EP2 - ประวัติคนไข้พิจารณาเหมือนรับเข้าทำงาน

1372 Words
2 - ประวัติคนไข้พิจารณาเหมือนรับเข้าทำงาน “คุณกำลังกลัวเหรอพิชชา” คำถามของหมอวรพงศ์ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ทำไมน้ำเสียงที่ผมได้ยินกำลังบอกให้ใจของผมกำลังตื่นกลัว ผมกลายเป็นโรคกลัวหมอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหนผมยังไม่รู้ตัวเองแต่สิ่งที่กำลังเป็นตอนนี้บอกเลยว่าความตื่นตระหนกของผมทำงานยิ่งกว่านาฬิกานับถอยหลัง ผมไม่รู้ว่าหมอคนนี้เจตนาจะรักษาให้ผมหายจากโรคหรือหายจากโลกใบนี้กันแน่ แววตาท่าทางและน้ำเสียงเวลาคุยกับผม บอกเลยยิ่งกว่าฆาตกรโรคจิต ผมกำลังกลัวจนคิดไปเองขนาดนี้เลยเหรอ “เอ่อ... ผมแค่นอนไม่หลับต้องมัดแขนขาแบบนี้เลยเหรอ” ผมไม่รู้ว่าอาการนอนไม่หลับของผมมันร้ายแรงถึงขนาดจับมัดมือมัดเท้าไปเพื่ออะไร ผมไม่ได้เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลศรีธัญญาสักหน่อยไม่เห็นต้องปลอดภัยไว้ก่อนขนาดนี้สักหน่อย “ปกติชีวิตคุณก็ชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” “หมายความว่ายังไงหมอ...” ผมไม่รู้ว่าหมอวรพงศ์กำลังพูดอะไร แต่ผมชอบแบบนี้เหรอจับมัดมือมัดเท้าเหมือนคนชอบใช้ชีวิตซาดิสม์ ผมไปชอบตอนไหนแล้วทำไมหมอรู้ว่าผมเป็นแบบไหน นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมไม่ได้รู้จักกับคนตรงหน้าสักหน่อย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อนหรือแฟนผมแน่นอนหรือประวัติการรักษาผมจะมีข้อมูลบางอย่าง “เอาเถอะ ผมจะรักษาอาการนอนไม่หลับให้คุณเอง” ผมรักษาคำพูดยิ่งชีพว่าผมจะไม่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากความตั้งใจ รู้ตัวดีและความชี้เป็นชี้ตายอยู่ในมือ ผมจะทำให้เขาหายจากการนอนไม่หลับเอง ผมวินิจฉัยร่างกายและถามว่าผ่านอะไรมาบ้าง ผมอยากรู้สาเหตุเพราะปกติคนเราไม่ฝันร้ายโดยไม่มีสาเหตุหรอก อาจมีปัจจัยอื่นมาเชื่อมโยงด้วย ผมต้องหาสาเหตุและดูอาการของผู้ป่วยตรงหน้าสักระยะ “คุณฝันร้ายเรื่องอะไรซ้ำ ๆ ล่ะครับ” ผมถามอาการและอยากรู้สาเหตุว่าคนตรงหน้าอย่างพิชชา ผ่านชีวิตและเคยเจอใครมาก่อน สิ่งที่เขาบอกมา ในความฝันของเขามีผู้ชายคนหนึ่งจ้องจะเอาชีวิต หน้าตาของเขาคือคนที่อาจจะเคยเห็นหน้ามาก่อน เคยผ่านและใช้เวลามาด้วยกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่อยู่ในชีวิต อาจจากเป็นไม่ก็จากตาย ถึงจะจากไปด้วยวิธีไหน ถ้าไม่เห็นในสายตาและในชีวิต ความปลอดภัยจะทำงานดีขึ้นระดับหนึ่ง “ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใคร ถ้าคุณเห็นในฝันทุกคืนคุณก็ต้องจำได้สิว่ามันเป็นใคร” “ผมไม่เคยเห็นหน้าของเขา แต่ท่าทางของเขากำลังบอกผมว่าผมกับเขาเคยมีความรักกันมาก่อน” ลักษณะความฝันของผมเหมือนวนซ้ำไปมาและผมไม่เคยเห็นหน้าฆาตกรเพราะในความฝันมันปิดหน้าอำพรางไม่ยอมให้ผมเห็นมัน ผมถึงคาใจมาถึงทุกวันนี้ว่าผมควรจะทำยังไง ถ้าผมเข้าไปกระชากหน้ากากของมันในความฝันได้ ผมจะลากมันออกมาให้เห็นในชีวิตจริง จะกระทืบให้ตายคาเท้าผมเพราะมันหลอกหลอนผมไม่หยุดมาถึงทุกวันนี้ “น่าแปลกมากนะที่มันไม่แสดงตัว” “ความฝันตอนหลับลึกมันก็เหมือนกล่องสุ่มนั่นแหละครับหมอ ผมจะบังคับให้ตัวเองฝันร้ายทำไม นอนหลับแต่ละคืนผมต้องมาลุ้นวัดดวงอย่างเดียวว่าจะรอดตายหรือรอดกลับมา...” ผมไม่สามารถเลือกความฝันเองได้หรอก ต้องวัดดวงแต่ละคืนว่าผมจะฝันดีหรือฝันร้าย ระบบความฝันแบบกล่องสุ่มถือว่าคาดเดาไม่ได้เลย ลุ้นเหมือนลอตเตอรี่ต่างกันแค่สิ่งนั้นทำให้รวย แต่ฝันร้ายทำให้ซวยไปตลอดกาล “ผมยังฝันว่าผมอยู่ที่บ้านหลังเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิมแต่คนที่อยู่ในบ้านกลับเป็นคนอื่น เหมือนสลับบ้านจากคนทั่วโลกอยู่ ครอบครัวผมอาจจะถูกสุ่มไปอยู่ประเทศไหนก็ได้” หมอวรพงศ์ทำการจดทุกคำพูดของผมให้มากที่สุดเพื่อที่เขาจะได้ไปวินิจฉัยและช่วยปะติปะต่อเรื่องราวน่าสงสัยที่ผมกำลังเป็นอยู่ก็ได้ ผมไม่อยากเจอแต่จำเป็นต้องเล่าเพราะไม่งั้นเขาจะไม่รู้วิธีการรักษาให้หายขาดอย่างแท้จริง “ดูท่าทางอาการจะหนักมากเลยนะครับ...” หมอบอกผมและเริ่มทำการวิเคราะห์และจัดแจงยาไปให้ผมทานก่อน ดูอาการแรกเริ่มก่อนเพราะเคสของผมแปลกมาก ฝันซ้ำไปมาและประหลาดมาก บางทีปริศนาทุกอย่างอาจจะทิ้งอยู่ในความฝันโดยที่ผมไม่รู้ตัวก็ได้ ผมเห็นว่าหมอน่าเชื่อถือ ทุกอย่างรอบข้างคือความจริงใจไม่ใช่ตั้งโชว์แสร้งว่าเป็นหมอ กว่าจะเสร็จ ผมแทบกลับออกไปไม่เป็นตัวตนเลย สรุปตอนนี้ผมนอนไม่หลับหรือเป็นอาการทางจิตไปแล้วกันแน่ บอกตัวเองไม่ได้เลย เวลาต่อมา ในขณะที่หมอวรพงศ์ดูแลเคสของพิชชาเสร็จแล้ว ผมนั่งทำงานอย่างสงบอยู่ในห้องทำงานของผม ผมได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น คนที่ขออนุญาตเข้ามาก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เขาคือเพื่อนของผมอย่าง ‘ดิวเลอร์’ ถึงเขาไม่ได้ทำงานที่นี่แต่เป็นญาติของเจ้าของโรงพยาบาล ไม่แปลกที่เขาจะมีสิทธิ์เข้านอกออกในได้ ไม่ใช่คนนอกแต่เป็นคนสนิทของผม เขาเข้ามาดูจะเป็นห่วงส่งอาหารและเครื่องดื่มให้ผมเสมอ “ดีนะที่ไม่ใช่ไก่ทอด กินแล้วจะมีเคสด่วนไหม” เขาว่ากันว่าอย่าส่งไก่ทอดให้หมอและพยาบาลขณะว่างเวรไม่งั้นกินได้หนึ่งคำจะมีเคสด่วนเข้าทันที ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่พูดแบบนี้อ้างอิงจากบทวิจัยหรือเหตุการณ์จริงตอนไหน มันเป็นไปได้ยังไงผมยังไม่ทันต้นเหตุ เอาเป็นว่าระหว่างนี้ผมขอเติมพลังสักหน่อย หมอแบบผมสเปคเครื่องดื่มชูกำลังเลยล่ะ “เอ๊ะ ผู้ป่วยคนนี้...” “มึงรู้จักเหรอ” ดิวเลอร์มองประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายนี้ ผมรู้ว่าเขาเป็นใครและหมอวรพงศ์อาจคุ้นตาเป็นอย่างดี ผมเห็นประวัติแล้วบอกเลยว่าโปรไฟล์ดีใช้ได้เลย น่าจะส่งตัวมารักษาที่นี่เป็นสเปคขององค์กรนี้ สิ่งที่ผมพูดไปถือเป็นความขบขันที่ผมด้นสดคิดจะเล่นตอนนี้ แล้วทำคนหัวเราะถือว่าได้ผล “ไอ้ดิวเลอร์นี่ประวัติคนไข้นะ ไม่ใช่ประวัติรับคนเข้าทำงาน เขาไม่ได้มาสมัครเป็นคนป่วยนะเว้ย ใครที่ไหนเขาทำกัน” ผมยื่นประวัติรักษาตัวให้มันอ่านหัวข้อเน้น ๆ ว่าประวัติผู้ป่วยไม่ใช่ประวัติสมัครงาน ผมเป็นหมอไม่ใช่ เฮชอาร์รับคนเข้าทำงาน ดิวเลอร์มันทำงานเอกสารแท้ ๆ แต่หยิบจับเอกสารให้คนผิดทุกที หยิบประวัติยาเป็นประวัติคนป่วย แยกเอกสารทางการกับส่วนตัวไม่ออกหรือไง “พิชชา พิชญกร จักรวาลยนตรภาพ” ผมอ่านชื่อผู้ป่วยและประวัติการรักษาจากที่ผมขอจากโรงพยาบาลอื่น และจากญาติผู้ป่วย คนที่ชื่อว่านเป็นแฟนของพิชชา ผมอ่านชื่อเขาอีกครั้งยังยากเลย ต่อให้ตัวสะกดไม่ประหลาดแต่ยากในความสามารถผมอยู่ดี เขียนลายมือหมอยังต้องชิดซ้ายเมื่ออ่านชื่อผู้ป่วยรายนี้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะคนนี้ผมรู้เป็นอย่างดี งานนี้ผมคงต้องให้ดิวเลอร์ช่วยผมหน่อยแล้วล่ะ “ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมดิวเลอร์” “อยากให้ผมช่วยอะไรล่ะ” ผมเห็นว่าวรพงศ์ต้องการให้ผมช่วยอะไรบางอย่าง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ผมจะช่วยผู้ป่วยรายนี้อีกแรง แต่ว่าช่วยในทางที่ดีหรือแย่ลงล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD