1 - ฝากความตายไว้ที่หมอ
‘ผมกำลังจะตายงั้นเหรอ’
‘ผมกำลังจะลาโลกใบนี้แล้วเหรอ’
‘ผมกำลังจะหมดลมหายใจในฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผมทุกคืนเหรอ’ คำถามในความคิดของผมตอนนี้กำลังหลอกหลอนผมไม่หยุด ผมอึดอัดแน่นอกเวลานอนราวกับถูกผีอำทั้งคืน นี่มันความรู้สึกอะไรทำไมทุกอย่างกำลังฉุดให้ผมย้ายตัวตนจากโลกสร้างความรู้สึกไปโลกที่มีเสียงแผ่วเบา ผมเจ็บและหนักตัวไปหมด ผมรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ มีพลังงานบางอย่างกำลังทำให้ผมหลุดพ้นไม่ได้
ผมรู้สึกแน่นหน้าอกแทบหายใจไม่ออก เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยังไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมบ่นในใจว่าผมไปทำกรรมอะไรกับใครไว้ ทั้งที่ความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้ อ้างอิงด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ใช้ไสยศาสตร์เป็นเครื่องนำทาง ผมเจ็บไปหมด ต้องทำอะไรสักอย่างจะได้ลุกขึ้นมาพ้นจากฝันร้ายที่มีฆาตกรพร้อมจัดการ
ความฝันของผมตอนนี้ก็ว่าน่ากลัวแล้ว ผมวิ่งลงจากอาคารเรียนมาเจอผู้ชายขายของอยู่ตรงหน้า เขาบอกให้ผมเลือกหนึ่งอย่าง ตอนแรกผมเข้าใจว่ามันเอาไว้จัดการคนอื่น แต่สุดท้ายมันจัดการผมเสียเอง ผมเลือกกระป๋องโกโก้ไปเพื่ออะไรมันไม่ใช่ของที่ใช้จัดการคนร้าย ผมหยิบแล้วมันสาดใส่หน้าผมเต็มแรง ผมโกรธสบถชูนิ้วกลางวิ่งออกไปกลางสนาม คาดว่าจะปลุกอารมณ์ร้อนของมัน มันวิ่งด้วยความไวแสง ผมอยู่ไกลมากพ้นสายตา แต่วิ่งมาถูกเป้าหมายพร้อมมีดคม ๆ แทงไม่ยั้ง นี่มันความฝันอะไร ทำไมทำผมหวาดกลัวไปหมดนาทีนั้นผมสะดุ้งตื่นและกรีดร้องออกมาสุดเสียง
“อ๊ากกกก”
ผมลุกขึ้นมากรีดร้องด้วยความกลัว ตัวผมกลิ้งตกเตียงทำโคมไฟยกสูงจากพื้นล้มแตก นาทีนั้นมีคนเข้ามาช่วยชีวิตผมไว้ ถ้าช่วยด้วยความจริงใจไม่กังวลอะไรมากกว่าชีวิตคนก็คงจะดี เขาโวยวายว่าผมเสียขวัญนอนกลิ้งตกเตียงทำโคมไฟที่ซื้อมาใหม่ล้มแตกเหลือเสาค้ำไฟและตัวบังไฟเสียหายไปด้วย ผมรู้สึกตัวพร้อมเสียงดุด่าใส่ผมด้วยความไม่พอใจ ไม่ห่วงชีวิตแต่หวงของตกแต่งในบ้านที่เขาชอบสะสมมัน
“อีกแล้วนะพิชชา มึงจะทำของในบ้านกูพังอีกกี่ชิ้นถึงจะหายจากอาการแบบนี้วะ”
ผมชื่อว่านเป็นผู้ชายหล่อสายโหดที่ไม่ค่อยชอบให้ใครมาขัดใจ หน้าตาผมหล่อแบดบอยแต่ความชอบของผมคือผู้ชายด้วยกัน เพราะสิ่งที่ตัวตนผมบอก รู้หัวใจตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น ผมยึดถือความคิดนี้มาตลอด ทุกอย่างและความรักของผมมันควรจะเป็นไปด้วยดี ติดอย่างเดียวคืออาการของแฟนผมนี่แหละไม่รู้ว่ามันไปทำกรรมกับใครไว้ มันถึงเป็นแบบนี้ ผมถือไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์หลอนประสาทเมื่ออยู่กับมันมากขึ้น
ผมกับพิชชาอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ตอนคบกันใหม่ ๆ ก็ไปด้วยดีเข้าใจอะไรกันหลายเรื่อง ไม่เคยขัดใจแต่ก็มีทะเลาะกันบ้าง ช่วงพักหลังมานี้พิชชามีอาการฝันร้ายและประสาทหลอน ทั้งที่ผมไม่ได้บังคับเขาเสพยาสักหน่อย อาการยิ่งกว่าคนวุ้นมาเต็มหลอด ยิ่งอยู่นานอาการยิ่งแย่ลง ผมพาไปรักษาหลายหมอแล้ว อาการไม่ดีขึ้นเลย ผมต้องมานอนไม่หลับเพราะอาการหลอนของเขางั้นเหรอ ผมถือว่าผมยังมีความใจดีอยู่ ไม่ไล่เขาเหมือนเป็นสัตว์ คนเป็นแฟนกัน จะทอดทิ้งไปในเวลาโหดร้ายได้ยังไง
“ขอโทษนะพิชชา เราพูดแรงไปหน่อย”
ก่อนหน้านั้น ผมเห็นเขานอนกลิ้งตกเตียงไปล้มทำโคมไฟสีชมพูผมพัง ผมเป็นคนหนึ่งหวงของและรักษาของดูดีสวยงามให้ปลอดภัย หยิบอย่างระวังที่สุด ความโกรธบางครั้งทำให้ผมพลั้งปากด่ารุนแรงลดความเป็นมนุษย์เห็นของดีกว่าตัวคน ผมเข้าไปกอดพิชชาด้วยความอุ่นใจ ผมอยู่ข้างเขาจะได้รู้สึกไม่ว่างเปล่า คนป่วยต้องการกำลังใจไม่ใช่ถูกทอดทิ้ง
“เรากลัวมากเลย”
“ใครทำอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าผู้ชายในฝันคนนั้น” ผมได้ยินแค่คำว่าผู้ชายในฝัน ปกติความหมายของมันคือการที่ใครวาดฝันอยากได้ผู้ชายเข้ามาเป็นรักแรกในชีวิต ตั้งสเปคความชอบในทางที่ดี แต่สำหรับผมมันหมายถึงผู้ชายที่เข้าไปรุกรานในความฝัน บุกเข้ามาเหมือนมิจฉาชีพ พร้อมอาวุธครบมือพร้อมทำให้ตายได้ทันที ผมว่าหลังจากนี้ผมต้องติดต่อหมอรักษาอาการนอนไม่หลับให้พิชชาหลุดพ้นจากความฝันเสียที
หลังจากผมกล่อมพิชชาให้นอนหลับ ผมให้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กอดด้วยความอุ่นใจ หยิบตุ๊กตาทุกตัวล้อมตัวเขาเป็นเพื่อน ของแบบนี้ไม่ได้จำกัดวัยว่าถึงอายุเท่าไหร่ต้องหยุดเล่น มันเป็นกำลังใจและบอดี้การ์ดปกป้องความฝันของเขา ผมช่วยขนาดนี้แล้วหวังว่าจะลดความกระวนกระวายใจลงได้บ้างแต่ไม่ถึงขั้นหายถาวร
เมื่อผมเดินออกห้องแล้ว ผมเดินกลับไปห้องนอนตัวเองค้นของในลิ้นชัก หาเบอร์ติดต่อในนามบัตรที่ได้มาจากเพื่อนของผมอีกที มันเป็นเบอร์ติดต่อของหมอท่านหนึ่ง อายุไม่ได้ถือว่ากลางคน วัยรุ่นไฟแรงแต่ผ่านประสบการณ์มาระดับหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเขาจะดูแลเคสนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ขอติดต่อเพื่อไม่ให้ขาดช่วงดีกว่า
“หมอวรพงศ์ อัศจรรย์ชาลี”
ชื่อของหมอท่านนี้พร้อมเบอร์ติดต่อ เวลาแบบนี้ตีสามครึ่งแล้ว ผมควรติดต่อดีไหม เพราะเวลาพักผ่อน หมอไม่ได้ดูแลเคสใหญ่โทรไปจะเป็นการรบกวนหรือเปล่า ผมทำได้แค่ฝากข้อความผ่านไลน์ของเขา เริ่มแนะนำตัวและบอกอาการให้หมอผ่านช่องแชทก่อน ผมคิดขบขันกับตัวเองว่าหมอรักษาผู้ป่วยผ่านออนไลน์แล้วหายเลย ไม่งั้นวิชาแพทย์จะคิดค้นรุ่นสู่รุ่นทำไม ผมคิดอะไรน่าตลกในเวลาจริงจังทำไมเนี่ย
ตริ๊งง!!
ผมแปลกใจมากว่าหมอวรพงศ์อ่านไลน์เร็วมากในห้าวินาทีเลยเหรอ ยังไม่ทันวินิจฉัยโรคก็จะพามานัดเจอตามที่อยู่แล้ว หมออ่านความคิดปรุงแต่งของผมออกผ่านไลน์ได้เหรอทำไมรู้ว่าผมกับพิชชาเจออะไร เขาเป็นหมอรักษามนุษย์หรือหมอดูทำนายชีวิตกันแน่ ผมตอบตกลงและพร้อมไปตามวันเวลา ไม่รู้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่แต่ตอบตกลงไปแล้ว
วันต่อมา
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน นายจะรีบอะไรอะ”
ผมตกใจเพราะว่านพาผมมาส่งหาหมอ ลากตัวแล้วดันไหล่ให้ผมรีบนั่งลงทันที ตั้งแต่เดินทางมาผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำมีแต่จะให้ผมเข้าไปรักษาให้อาการหายถาวรให้ได้ ผมถามเขาก็ไม่ยอมตอบมีแต่คำว่าหมอและคำว่าอยากให้หาย กรอกหูผมเสมอ ผมทักทายหมอแล้วนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตา
คนตรงหน้าคือหมอวรพงศ์ หมอหน้าเด็กแต่อายุยี่สิบกว่า ๆ เขาไม่ใส่เสื้อกราวน์ใส่ชุดปกติเหมือนพวกผม ผมดูแล้วไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ คนตรงหน้าคือหมอจริงหรือเปล่า ว่านพาผมมารักษากับใครแล้วอาการผมจะแย่ลงหรือเปล่า อาการไม่ดีขึ้นมาผมจะทำยังไง
“ไม่กลัวนะครับ ผมหน้าตาอ่อนวัยเหมือนวัยรุ่นอยู่ ความน่าเชื่อมีให้และจริงใจเสมอครับ” หมอวรพงศ์บอกให้ผมไว้วางใจ ผมมองดูป้ายชื่อที่สกรีนไว้ในแท่งแก้วบอกชื่อ นามสกุลและตำแหน่งงาน บนโต๊ะมีกองเอกสารและรอบข้างมีเตียงและโซฟาอำนวยความสะดวกสบาย ของทุกชิ้นเป็นมิตรไม่มีของแหลมคมอยู่ใกล้บริเวณให้ผมแตกตื่น ถือว่าความน่าเชื่อยังพอมีอยู่
“ครับ ผมพิชชานะครับคุณหมอ”
“ผมหมอวรพงศ์นะครับ แฟนคุณตั้งใจอยากรักษาคุณมากเลยนะ รักษามากี่ที่ไม่หาย ผมพร้อมช่วยเท่าที่ช่วยได้มากที่สุดนะครับ” ว่านยิ้มให้หมอเมื่อผมได้ยินคำพูดจากปากสร้างความเชื่อใจว่าจะไม่ทำให้ผู้ป่วยตายระหว่างการรักษา การทำผู้ป่วยตายด้วยความตั้งใจหรือเจตนาร้าย ถือว่าผิดจรรยาบรรณอย่างมหันต์ ผมว่าหมอคนนี้มีโปรไฟล์น่าเชื่อถือในสายตาผมแล้ว ขนาดอ่านไลน์ตอบไว อ่านทุกบรรทัดจับใจความตอบไวและเร็วอย่างถูกต้อง ความน่าเชื่อถือผมให้หมดทั้งใจ
“ฝากด้วยนะครับหมอ หวังว่าพิชชาจะหายจากโลก.... โรคใบนี้นะครับ” ผมบอกกับหมอไปตามนี้ ผมหวังว่าอาการของพิชชาจะดีขึ้นหายเป็นปลิดทิ้งไม่ต้องให้ผมมากระวนกระวายจนฝันร้ายไปอีกคนล่ะ
“รับรองว่าหายดีจนไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วครับ”