม่ได้เหรอจ๊ะ"
คนมาใหม่ว่าขึ้นพร้อมกับหย่อนกายลงนังข้างกันกับเพื่อนร่วมคณะที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้าเลยสักนิด แต่เวลานี้กลับมานั่งฉีกยิ้มหวานเบียดกระแซะตัวเฟย จนเรียกได้ว่าแทบจะสิงร่างเข้าให้ได้อยู่แล้ว
"เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่"
"แล้วนี่อีตาแว่นหายไปไหนแล้วล่ะ ไม่มาตามก้นเธอแล้วรึไง โห แบบนี้น้ำจะไม่ท่วมมหาลัยเลยเหรอ"
"ถ้าเธอหมายถึงกวินทร์ เขาไม่ว่างน่ะ เห็นว่ามีเรื่องที่บ้านยุ่ง ๆ นิดหน่อย"
"งั้นเหรอ คงจะยุ่งมากเลยดิ เห็นหายไปหลายวันแล้วนี่"
"ก็คงอย่างนั้นมั้ง"
ในใจของเฟยก็ไม่เข้าถึงความต้องการของคนข้างกายนี่เลยเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วเจ้าตัวกับกวินทร์เหมือนจะไม่ชอบหน้ากันแท้ๆ แต่ไฉนวันนี้ถึงเอาแต่ซักถามไม่หยุดอยู่อย่างนี้กันนะ
"เหมือนวันนี้เธอจะถามถึงกวินทร์บ่อยจังเลยนะ"
"อ๋อ ก็แปลกใจไงปกติเห็นตัวติดกันตลอดเลยนี่"
คนที่เหมือนจะถูกจับสังเกตความผิดปกติได้ รีบกลบเกลื่อนออกมาด้วยรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจเหมือนเดิม ก็จะให้เธอบอกอีกฝ่ายไปได้อย่างไรกันล่ะ ว่าที่ถามซอกแซกไปเรื่อยนี่ ก็เพราะว่าต้องการจะให้แน่ใจว่าแผนของตนจะไม่มีอัศวินขี่ม้าขาวทำตัวเป็นฮีโร่มาช่วยขัดต่างหากล่ะ
"อื้อ นี่เฟย วันเสาร์นี้เธอว่ารึเปล่า ไปดื่มเป็นเพื่อนเราหน่อยได้ไหม เราเหงาๆ"
"ทำไมถึงมาชวนเราล่ะ ปกติแล้วเธอไม่เห็นเคยมาชวนเรานี่ อีกอย่างเธอก็น่าจะรู้ว่าเราไม่ไปที่แบบนั้น"
เฟยอดจะถามและปฏิเสธออกมาตรงๆ ไม่ได้ เพราะหนึ่งเลยคือตัวเธอไม่เคยไปนั่งในที่แบบนั้นจึงไม่น่าจะมีคนมาชวนได้
และสองคือปกติแล้วตัวของมิลินเองก็ไม่เคยมาชวนด้วยซ้ำ วันนี้ท่าทีหลายอย่างของอีกคนมันทำเอาเฟยอดแปลกใจเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ได้
"แหม" เสียงลากยาวไกลเป็นกิโลดังออกมาทันที พร้อมกับรอยยิ้มหวานหยดกว่าเดิมที่ถูกส่งไปให้ เช่นเดียวกับน้ำเสียงของเจ้าตัวในเวลานี้
"ก็ช่วงนี้เราเบื่อๆ เพื่อนในกลุ่ม มีแต่จับกลุ่มนินทาคนอื่น เราไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เลยมาหาเฟยดีกว่าไม่น่าปวดหัวดี"
"แต่เราไม่ชอบไปที่แบบนั้นนี่สิ สงสัยคงไปเป็นเพื่อนเธอไม่ได้หรอก"
"โธ่เฟย มันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นหรอกน่า ปลอดภัยด้วย ที่ร้านเขามีการ์ดดูแล ถ้าเธอไม่ดื่มสั่งอะไรที่ไม่เมาก็ได้นี่ ถือว่าไปนั่งเป็นเพื่อนกัน น่า นะ เฟย"
เสียงออดอ้อนทั้งสายตาที่ออดอ้อนร้องขอนั่น ทำเอาเฟยอึดอัดไม่น้อยเพราะถ้าถามคือในใจของเธอนั้นไม่อยากไปเลยสักเปอร์เซ็นต์เดียว แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนสาวที่ไม่ได้สนิทมากมายนั่น ยังคงเดินหน้าเอ่ยร้องขอออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
"คิดดูดีๆ คิดอีกทีนะเฟย แค่ไปนั่งเป็นเพื่อนเราเองมันไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้นนี่"
"ก็ใช่ แต่เราอยากอยู่บ้านอ่าน..."
"ถ้าเธอไม่ไป ยารอบใหม่ที่กำลังจะส่งให้ อาจจะเลื่อนไปไม่มีกำหนดก็ได้นะ อย่าลืมสิว่าเราเป็นใคร ไหนจะบิลรอบใหม่..."
รอยยิ้มหวานยังคงมีอยู่บนใบหน้าของคนเพื่อนเหมือนเคย แต่ทว่าทั้งดวงตาและน้ำเสียงที่เจ้าตัวสื่อออกมานั้น มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านี่คือการขู่บังคับทางอ้อม ด้วยรู้ว่ายังไงเสียเลยก็คงไม่กล้าปฏิเสธอยู่แล้ว
"เธอไม่น่าเอาเรื่องนี้มาขู่เราเลยนะลิน มันคนละส่วนกัน เรื่องแค่นี้เธอน่าจะคิดได้นะ"
คำพูดเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยคำด่านั่น เล่นเอามิลินหน้าชาขึ้นมาทันทีในใจมันกรีดร้องไปด้วยความขัดใจหมดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงปั้นยิ้มเอาไว้ได้เหมือนเคยอย่างแนบเนียน
"ก็ถ้าไม่พูดแบบนี้เธอก็จะปฏิเสธท่าเดียวไง"
คำว่า ไม่ ยังดังก้องขึ้นมาในหัวเฟยรัวๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะมีทางเลือกแต่อย่างใด เพราะไม่อยากจะเสี่ยงกับคนเอาแต่ใจอย่างมิลิน ที่สามารถทำทุกอย่างได้ เพียงเพื่อแค่สนองความต้องการของตัวเอง
สุดท้ายเฟยก็จำใจต้องตกปากรับคำอีกคนไปอย่างไม่มีทางเลือกอื่น ในใจนึกอยากจะโทรปรึกษากับเพื่อนสนิทคนเดียวของตนอย่างกวินทร์ด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากจะเอาเรื่องเล็กน้อยไปทำให้เจ้าตัวต้องวุ่นวายเพิ่ม
'เอาน่าเฟย แเราก็แค่ไม่ดื่มเหล้าก็พอนี่นา'
เฟยพยายามปลุกปลอบตัวเองในใจแบบนั้น แม้ว่าลึกๆ เจ้าตัวจะอดกังวลไม่ได้ก็ตาม
ค่ำคืนนั้น
สถานที่นัดพบคือผับแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างมีระดับอยู่ไม่น้อย นักเที่ยวราตรีต่างอยู่ในห้วงอารมณ์เมามันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งโยกย้ายไปตามจังหวะเพลง ทั้งนั่งดื่มกินพูดคุยกันอย่างออกรส ซึ่งมันคือเรื่องธรรมดาและภาพคุ้นชินของคนที่มาเที่ยวอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับเฟย
'อยากกลับบ้านจัง'
ประโยคนี้ลอยวนเวียนไปมาในหัวเป็นรอบที่สิบแล้วก็ว่าได้ แต่ที่เจ้าตัวทำได้ก็เห็นจะมีเพียงแค่นั่งหมุนแก้วน้ำส้มที่อยู่ในมือเล่นเท่านั้น ในขณะที่ตาก็จับจ้องมองมิลินที่ออกอาการดีดดิ้นท่ามกลางผู้คนไปตามจังหวะเพลงที่ถูกเปิด
"จริงๆ เรามาด้วยก็ไม่ต่างอะไรจากมาคนเดียวเลยนี่ แบบนี้หนีกลับได้ไหมนะ"
เฟยยังคงปรึกษากับตัวเอง เมื่อเห็นชัดแล้วว่ามิลินที่บอกว่าเหงานั้น แทบจะไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าไม่ได้มีตัวเธอมาด้วยตั้งแต่แรก
"เอ่อ ขอโทษนะครับคุณลูกค้าคนสวย"
เสียงบาร์เทนเดอร์ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ดึงสายตาของเฟยให้หันกลับมามองเจ้าตัวได้อย่างไม่อยาก แม้จะเป็นเชิงถามถึงเหตุผลของการเรียกมากกว่าก็ตาม
"คือคุณผู้หญิงที่มาด้วยสั่งเอาไว้น่ะครับ ว่าถ้าผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอติดลมยังไม่กลับเข้าโต๊ะ ให้ผมเอานี่มาให้คุณได้เลย แล้วก็สั่งเอาไว้ว่าถ้าดื่มหมดแก้วก็กลับได้ทันที"
เฟยตามองแก้วน้ำส้มที่อีกฝ่ายเพิ่งวางเอาไว้ให้ตรงหน้าแล้วหันกลับไปบริการลูกค้าคนอื่นต่อ ไม่ได้สนใจเธออีก
"แค่ดื่มก็กลับได้แล้วสินะ"
คนงามอนาคตคุณหมอคิดในใจแบบนั้น ก่อนจะตัดสินใจยกน้ำส้มแก้วใหม่ขึ้นมาส่งป้อนเข้าปากไปอย่างว่าง่ายและไม่ได้เฉลียวใจอะไร
***