ลลิลมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักข่าวอาชญากรรมเหมือนพ่อ พ่อของลลิลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนที่ลลิลอายุได้8ขวบแม่ของลลิลจึงกรายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อได้ทำประกันฯไว้ได้เงินเยอะพอสมควรแม่นำเงินประกันฯมาเปิดร้านขายอาหารเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ขนมเค๊ก ขนมปัง
แม่ชอบทำอาหาร แต่ลลิลไม่ได้แม่มาเลยสักนิดไม่ชอบทำอาหาร เสน่ห์ปลายจวักไม่มีเลย เป็นผู้หญิงที่ใช้ความสวยไม่เป็นประโยชน์เลย
"ลิน..ลิน สายแล้วไป โรงเรียนได้แล้ว"
"โห..แม่สายแล้วทำไมพึ่งปลุกหนูเนี่ยตายแน่แล้ว.."
"เรียกนานแล้วนึกว่าตื่นนานแล้วนะนี่ ดูหนังดึกอีกล่ะสิ
หนังฆาตกรรมเนี่ยอย่าไปดูมากมันจะฝันร้าย"
"แม่หนูไปแล้วนะ..สายแล้ว"
ลลิลแต่งตัวยังไม่ทันเรียบร้อยดีก็รีบวิ่งไปพร้อมกับหยิบขนมปังไปกินกลางทาง1ก้อน
"ได้อาบน้ำมั๊ยนั่นน่ะ ..โอย..ทำไมทำตัวแบบนี้เนี่ยหน้าตาก็ดี..เฮ้อ!..เมื่อไรจะเรียบร้อยเหมือนลูกสาวบ้านอื่นเขาบ้างนะ"
"ลิน..ลิน..ลิน..สายแล้วตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปมหาวิทยาลัยสายนะต้องให้ปลุกตั้งแต่ประถมจนถึงมหาลัยโอยหัวจะปวดเมื่อไรจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองเป็นสักทีผู้ชายที่ไหนจะมาจีบเนี่ย"
"จุ๊บ..ไม่มีใครเอาก็อยู่กับแม่จนแก่ไงจ๊ะ"
ลลิลเดินมาหยิบขนมปัง1ก้อนพร้อมกับจุ๊บแก้มแม่1ที
แม่บ่นๆทุกวันแต่ก็ใจอ่อนทุกที ลลิลถึงจะเป็นแบบนี้แต่ไม่เคยเกเรไม่เคยไปค้างอ้างแรมบ้านเพื่อนที่ไหนไม่เคยไปเที่ยวเตร่เฮฮาปาร์ตี้ตามผับบาร์เลย แม่อยู่บ้านคนเดียว ลลิลจะเป็นห่วงแม่มากต้องกลับบ้านทุกวัน อีกเทอมเดียวลลิลก็เรียนจบแล้ว ลลิลเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ จบมาเธอจะเป็นนักข่าวเหมือนพ่อ
ลลิลจบแล้ว ได้งานจากสำนักงานข่าวช่องทีวีเดลี่ ที่ลลิลฝึกงานนั่นเองด้วยความขยันและมีความสามาถ
"ลิน ลิน เธอได้เป็นนักข่าวพากสนามกับวรุฒนะตอนนี้มีข่าว คนคลั่งยาจับเด็กเป็นตัวประกันรีบไปก่อนเลยให้ถึงก่อนนักข่าวสำนักอื่นนะรีบไปรีบไป"
ลลิลผู้มีความคล่องแคล่วว่องไวไปก่อนใครเสมอเป็นที่พอใจของเพื่อนร่วมงานและ บก.
"ลิน ลิน วุฒ วุฒ ไปทำข่าว ผัวหึงโหดฆ่าเมียยัดถังโบกปูนอำพราง เร็วๆไปไป"
ทุกสถานการณ์ทุกสถานที่สภาพน่าสยดสยองน่ากลัวเลือดเต็ม น้ำเหลืองน้ำหนอง บางศพเน่าเฟะหนอนยั๊วเยี๊ยะนักข่าวหลายๆคนแม้กระทั่งตำรวจเองก็ต่างสะอิดสะเอียน อาเจียน กันเป็นแถวๆแต่ ลลิลวิ่งใส่เหมือนเห็นขนมของหวานกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง
"โอย..ลิน แกทนเหม็นทนดูได้ไง?เนี่ยชั้นจะอ้วก"
"โธ่..พี่ถ้าเรามัวแต่กลัวสิ่งพวกนี้เราก็จะได้ข่าวช้ารึอาจจะไม่ได้อะไรเลย กล้าได้ กลัวก็อด นักข่าวต้องสู้ชีวิต"
"เออ..แต่ตอนนี้ชีวิตมันสู้กลับชั้นและ..อ้วก..อ้ากกก..อ้วก..อ้าก"
"ผู้ชายอะไรใจเสาะชะมัด"
แม่ของลลิลไม่อยากให้ลลิลเป็นนักข่าวเลยโดยเฉพาะนักข่าวพากสนามเพราะต้องออกนอกพื้นที่ตลอดบางทีดึกๆดื่นๆทีมงานโทรตามก็ต้องไป แม่ซึ่งเคยเสียพ่อไปตอนออกไปทำข่าวทำให้กังวลมากแต่ขัดลูกไม่ได้
ก็ได้แต่หวังว่าสักวันถ้าเบื่อก็จะเลิกเอง
"แม่ ลินกลับมาแล้ว..หิวมากเลย..แม่บ้านหลังใหญ่ข้างบ้านเราเขาสร้างเสร็จแล้วสวยมากเลยใครนะย้ายมาอยู่"
ลลิลพูดพลางชะเง้อมองบ้านหลังใหญ่ข้างบ้านลลิล
ลลิลคิดสงสัยว่าบ้านหลังใหญ่ต้องมีคนอยู่หลายคนเป็นแน่ ห้องนอนของลลิลติดกับกำแพงบ้านหลังนั้นพอดีมองเห็นภายในบ้านหลังนั้นชัดเจนถ้าเจ้าของบ้านเขาเปิดม่านนะ
ลลิลเหนื่อยล้าจากการทำข่าวมาหลายวันจึงหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน วันนี้ลลิลเห็นรถตู้คอนเทนเนอร์คันใหญ่มาข้างบ้านน่าจะเป็นบริษัทที่รับจัดสวนจัดบ้านมาจัดบ้าน
มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้านเยอะแยะมากมาย
ลลิลมองดูสักพักจึงอาบน้ำแล้วลงไปหาแม่เพราะท้องเริ่มร้องจ๊อกๆแล้ว
"แม่ๆหิวแล้วอ่ะแม่ทำอะไรกินน่ะ"
"แกงป่าไก่ ไข่ฟู ผัดผักรวมกุ้ง ปลากระพงทอดน้ำปลา"
"โอ้โหของอร่อยทั้งนั้นเลย"
ลลินกินข้าวกับแมเสร็จแล้วจึงขึ้นมาทำงานต่อบนห้องถึงแม่เธอจะหยุดแต่เธอก็หอบงานมาทำอยู่บ้านเพราะเธอต้องเขียนรายงานข่าว บทความข่าว ทำงานได้สักพักเธอก็เมื่อยจึงไปยืดเส้นยืดสายพลางมองดูข้างบ้าน บ้านสวยมีสวนรายล้อมบ้านมีต้นไม้ที่บริษัทตกแต่งสวนแต่งอย่างสวยงาม มีเงินก็สามารถเนรมิตอะไรก็ได้ที่ตรงนี้เมื่อปีก่อนยังเป็นป่ารกอยู่เลย
"ก็ดีมีคนมาอยู่ แม่จะได้มีเพื่อนบ้านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเวลาออกไปทำงานตอนดึกๆ"
ลลิลคิดนู้นคิดนี่ จนเหลือบไปเห็น ผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่ในบ้าน มองเห็นไม่ชัดเท่าไรแต่รูปร่างสูงสง่าท่าเดินดูสมาร์ทมาก
"ทำไม..ไม่เห็นคนอื่น สงสัยอาจจะตามมาทีหลังแหละมั๊ง
ว่างๆต้องไปทำความรู้จักจะได้ฝากแม่ไว้กับเพื่อนบ้านใหม่"
"ลิน...เอาขยะไปทิ้งที่หน้าบ้านให้ทีสิ"
แม่เรียกใช้ให้ลลิลไปทิ้งขยะ ลลิลลงไปทันทีที่แม่เรียกเธอนำขยะไปทิ้งพลางมองรั้วหน้าบ้าน ข้างๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น ประตูเปิดพร้อมกับมีผู้ชายคนนั้นเดินออกมา
"สวัสดีค่ะ..บ้านเราอยู่ใกล้กัน..ควรรู้จักกันไว้นะคะ ดิฉันชื่อลลิลค่ะ มีอะไรให้รับใช้บอกได้นะคะ"
ผู้ชายคนนั้นมองลลิลด้วยหางตาแว๊บนึงจึงเดินไปอย่างไม่สนใจ
"ชิ..คนอะไรไม่มีมารยาทเลยคนเขาทักดีๆทำเมิน..หล่อแล้วหยิ่ง "
ลลิลเดินเข้าบ้านอย่างฉุนเฉียว
"อ้าวๆเป็นอะไร..หน้าบูดบึ้งเชียว" แม่ถาม
"คนข้างบ้านสิแม่หนูทักเขาดีๆทำเมินใส่หนูน่ะ" ลลิลตอบ
"อืม.ก็หน้าตาเราน่าไว้ใจซะที่ไหนล่ะดูสิ" แม่เย้า
"แม่น่ะ..หนูสวยจะตายคนที่เมินน่ะตาไม่ถึงเอง"ลลิลตอบ
"555แม่คนสวยตัวเหม็น น้ำก็ไม่ค่อยอาบสวยแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรอกจ่ะ คนมเมื่กี้เขาอาจจะได้กลิ่นตุๆก็ได้เลยคิดว่าคนเก็บขยะรึเปล่า" แม่เย้า
"โธ่ ..แม่น่ะ งอลแล้วไปอาบน้ำก็ได้"
ลลิลขึ้นไปอาบน้ำแล้วทำงานต่อจนเผลอหลับไปจนถึงเช้า
"แม่ๆวันนี้รีบมากหนูต้องไปทำข่าวฆาตกรรมมีคนพบศพผู้หญิงถูกฆ่าน่ะหนูไปก่อนนะ"
ลลิลรีบวิ่งปากก็คาบขนมปังมือก็ใส่รองเท้า
"เมื่อไรจะเลิกเป็นสักทีนักข่าวเนี่ยลำบากจะตาย"
"เย็นนี้กลับมากินข้าวบ้านนะแม่จะรอ"
แม่ตะโกนบอกเพราะไม่อยากให้ลลิลกลับบ้านช้า
"วันนี้เมื่อเวลา11.16นาทีได้มีการพบศพหญิงสาวคาดว่าเป็นหญิงขายบริการ สภาพศพถูกมัดมือมัดเท้ามีร่องรอยการถูกแทงหลายแผลเล็บมือเล็บเท้าถูกถอดออกไปอย่างโหดเหี้ยม"
เสียงรายการข่าวใน tv ประกาศข่าวการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติของหญิงสาวรายหนึ่ง ลลิล นักข่าว สาวดูรายการข่าวช่อง ทีวีเดลี่ ซึ่งเป็นช่องข่าวที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง
"แม่ๆ.ข่าวนี้หนูทำเองแหละเก่งปะล่ะหนูไปถึงคนแรกเลยกว่าจะเข้าไปถ่ายรูปได้ต้องรบกับตำรวจตั้งนานแค่จะไปถ่ายรูปนิดเดียวกันอยู่นั่นใครไม่รู้ผลักหนูซะล้มข้อศอกถลอกเป็นแผลเลย"
"เลิกเป็นเถอะนักข่าวน่ะน่ากลัวจะตายรึไม่ก็เปลี่ยนไปทำข่าวดารงดาราอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเสี่ยงแบบนี้
ข่าวอาชญากรรมไม่กลัวเลือดกลัวศพบ้างรึ...ทางที่ดี ลาออกดีกว่ามาช่วยแม่ขายของก็ได้"
ทางบ้านของลลิลเปิดร้านขายขนมเค๊กขนมปังชากาแฟอาหารและเครื่องดื่ม และขายเฟรนไชส์ทั่วประเทศหลายร้อยสาขา รวยและก็มีเงินใช้สบายๆแต่เธอมีความฝันอยากเป็นนักข่าวอาชญากรรม
"ไม่ค่ะ..ขอทำอีกสักหน่อยนะคะถ้าเบื่อแล้วหนูจะลาออกมาเกาะแม่กินแล้วกัน..งั้นหนูไปก่อนนะ บ๊ายๆจุ๊บๆ"
ทุกๆวันลลิลจะไปนั่งสิงสถิตอยู่ที่ สน.เพื่อหาข่าวเธอคิดว่ามีตำรวจอยู่ไหนมีข่าวนี่นั่นเพราะฉะนั้นต้องอยู่ใกล้ๆตำรวจเข้าไว้
"สวัสดีค่ะ บก วันนี้หนูไม่เข้าออฟฟิศนะคะจะมาหาข่าวคืบหน้าคดีหญิงบริการน่ะค่ะ ค่ะ ค่ะ ค่ะ"
ลลิลโทรรายงานหัวหน้า
"มาอีกแล้ว มาได้ทุกวี่ทุกวันยังไม่มีอะไรคืบหน้าหรอกเดี๋ยวมีแล้วจะแจ้งเอง"
"โธ่ ผู้หมวดขอรอดูสถานการณ์ใกล้ๆนี่แหละเผื่อมีอะไรคืบหน้าผู้หมวดจะได้ไม่เสียเวลาแจ้งนักข่าวไง"
"ถ้าสืบหาตัวคนร้ายได้สรุปผลยังไงก็รอผู้บังคับบัญชาเขาจะแถลงข่าวเองมานั่งเกะกะแล้วก็ไม่ต้องเลื่อนยศตำแหน่งให้ผม..ผมเป็นแค่จ่าไปไปกลับบ้านไป"
"โธ่จ่าหนูขออยู่แถวๆนี้เงียบๆคะนะจะไม่ยุ่งวุ่นวายจะไม่ถามจะเงียบกริ๊บ นะนะนะ"
"เออก็ได้ ไปนั่งมุมนู้น ทำตัวลีบๆเข้าไว้นะอย่าวุ่นวาย เห็นว่าหน้าตาดีนะนี่ถึงยอม"
จ่าสำลีบอกลลิล จ่าสำลีชื่อสำลีแต่ไม่ได้ขาวเหมือนสำลีนะ ลลิลนั่งฟังเหตุการณ์อย่างหูผึ่งเผื่อได้ยินอะไรบ้าง การทำข่าวคือการแข่งขัน ช่องไหนได้ข่าวก่อนเรตติ้งจะดีกว่า ลลิลทุ่มเทให้กับข่าวนี้มาก
เพราะประชาชนให้ความสนใจเยอะ อยากให้จับคนร้ายได้เร็วๆ
"กล้องจรปิดจับภาพผู้ชายคนหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่ตรงสถานที่เกิดเหตุมา2วันแล้ว หรือจะเป็นคนร้าย
มาดูผลงานที่ตัวเองก่อไว้ หรือมันทำอะไรหล่นไว้กลัวเป็นหลักฐานมัดตัวมันเลยมาหา"
เสียงนายตำรวจทีมสืบสวนคุยวิเคราะห์สถานการณ์ ลลิลผึ่งหูฟัง
"ลิน ลิน..ชะเง้อคอยาวเชียวมามาทางนี้"
"สวัสดีครับท่านสารวัตร"
สารวัตรกิตติผู้รับผิดชอบคดีนี้เดินเข้ามาเห็นพฤติกรรมประหลาดๆตลกๆของลลิลก็อดขำไม่ได้
จึงเรียกออกมาจาก สน.
"อยากรู้อะไรล่ะถ้าบอกได้จะบอก"
สารวัตรกิตติบอกลลิลอย่างอ่อนโยนสายตาเป็นประกาย สารวัตรกิตติรู้จักกับลลิลตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมและแอบชอบลลิลมานานแล้ว สารวัตรเป็นรุ่นพี่ เป็นนักกีฬาของ รร. รูปร่างสูงสมาร์ทเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้ง รร.
"รู้ตัวคนร้ายยังคะ? ลลิลถาม
"ยังเลยแต่เจอผู้ต้องสงสัย1คน หลังเกิดเหตุ1วันกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าไปตรงที่เกิดเหตุ 2วันติด
แต่ตรงที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวและมืดมากกล้องจับภาพไม่ถึงเหมือนคนร้ายรู้ตำแหน่งกล้อง เลยเลี่ยงไม่เห็นเลยก่อนเกิดเหตุก็ไม่เห็นมีใครผ่านกล้องเลยคนร้ายอาจพาเหยื่อมาทางอื่นที่กล้องไม่สามารถจับภาพได้"
"ขอดูภาพผู้ต้องสงสัยได้มั๊ยคะ"
"แค่ดูอย่างเดียวนะ ตอนนี้เขาเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย
ถ้าข่าวออกไป ถ้าเขาเป็นคนร้ายจริงเขาอาจไหวตัวทัน หรือถ้าเขาไม่ใช่คนร้ายเขาอาจเสียหายได้"
ทันทีที่ลลิลเห็นรูป ลลิลตกใจมากเขาคือผู้ชายข้างบ้านลลิลนั่นเอง ผู้ชายรูปร่างสูงผิวขาวหน้าตาดี
มีบ้านหลังใหญ่โตอย่างกับคฤหาสน์ลลิลคิดว่าคนแบบนี้ทำไมถึงมาฆ่าคนได้หรือเป็นมาเฟียหรือเป็นพวกค้ายาหรือเป็นโรคจิตลลิลคิดไปเรื่อยปะติดปะต่อเป็นเรื่องเป็นราว แต่ลลิลไม่ได้บอกสารวัตรว่าบ้านอยู่ใกล้กันเพราะสิ่งที่ลลิลกำลังคิดจะทำสารวัตรต้องห้ามแน่ๆ
"ขอบคุณค่ะพี่สารวัตร ลินไปก่อนนะคะเดี๋ยวว่างๆจะมาอีกค่ะ"
"อ้าวเดี๋ยวก่อนสิ..จะรีบไปไหน...อย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับใครนะ"
"ค่ะรับรองค่ะ..ไปก่อนนะคะ..สวัสดีค่ะ"
"ดะๆๆเดี๋ยว..ไปซะและว่าจะชวนไปกินข้าวซะหน่อยอดเลยนี่คนหรือนินจาแว๊บไปแว๊บมา"
ลลิลรีบตรงกลับบ้านทันที
"แม่ๆกล้องพ่ออยู่ไหน กล้องส่องทางไกลน่ะแม่"
"จะเอาไปทำไม?อยู่ในตู้เก็บของของพ่อน่ะหาเอา"
ลลิลค้นหากล้องจนเจอกล้องพ่อสะสมกล้องทุกอย่างทุกรุ่น..เพราะพ่อคือนักข่าวชื่อดังสมัยลลิลยังเป็นเด็ก ลลิลชอบอาชีพนี้เพราะพ่อ พ่อดูเท่ห์มาก
"ฉันลลิลนักข่าวสาวผู้มากความสามารถ ชั้นจะตามติดนายไปทุกที่บ้านติดกันแค่รั้วกั้นนายเสร็จชั้นแน่นายฆาตรกร หึหึหึ"
ตอนนี้ลลิลสลัดคราบนักข่าวกรายเป็นนักสืบเองแล้วโดยการแอบส่องคนข้างบ้านซึ่งอาจจะเป็นคนร้ายหรืออาจจะไม่เป็นก็ได้
"เอ..ห้องอีตานั่นอยู่ตรงไหนนะ เอ๊ะ เอ๊ะ นั่นไง นั้นไง
เดินคุยโทรศัพท์กับใครนะหน้าเครียดเชียว นั่นไงมีพิรุจจริงๆ นั่นไงมีโมโห มีโมโห ว่าแต่เขาคุยกับใคร
ทำไมทั้งบ้านมีเขาอยู่คนเดียวไม่มีคนรับใช้หรือแม่บ้านหรือ พ่อล่ะ แม่ล่ะ อีตานี่คนร้ายชัวร์"
ลลิลคิดเองเออเองไปเรื่อย
"เขาจะออกไปไหนของเขานะเสร็จชั้นจะตามเป็นเงาตามตัวเลยคอยดู แม่..! ออกไปข้างนอกแป๊บนะ"
"มันมืดแล้วนะลูกอันตราย..รีบกลับบ้านนะแม่เป็นห่วงช่วงนี้ข่าวฆ่ากันเยอะแยะ"
"จ้าแม่แป๊บเดียว"
ลลิลสะกดรอยตามเขามาเงียบๆใจเต้นตุ้มๆต่อมๆกลัวแต่ก็มา
"เขาออกมาทำไม่มืดๆค่ำๆ รถก็มีไม่ขับ ใส่เสื้อฮู้ดใส่แมสโอ้โห..!ตามพล็อตหนังฆาตรกรรมเลยใช่แน่ๆเขานั่นแหละฆาตรกรตัวจริง เขาเข้าไปในมินิมาร์ท
ใช่แน่ไปซื้ออุปกรณ์สำหรับฆ่าเหยื่อแน่ๆฆาตรกรต่เนื่องแน่น เขาจะต้องไปล่าเหยื่อแน่นอน ต้องตามไปอย่าให้คลาดสายตา ถุงใหญ่ห่อใหญ่ขนาดนั้นมีเชือกแน่ๆต้องมีมีดด้วยแหละ ชิบละ ลืมเอากล้องมาดีที่เอาโทรศัพท์มาต้องไปถามพนักงานสักหน่อยว่าเขาซื้ออะไรไปบ้าง"
ลลิลวิ่งเข้ามินิมาร์ทอย่างรวดเร็วไปถามว่าเขาซื้ออะไรไปบ้างเพราะกลัวคลาดสายตา
"น้องๆเขาซื้ออะไรไปบ้างเร็วๆตอบเร็วเดี๋ยวไม่ทัน"
พนักงานตอบอย่างงงๆ
"ซื้อใส้กรอกแล้วก็อาหารหลายอย่างค่ะ..มมมีอะไรรึเปล่าคะ อะอะอ้าวไปแล้ว"
ลลิลวิ่งตามออกมาดูห่างๆพลางคิดว่า
"ใส้กรอกนี่นะ..เอามาฆ่าใครได้ แต่ตามดูต่อแล้วกัน
เขาเข้ามาในซอยเปลี่ยวๆมืดมืดๆแล้ว นั่นไง นั่นไง
ใช่เลย "
ลลิลเดินตามมาติดๆแต่มืดมากเขาจึงไม่เห็น เขาได้ยินเสียงเท้าจึงหยุดลลิลขณะที่กำลังย่องๆเหมือนแมวขโมยเขาหยุดลลิลก็หยุดเวลานั้นลลิลตื่นเต้นจนหัวใจจะหยุดเต้นให้ได้ เขาเดินมาหยุดที่ลาน กว้างๆ ถัดมาจะมีบ้านร้างหักๆพังๆเขาหยุดทำไมนะ
ลลิลสงสัย
"วี๊ด วิ๊ว..วี๊ด..วิ๊ว "
ทันทีที่เข้าผิวปากหมาจรจัดจำนวน7-8ตัววิ่งกระดิกหางเข้ามาหาเขา
"มันจะเอาใส้กรอกมาฆ่าหมารึไงวะ รึว่าจะวางยาหมา หาเหยื่อที่เป็นคนไม่ได้เลยมาฆ่าหมาโรคจิตขั้นสูงเลยนะนี่"
ลลิลผู้มีจินตนาการสูงคิดไปเรื่อยอีกแล้ว ลลิลมองดูเขาแจกอาหารให้หมากินจนหมดท่าทีของเขาไม่เหมือนฆาตรกรเลย อ่อนโยนเล่นกับหมาจรสกปรกแบบไม่รังเกียจเลย เขาเปิดแมสออก ลลิลเห็นหน้าเขาจากแสงสลัวๆ
"เขาหล่อจริงเลย สูงขาว จมูกโด่งคิ้วเข้มตาคม ตรงสเปคเลย เฮ้ยๆ..ฆาตกร นั่นฆาตกร แหมๆ เห็นคนหล่อแล้วไขว้เขวตลอด สักวันชั้นจะจับนายให้ได้คาหนังคาเขา เชอะ..กลับดีกว่า ก่อนที่เขาจะเดินมา โดนจับได้ชั้นอาจจะเป็นอีกศพก็เป็นได้ .."
ลลิลหันหลังกลับเท้าเจ้ากรรมดันไปเหยียบกับอะไรบางสิ่งบางอย่างทำให้มีเสียง
"กร๊อบบ..แกร๊บบ.."
"นั่นใครน่ะ!..?"
"กร๊อบ...แกร๊บ.." เสียงเหยียบเศษไม้แห้ง
"ใครน่ะ" ชายหนุ่มทัก
"ตายแน่..ตายแน่ ลลิล วิ่งสิจ๊ะรอไร. ...เอ๊ะๆทำไมวิ่งไม่ไปใครดึงคอเสื้อไว้" ลลิลคิด
ยังไม่ทันจะออกตัวชายหนุ่มก็ถึงตัวลลิลแล้ว
คว้าคอเสื้อด้านหลังไว้ทัน
"ปล่อยนะปล่อยๆจับชั้นไว้ทำไม...รึรึว่านายจะฆ่าชั้น
อย่าฆ่าชั้นเลยชั้นมีแม่ต้องดูแลปล่อยชั้นไปเถอะ"
ลลิลตีโพยตีพาย
"ใครเขาจะไปฆ่าเธอยัยปัญญาอ่อนตามผมมาทำไมมีอะไร" ชายหนุ่มพูด
"ชั้นชั้น..ชั้นไม่ได้ตาม..ชั้นมาเดินเล่น" ลลิลตอบ
"มาเดินในที่เปลี่ยวขนาดนี้เนี่ยนะ..อย่ามาปด"ชายหนุ่มถาม
"ทีคุณยังมาได้ทำไมชั้นจะมาไม่ได้.." ลลิลตอบ
พอชายหนุ่มปล่อยมือจากคอเสื้อลลิลวิ่งไม่คิดชีวิตกลับบ้านไปถึงบ้านกระหืดกระหอบ
"แฺฮกๆๆ ๆ..โอยเหนื่อยเกือบตาย"
"ไปทำอะไรมา" แม่ถาม
"ไปออกกำลังกายมาจ่ะแม่" ลลิลตอบ
"ตอนมืดๆเนี่ยนะ..ท่าจะเพี้ยน" แม่ว่า
"ก็กลางวันมันร้อนน่ะแม่...หนูไปอาบน้ำก่อนนะแม่"
ลลิลแถ
"คอยดูเถอะนายฆาตรชั้นจะดูนายไม่ให้คลาดสายตาเลย..วันนี้ถือซะว่าซ้อมวิ่งมันต้องมีสักวัน
ชั้นจะจับนายได้แน่ชั้นมั่นใจว่านายคือฆาตกร"
ลลิลพูดจบพรางหยิบกล้องส่องทางไกลของพ่อมาส่องดูชายหนุ่มที่ลลิลคิดว่าเป็นฆาตกร
"อื้อหือ..หุ่นดีจัง..ถ้าผ้าเช็ดตัวหลุดคงดีอุ๊ยฟิน..ไม่ๆๆ
นั่นคือฆาตกร...ฆาตกร ไขว้เขวตลอด..อืมมซิ๊กแพก
แต่ว่าทำไมอยู่คนเดียวแม้แต่แม่บ้านก็ไม่มี จ้างพนักงานทำความสะอาดจากบริษัทมีพิรุธ ในบ้านต้องซ่อนอะไรไว้แน่...หรือจะซ่อนศพไว้เหมือนในหนังฆาตกรรม...มีห้องใต้ดินแน่น" ลลิลมโน
"เพี๊ยะ..!นี่แน่ะทำอะไรที่ถามหากล้องพ่อเพราะแบบนี้เองโรคจิตรึไงมาส่องผู้ชายข้างบ้านเนี่ยชอบเขารึไง..." แม่เปิดประตูเข้ามาเห็นพฤติกรรมประหลาดๆของลูกสาว
"ไม่ใช่สักหน่อย หนูทำงานอยู่.." ลลิลตอบ
"ทำงานอะไรอย่ามาเฉไฉ แม่ได้ยินนะ อื้อหือ ซิ๊กแพก ผ้าหลุดคงดี นี่มัน โรคจิตชัดๆ..ที่ผ่านมาว่าเพี้ยนและ..วันนี้เพี้ยนกว่าทุกวันว่างๆต้องพาไปหาจิตแพทย์บ้างแล้วอย่าทำแบบนี้อีกนะถ้าเขาเห็นมันจะไม่ดีเป็นผู้หญิงยิงเรือน" แม่บ่นยาว
"โธ่แม่นะหนู..สักวันจะรู้เองแหละขี้เกียจพูดแล้วนอนแล้วง่วง" ลลิลแกล้งนอนหนีแม่
ลลิลนอนคิดว่งแผนจะเข้าไปบ้านหลังนั้นยังไงคิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ได้สักที
"แกล้งเอาขนมไปให้ใส่ยานอนหลับพอกินปุ๊บหลับปั๊บเข้าบ้านได้..แล้วถ้าเขาไม่กินล่ะ เอาใหม่ เอาใหม่ เดินไปกดออดซ่อนไม้ไว้ข้างหลัง เปิดปุ๊บฟาดปั๊บหลับเข้าบ้านได้ ไม่ได้ ไม่ได้ เกิดฟาดแรงเขาตาย แทนที่จะได้จับฆาตกรดันติดคุกเพราะฆ่าฆาตกรซะนี่ " คิดแผนร้อยแปดพันเก้าก็ยังคิดไม่ได้
ลลิลคิดว่าแอบดูแบบนี้แหละถ้าเขาออกจากบ้านคงต้องปีนรั้วเข้าไปแต่จะเข้าตัวบ้านยังไงคงต้องเดินดูลาดเลาอีกที กล้องวงจรปืดนี่สิถ้าจับภาพลลิลได้จะทำไงต้องดูตำแหน่งหลบกล้องก่อน
"จากนักข่าว เป็นนักย่องเบา ถ้าโดนจับได้ติดคุกหัวโตแน่ ต้องวางแผนให้รัดกุมก่อนเข้าบ้าน.. ปิ๊ง..!คิดคิดออกแล้วนายเสร็จชั้นแน่ **หึหึ."
"ฮัลโหล มายด์ ขอยืมแมวสักตัวดิเอาตัวเชื่องๆหน่อยนะ"
ลลิลโทรหาเพื่อนที่เป็นสัตวแพทย์แล้วก็เลี้ยงแมวไว้หลายตัว
"ไม่ได้..ชั้นหวง..เธอยิ่งเพี้ยนๆอยู่เกิดแมวชั้นช็อคตายทำไง"
มายด์โวยเพราะเป็นห่วงแมว
"น่านะนะนะชั้นยืมแค่วันเดียวเองจะไม่ให้บุบสลายขนไม่ให้ร่วงสักเส้น"
"แกจะเอาแมวไปทำไมถ้ามีเหตุผลไม่พอไม่ให้" มายด์ถาม
"ชั้นอยากเลี้ยงแมวแต่กลัวซื้อมาแล้วเกิดเลี้ยงไม่ได้ไม่รู้จะทำไงเลยอยากยืมแมวมาทดลองเลี้ยง1วันนะนะ"ลลินตอบ
"เออก็ได้..ห้ามทำร้ายแมวชั้นนะ"
วันรุ่งขึ้นมายด์เอาแมวมาให้ ลลิลทำความคุ้นเคยกับแมวจนสนิทใจแล้วจึงเริ่มปฏิบัติการแอบส่องดูจนเขาออกไป
"เสร็จชั้นล่ะ..ชั้นจะปล่อยแมวเข้าบ้านนายแล้วก็ปีนเข้าบ้านนายรู้อยู่ว่าผิดแต่ชั้นมีเหตุผลเพราะถ้านายจับได้ชั้นจะบอกว่า..ขอโทษด้วยค่ะ..ชั้นตามหาแมวอยู่ค่ะมันวิ่งเข้่มาในนี้..ฮี่..ฮี่ฮี่...ชั้นนี่ฉลาดจริง"
ลลิลวางแผนอยู่ในใจ
แมวเข้าไปในบ้านเขาแล้วลลิลปีนเข้าไปพลางแกล้งเรียกแมว..แต่ตอนนี้เหมือนจะงานเข้าแล้วแมวเพื่อนหายจริงเรียกเท่าไรก็ไม่มา..
"เหมียวๆๆๆอยู่ไหนมาเร็ว..แต่ก็ดี..เข้าบ้านให้ได้ก่อนแล้วค่อยหาละกัน"
ลลิลพยายามเข้าบ้านหาวิธีหลายวิธีก็ไม่มีทางเข้าเพราะบ้านของเขาติดตั้งระบบล็อคและเปิดด้วยรหัส และแล้วโชคก็เข้าข้างเขาแม่บ้านจากบริษัทมาทำความสะอาด
ลลิลจึงรู้ที่ซ่อนกุญแจบ้าน มีประตูเล็กๆ ที่ใช้กุญแจเปิดเขาอาจจะทำไว้ให้พนักงานใช้ก็เป็นได้
"อ้าวคุณเข้ามาได้ยังไง..ขโมย..ขโมย" พนักงานทำความสะอาดตกใจเห็นลลิลอยู่ในบ้าน
"ไม่ไม่ใช่จ่ะ แมวค่ะ แมวของหนูมันหายเข้ามาในนี้หาไม่เจอหนูรักมันมากถ้าหายไปหนูคงอยู่ไม่ได้ถ้าหาเจอแล้วจะรีบออกไปเลย"
พนักงานทำความสะอาดขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบนลลิลเดินหาห้องใต้ดินไม่เจอ พนักงานทำความสะอาดทำชั้นบนเสร็จจึงลงมาทำข้างล่างต่อลลิลแอบขึ้นไปข้างบนซึ่งเป็นห้องนอนเขาลลิลหวังว่าจะได้เจอหลักฐานบางอย่างแน่ๆ
"อ๊ะอยู่นี่เองเจ้าเหมียวเจอแล้วก็ดีเราจะได้กลับบ้านกันขอดูห้องนี้อีกห้องเราจะกลับเลย"
ลลิลเดินดูจนทั่วไม่มีอะไรจึงจะกลับแต่ประตูระบบดิจิตอลเปิดไม่ออก
"ไม่นะไม่ๆ ซวยแล้ว..ข้างบนนี้จะออกได้ไงโดดลงไปมีหวังขาหักแน่"
เสียงรถยนต์เข้ามาน่าจะเป็นเขากลับมาแล้วลลิลวิ่งวุ่นเลิกลั่กหาที่ซ่อน
เขาเข้ามาในห้องพร้อมกับร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเขาถอดผ้าทีละชิ้นจนหมดลลิลซี่งแอบอยู่ในม่านข้างเตียงตาโตแถบถลนออกมา
"ว๊าย..ปิดตาไม่ทันเลยจะติดตามั๊ยเนี่ย แต่ว่า..ใหญ่จัง..
กล้ามใหญ่จัง.."
เขาเข้าไปอาบน้ำเสร็จแล้วคราวนี้นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา
เขาเดินมาทางลลิลแล้วเปิดม่านออกน้องเหมียวตกใจจึงกระโดดออกจากแขนลลิล ลลิลตกใจคว้าแมวแต่ดันไปดึงเอาผ้าเช็ดตัวที่เขานุ่งอยู่หลุดตอนนี้สิ่งนั้นมันตระหง่านอยู่ตรงหน้าลลิลแล้วเขาก็ตกใจลลิลก็ตกใจ
"ว๊ายยยย..!"
"เฮ้ยยย!..ธะธะเธอเข้ามาได้ไงเข้ามาทำไม ขโมยเหรอ"
"มะมะไม่ไม่ชั้นมาตามแมวพอดีแมวชั้นมันวิ่งเข้าบ้านคุณ"ตอนแรกเจอแล้วแต่ตอนนี้มันหายอีกแล้วชั้น..ชั้นไปก่อนนะพอดีต้องหาแมว"
"เดี๋ยวสิจะไปดื้อๆเงี๊ยะนะ"
เขาดึงแขนลลิลไว้ลลิลดิ้นสุดกำลัง
"ชั้นมาหาแมวจริงๆไม่เชื่อถามพนักงานทำความสะอาดสิ"
"ไม่ต้องเดี๋ยวดูกล้องก็รู้"
เขาดูกล้องจากโทรศัพท์เห็นลลิลร้องเรียกแมวจริงแล้วก็เห็นแมวกระโดดเข้ามาจริง
"ชั้นต้องรีบไปแล้วนะแมวชั้นหายอีกแล้วถ้ามันหายไปชั้นคงอยู่ไม่ได้ชั้นรักมันมาก"ลลิลใช้มุกเดิม
"เอาเถอะผมช่วยแล้วกันขอใส่เสื้อผ้าก่อน"
"เออรีบๆใส่เถอะชั้นใจไม่ดี..ครั้งแรกแค่เห็นไกลๆก็ว่าติดตาและแต่ครั้ง2ไม่ติดตาย่างเดียวแทบจะจิ้มหน้าเลย"
ลลิลคิด
เขาช่วยหาจนเจอแมวเขาดูอ่อนโยนมาก..เขาคงรักสัตว์มากลลิลเผลอยิ้มออกมา