บทที่ 1 อดีตที่เลวร้าย

2070 Words
บทที่ 1 อดีตที่เลวร้าย หลินซูมี่ชื่อในยุคอดีต หรือซูมี่ยุคปัจจุบัน หญิงสาวชาวบ้านอยู่ในชุดกี่เพ้าชายกระโปรงยาวคลุมเท้ารวมถึงแขนเสื้อก็ยาวคลุมข้อมือเป็นผ้าฝ้าย ซึ่งเธอเดินนำหน้าชายฉกรรจ์เข้าไปในบ้านอิฐหลังหนึ่งและเมื่อเห็นเด็กน้อยหน้าตามอมแมมกำลังทำงานบ้านอยู่ เธอก็เอ่ยเสียงเขียวและชี้นิ้วบอกกับชายฉกรรจ์ว่า “นี่ไงลูกสาวฉัน จับมันไปเลย” เธอออกคำสั่งชายฉกรรจ์เสียงดัง เสียงของแม่และนิ้วมือชี้มาหา ทำให้เด็กน้อยที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมองแม่ที่เดินนำผู้ชายหลายคนเข้ามาในบ้าน “มะ แม่” “อะไร” หญิงสาวคนนั้นท้าวเอว ดวงตาคู่โตมีแววเกลียดชังมองถมึงทึงเด็กหญิงตรงหน้าอย่างกินเลือดเนื้อ “คนพวกนี้เป็นใคร แม่พาพวกเขามาทำไม” เด็กหญิงหวาดระแวง กลัวมากหันไปมองชายตัวใหญ่น่ากลัวที่ตามหลังแม่มา “ก็เป็นคนที่จะมาเอาเธอไปไงหนูน้อย” ชายคนหนึ่งในกลุ่มเดินออกมาแล้วมองสำรวจเด็กหญิงอย่างพินิจ “ไปไหน หนูไม่ไป” พอได้ยินคำพูดของคนพวกนั้น เด็กน้อยก็รีบพูดขึ้น แล้วเดินถอยหลังหนี “อย่าไปฟัง จับตัวมันไปเลย” แต่ผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยนั้นกลับบอกให้ชายฉกรรจ์รีบจับตัวหนูน้อย เสียงเอะอะตะโกนของแม่ ทำให้เด็กชายตัวน้อยที่กำลังเล่นอยู่หลังบ้านได้ยิน จึงรีบวิ่งออกมาดู พอเห็นว่ามีคนกำลังฉุดกระชากลากพี่สาวอยู่ เด็กชายตัวน้อยก็รีบวิ่งมาห้ามพร้อมกับหยิบไม้ขึ้นมาตีคนที่จับแขนพี่สาว “ฮืออ อย่ามาจับพี่ใหญ่นะ นี่แหนะ” ซึ่งแรงอันน้อยนิดของเด็กชายตัวจิ๋วจะไปสู้ผู้ใหญ่ได้อย่างไรกัน เพียงแค่ผู้ชายที่ถูกตีสะบัดแขน เด็กชายนั้นก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที ด้านคนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกชายตัวน้อยล้มกลิ้งกองบนพื้น เธอก็รีบร้องห้าม และรีบเข้าไปกอดลูกชายไว้ “นี่อย่าทำอะไรลูกชายฉันนะ” “แม่ ยะ อย่าให้พี่ใหญ่ไป” เด็กชายร้องไห้เอ่ยเสียงอ้อนวอนช่วยพี่สาว ผสมใบหน้าเต็มน้ำตาเงยขึ้นมองแม่ “ไม่ได้ แม่ขายพี่ใหญ่ของลูกไปแล้ว” เธอบอกลูกชายโดยไม่มีความรู้สึกผิดและเสียใจเลย “อืออ แม่ครับ อย่าให้พี่ใหญ่ไป” เด็กชายยังอ้อนเสียงสะอื้นแต่คนเป็นแม่ไม่ได้สนใจฟังเสียงวิงวอนของลูกสาวและลูกชายเลย แต่เธอกลับหันไปสั่งให้ชายฉกรรจ์พาลูกสาวออกไป “ไป รีบพามันไป” พรึบ!.... “เฮ้ยย!” ฉันสะดุ้งตื่นมาด้วยความเคยชิน เพราะฉันฝันอีกแล้ว เป็นเวลานับหลายเดือน ตั้งแต่คุณยายที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เด็กจากไป ฉันก็ฝันเห็นเรื่องนี้มาโดยตลอดที่น่าแปลกใจคือเรื่องราวที่ฉันฝันถึงนั้นปะติดปะต่อกัน โดยความฝันเป็นเรื่องของฉันที่อยู่ในยุค 50 ของประเทศที่ฉันอยู่ ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นปี พ.ศ. ไหนกันแน่ แต่ที่ทำให้ฉันมั่นใจว่าหลินซูมี่คนที่ฉันเห็นในความฝันนั้นเป็นฉันในชาติภพก่อนแน่ เพราะชื่อและแซ่เหมือนกัน ไหนจะหน้าตาที่เหมือนฉันราวกับแกะอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะอายุ 29 ปีแล้วก็ตาม แต่หลินซูมี่คนในความฝันอายุแค่ 18 ปี และในความฝันที่ฉันเห็นนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจตัวเองในชีวิตก่อนเหลือเกิน เพราะฉันคนนั้นช่างโหดร้ายจนแทบจะรับไม่ไหว ชีวิตในความฝัน… หลินซูมี่ หรือซูมี่ เติบโตมาในครอบครัวหลินที่แสนอบอุ่น มีพ่อหลินห่าวตง แม่จิวลี่อิน พี่ชาย 2 คน หลินเซียวเหวิน หลินเซียวเหว่ย อายุ 25 ปี เป็นฝาแฝดกัน และมีฉันหลินซูมี่ อายุ 18 ปี เป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน ซึ่งบ้านของฉันเป็นบ้านสายรอง แยกบ้านออกมาอยู่เป็นครอบครัวตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด พ่อแม่ และพี่ชายทั้งสองตามใจฉันมาก ฉันแทบจะไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย พอพี่ชายสองคนแต่งพี่สะใภ้ทั้งสองเข้าบ้าน ฉันก็โขกสับใช้งานพวกนางสารพัด เรียกได้ว่าหลินซูมี่คนนี้เป็นที่น่ารังเกียจจริงๆ แต่คนที่บ้านฉันก็ไม่เคยเอาไปพูดที่ไหน หรือต่อว่าลูกสาวเลย ภาพลักษณ์ของหลินซูมี่จึงเป็นเหมือนแม่ดอกบัวขาว ชื่อเสียงของฉันในหมู่บ้านจึงค่อนข้างว่าดี พี่ชายคนโตเซียวเหวินแต่งงานกับผิงซื่อ มีลูกชาย 1 คน อายุ 2 ขวบ คือหลินเทียน พี่ชายคนรองเซียวเหว่ย แต่งกับหมิง มีลูกสาว 1 คน อายุ 1 ขวบ ชื่อว่าหลินซินอี๋ เพราะเป็นบ้านสายรอง ทำให้ครอบครัวของฉันโดนเอาเปรียบจากบ้านใหญ่หลินมาโดยตลอด โดยเฉพาะป้าสะใภ้ใหญ่ที่เป็นคนคุมทุกอย่างในบ้าน แม้จะแยกบ้านกันแล้วก็ยังตามมารังควานบ้านสายรองเสมอ ซึ่งปู่หลินและย่าหลินก็หลับตาข้างหนึ่ง ทำเป็นไม่รู้เรื่องมาโดยตลอด ทำให้หลินซูมี่เกลียดครอบครัวตัวเองมากที่อ่อนแอฉันจึงพยายามถีบตัวเองให้ครอบครัวส่งเธอเรียนจนจบมัธยมต้น จากนั้นก็พยายามจับผู้ชายรวยๆ เพื่อยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น และเป้าหมายของเธอคือ เฉินหยางตง ลูกชายคนรองของบ้านเฉิน แม้ว่าฉันจะค่อนข้างไม่ชอบครอบครัวสายรอง และอยากเป็นสะใภ้ใหญ่มากแค่ไหน แต่เพราะเป้าหมายของเธอคือนายทหารอนาคตไกล อย่างหยางตงจึงทำให้เธอมองข้ามเรื่องนี้ไป และด้วยแผนการอันร้ายกาจของเธอที่ทำตัวไร้ยางอายล้มทับเฉินหยางตงท่ามกลางสายตาของคนทั้งคอมมูนขณะกินข้าวกลางวันอยู่นั้นทำให้เฉินหยางตงต้องรับผิดชอบแต่งฉันเข้าบ้านและครอบครัวเฉินเองก็ดูจะพอใจเธอไม่น้อย เพราะฉันเป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนในหมู่บ้านที่ได้เรียนหนังสือ เพราะคนชนบทไม่มีอะไรจะเชิดหน้าชูตาได้หรอกนอกจากการศึกษา และคนที่ทำงานกับกองทัพ เป็นทหารอย่างเฉินหยางตง ทำให้ครอบครัวเฉินมีหน้ามีตาในหมู่บ้านหนานถังแห่งนี้ แต่หลังจากแต่งงานได้ไม่กี่วัน เฉินหยางตงต้องรีบกลับค่ายทหาร และหนึ่งเดือนหลังจากนั้นฉันก็ตั้งครรภ์ ทำให้สถานะของเธอชัดเจนขึ้นภายในบ้านเฉิน แม้ว่าจะยังไม่คลอดลูกก็ตาม เพราะหลังจากที่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์เฉินหยางตงก็ส่งเงินมาให้เธอมากขึ้น ซึ่งเขาส่งมาทั้งหมด 15 หยวน จากเงินเดือน 25 หยวน แบ่งให้เธอ10 หยวน และเข้ากองกลาง 5 หยวน จากปกติที่เขาส่งมา 10 หยวน ให้เธอ 5 หยวน ที่เหลือคือเข้ากองกลางและที่สำคัญคือเธอไม่ต้องทำงานเก็บแต้มที่คอมมูนตามคำขอของบ้านหลินและสามี ซึ่งทางบ้านเฉินก็รับปากเพราะทางเฉินหยางตงก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือน ทำให้ชีวิตของหลินซูมี่ค่อนข้างดีมาก ช่วยหยิบจับทำงานบ้านนิดหน่อย ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสามีอย่างพี่ใหญ่ห้ามไว้ สะใภ้สามก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่เคยมาหาเรื่องเธอตรงๆ นอกจากจะนินทาลับหลังเท่านั้น บ้านเฉินนั้นมีประมุขคือพ่อเฉินซีซวน อายุ 50 ปี แม่เจียวจิงซิน 45 ปี บ้านนี้มีลูกชายทั้งหมด 4 คน พี่ใหญ่ เฉินหยางฮั่น อายุ 23 ปี คนรองคือเฉินหยางตงสามีของฉัน อายุ 21 ปีคนที่สามคือ เฉินหยางฮุ่ย อายุ 19 ปี คนสุดท้องคือ เฉินหยางหมิน อายุ 15 ปี ซึ่งสามคนแรกนั้นได้แต่งงานออกเรือนกันหมดแล้ว เหลือแค่ เฉินหยางหมิน... พอถึงกำหนดคลอด หลินซูมี่ได้ให้กำเนิดลูกสาว นั่นทำให้ฉันไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะพี่สะใภ้ใหญ่ได้คลอดลูกชายให้ก่อนหน้าที่เธอจะแต่งเข้ามาแล้ว เธอจึงอยากได้ลูกชายมากกว่าลูกสาว แต่ทางเฉินหยางตงและบ้านเฉินก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะบ้านนี้ไม่มีลูกสาว ทำให้ลูกสาวของเธอ เฉินลี่เหมยนั้นค่อนข้างเป็นหลานรักของปูย่าและลุงป้าอาๆ แต่เธอก็ไม่พอใจอยู่ดี และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นความร้ายกาจ กดขี่ข่มเหงลูกสาวตัวเอง จนทะเลาะกับแม่สามีหลายครั้งหลายครา บ้านเฉินต่างล้วนเอือมระอากับเธอมากจนถึงจุดที่ทนไม่ไหวคือช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวตอนที่ลี่เหมยอายุได้ 2 ขวบ เธอปล่อยให้ลูกสาวเล่นอยู่หน้าบ้านจนทำให้ลูกสาวป่วย และเธอกลับไม่ยอมดูแลรักษา แม่สามีรู้ก็ไม่พอใจอย่างมากจนมีปากเสียงกันรุนแรง พ่อเฉินทนไม่ไหวจึงให้เธอแยกออกไปอยู่ต่างหากและให้เงินเธอ 200 หยวนและให้เฉินหยางตงที่ตอนนั้นได้เงินเดือน 30 หยวนแล้ว ส่งเงินเข้ากองกลางเดือนล่ะ 5 หยวนเหมือนเดิม ส่วนหลินซูมี่ได้ 15 หยวน แต่กำชับให้หลินซูมี่ดูแลลูกสาวให้ดีกว่านี้ซึ่งเธอก็รับปากไปแบบส่งๆ เฉินหยางตงกลับมาทำการแยกบ้านและสร้างบ้านใหม่ ซึ่งมี 4 ห้องนอน แต่ห้องครัวยังไม่มีทำให้หลินซูมี่ต้องไปใช้ครัวที่บ้านใหญ่ แต่เธอก็ไม่มีปัญหาเพราะเธอให้บ้านหลินนำของกินมาให้เธอทุกวัน นั่นทำให้ชื่อเสียงของหลินซูมี่ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทุกคนรู้ว่าหลินซูมี่คนนี้ร้ายกาจแค่ไหน หลังจากแยกบ้านได้ไม่นานเธอก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง และในครั้งนี้เธอคลอดลูกชาย สร้างความยินดีให้ทุกคนอย่างมาก และก็สร้างความทุกข์ระทมใจให้ลี่เหมยลูกสาวของเธอที่จะถูกแม่ด่าทุกครั้งที่เห็นหน้า หลินซูมี่จะรักลูกชายอย่าง เฉินลี่หมิงมาก และเกลียดชังเฉินลี่เหมยลูกสาวตัวเองมากเช่นกัน และ 3 ปีต่อมา เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของเธอ เมื่อวันหนึ่งมีทหารมาส่งสามีของเธอที่บ้าน โดยที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็สามารถรักษาหายได้ เพียงแค่ต้องใช้เวลานานนั่นทำให้หลินซูมี่ไม่พอใจอย่างมาก ที่สามีกลายมาเป็นตัวไร้ประโยชน์ เธอไม่ยอมพาสามีไปรักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งบ้านเฉินและบ้านหลินต่างก็มาเกลี้ยกล่อมเธอ แต่ก็ไม่เป็นผล แต่สุดท้ายสามีเธอก็ทนอาการเจ็บปวดและหนาวเหน็บไม่ไหวจึงจากไปในช่วงฤดูหนาวเมื่อ 2 ปีถัดมา หลินซูมี่ตอนนั้นอายุ 27 ปี เป็นแม่ม่าย ลี่เหมยซึ่งมีอายุแค 8 ขวบ และลี่หมิงอายุแค่ 5 ขวบต้องกำพร้าพ่อ นั่นทำให้เธอคลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้ากว่าเดิม ลูกสาวต้องทำงานหนัก ส่วนลูกชายนั้นยังเป็นสุดที่รักเหมือนเดิมเพราะเธอหวังพึ่งพาลูกชายในอนาคตให้เขาเลี้ยงดูเธอ ต่อจากนั้นเธอก็ได้เข้าไปในเมืองเพื่อหาลู่ทางทำมาหากิน แล้วได้ไปรู้จักกับกลุ่มอันธพาลที่จับเด็กไปขาย ซึ่งคนที่ถูกจับไปขายนั้นถูกส่งไปยังที่ต่างๆ และได้รับความลำบากมาก แต่เธอก็ไม่สนใจ เธอมีความโลภและไม่อยากเลี้ยงตัวไร้ประโยชน์อย่างลูกสาวของเธออีกแล้ว นั่นทำให้เธอตัดสินใจขายลูกสาวในวัย 8 ขวบไป และพาคนไปจับลูกสาวด้วยตัวเอง ซึ่งในคืนนี้ฉันก็ฝันถึงแค่ตอนที่ลี่เหมยถูกจับตัวไป ....และฉันไม่อยากจะฝันถึงเรื่องนี้ต่อแล้ว.... “ทำไมฉันคนนั้นน่ารังเกียจจัง” ฉันบ่นพึมพำกับเอง แล้วลุกขึ้นเก็บที่นอนเพราะไม่อยากนอนต่ออีกแล้ว…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD